สุนัขดิฉันแท้งแล้วเสียชีวิต

 
สะออนน้อย
วันที่  22 มิ.ย. 2556
หมายเลข  23078
อ่าน  1,862

แต่ก่อนตายไม่รู้เลยว่าเค้าจะตายเค้า ไม่มีเสียงร้องได้แต่มองหน้าเราแล้ว วันนั้นก่อนที่จะตายดิฉันกลับบ้านได้ 2 วัน เค้าก้อเอาแต่มองหน้าเราตอนจะออกจากบ้านเค้าก้อนอนมองตามเราไม่กระพริบ คือแต่กเ่อนนอนด้วยกันทุกวันค่ะเป็นเวลา 2 ปีเต็มเท่าอายุเค้าค่ะ เวลาสวดมนต์เค้าก้อนอนฟังแต่ตอนที่เค้าท้องใกล้คลอดที่บ้าน บอกให้เอามาอยู่บ้านผ่านไปแค่ 2 อาทิตย์กลับมาหาเค้าเป็นเงียบๆ ไม่มีแรงไม่นึกว่าจะแท้งแล้ว เค้าก้อไม่แสดงอาการเลยว่าเจ็บอะไรเลยแต่เค้าเคยกัดเป็ดตาย 1 ตัว ไก่ 2 ตัว แต่ดิฉันก้อสวดมนต์ให้ฟังบ่อยเหมือนกันค่ะ พอเค้าตายดิฉันเสียใจมาก เพราะรักเค้าเหมือนลูกเพราะดิฉันไม่มีลูก อยากทราบว่าเค้าตายไปแล้วเค้าจะไปอยู่ไหนคะ เค้าก้อรักดิฉันมากแต่ก่อนดิฉันไปไหนเค้าต้องไปด้วยแม้แต่ไปทำงาน จะทำบุญให้เค้ายังงัยคะ วิญญาณเค้าจะอยู่ไหนคะเค้าพึ่งเสียไดวันที่ 15 นี่เอง
ดิฉันเสียใจมากจนฝันถึงค่ะ อยากย้อนเวลาพาไปหาหมอทัน ทำให้ดิฉันรู้สึกผิดมากที่ไม่เอะใจ เลยว่าเค้าผอมไปและเงียบไปเพราะปกติแล้วเวลาเจอกันเค้าจะดีใจมากและเดินตามตลอดแต่งวดนี้เค้าเอาแต่นอนมองอย่างเดียวพอดิฉันออกจากบ้านก้อมองตามตลอดพอออกมาเพียง 20 นาที ที่บ้านก้อโทรมาบอกว่าเค้านอนล้มลงแล้วสิ้นใจเลย อยากขอบคุณล่วงหน้าค่ะ ดิฉันอยากรู้มากเลยค่ะเพราะคิดมากนอนไม่หลับทุกคืนเลยค่ะอยากทราบว่าเค้าจะเป็นอย่างไรบ้างคะ ดวงวิญญาณของเค้าเค้าจะทุกข์ทรมานมั้ยคะจะทำบุญอย่างไร เค้าถึงจะได้รับคะ ขออภัยด้วยนะคะเพราะตอนพิมพ์ตัวหนังสือไม่ขึ้นและลบไม่ได้พอจับใจความได้รึเปล่าคะ

ขอบคุณค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 22 มิ.ย. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของๆ ตน ไม่มีใครที่สามารถหลีกเลี่ยงความตายได้

เพราะความตายเป็นของธรรมดาที่สัตว์โลกเมื่อเกิดแล้วก็ต้องตาย แม้แต่พระพุทธเจ้า

แม้จะเป็นบุคคลที่สูงสุด แต่ มัจจุราช ความตายก็ยังมีกับพระพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น

สุนัข ที่เกิดมาแล้ว ก็ต้องตายเป็นธรรมดา ซึ่งในความเป็นจริง หากมองเป็นเรื่องราว

ทางโลก ก็สำคัญว่า เป็นเพราะเราที่ทำให้ตาย ไม่รู้จักสังเกต ไม่พาไปหาหมอ แต่

ในความเป็นจริงแล้ว เมื่อถึงคราวที่จุติเกิด คือ ตาย ไม่มีใครที่หลีกเลี่ยงได้ และ

ไม่มีใครทำให้ตายเลย แต่ กรรมของสุนัขตัวนั้นเองที่ทำให้ตาย เพราะ การตายใน

ทางธรรม คือ จุติจิตที่เป็น ชาติวิบากที่เป็นผลของกรรม ครับ

ซึ่ง เมื่อสัตว์ตายแล้ว หากยังมีกิเลส ก็จะต้องเกิด แล้วแต่ว่าจะเกิดเป็นอะไร

ไม่ได้มีวิญญาณล่องลอย แต่ เกิดแล้ว เป็น เทวดา มนุษย์ สัตว์เดรัจฉาน เป้นต้น

ก็ได้ ก็ตามกรรมของสุนัขนั้น ซึ่ง ไม่มีใครู้เลย นอกเสียจาก พระพุทธเจ้าผู้มี

ปัญญา หากแต่ว่า หน้าที่ของผู้ที่ยังอยู่ คือ การทำสิ่งที่สมควรกับผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว

คือ การอุทิศส่วนกุศลไปให้ โดยการทำบุญกุศลประการต่างๆ มีการให้ทาน เป็นต้น

และ อุทิศให้สุนัข และ สัตว์ทั้งหลาย หากว่า เขาอยู่ในฐานะที่รับได้ คือ เกิดเป็น

เปรต ก็สามารถรับในส่วนกุศล ด้วยการอนุโมทนาบุญที่เราอุทิศ ครับ

ทุกอย่างผ่านไปแล้ว หากว่าจะเศร้าโศกถึงคนที่ตายไปแล้ว ก็ควรจะเศร้าโศก

นึกถึงตนเองว่าจะต้องตายเช่นกัน

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๔ - หน้าที่ 568

๘. อนนุโสจิยชาดก

ทุกคนจะต้องตายควรเมตตากัน


[๖๑๑] ถ้าบุคุคลจะพึงเศร้าโศก ถึงความตาย

อันจะไม่เกิดมีแก่สัตว์ ผู้เศร้าโศกนั้น ก็ควร

จะเศร้าโศกถึงตน ซึ่งจะต้องตกไปสู่อำนาจ

ของมัจจุราชทุกเมื่อ.

[๖๑๒] อายุสังขารหาได้เป็นไปตามเฉพาะสัตว์

ที่ยืน นั่ง นอน หรือเดินอยู่ เท่านั้น ก็หาไม่

วัยย่อมเสื่อมไปทุกขณะ ที่ยังหลับตาและลืมตาอยู่.

[๖๑๓] เมื่อวัยเสื่อมไปอย่างนั้นหนอ ในตน

ซึ่งเป็นทางอันตรายนั้นหนอ ต้องมีความ

พลัดพรากจากกันโดยไม่ต้องสงสัย หมู่สัตว์

ที่ยังเหลืออยู่ ควรมีเมตตาเอ็นดูกัน ส่วนที่

ตายไปแล้ว ไม่ควรจะต้องเศร้าโศกถึง.

ดังนั้น ทุกคน ทุกสัตว์ก็ต่างมา ต่างไป ตามกรรมของแต่ลคน การเกิดเป็นทุกข์

ควรทำกิจหน้าที่ของตนเองที่สำคัญที่สุด คือการศึกษาธรรม อบรมปัญญา เพราะ

เหตุการณ์นี้ควรพิจารณาว่า เหตุที่ทำให้ทุกข์แท้จริง คือ ไม่ใช่สุนัขที่ตาย แต่เป็น

กิเลสที่มีอยู่ที่ติดข้อง เป็นเหตุแห่งทุกข์ ควรที่จะเห็นโทษของกิเลส ด้วยการศึกษา

ธรรม อบรมปัญญา ฟังพระธรรมตามที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ในเวปนี้ พร้อมๆ กับ

การเจริญกุศลทุกๆ ประการ เพื่อเป็นเสบียงในโลกหน้า และ เมื่อ อาศัยการทำดี

และ ศึกษาพระธรรม ย่อมถึงการดับกิเลส และ พ้นจากความทุกข์ทั้งปวงได้ ครับ

เมื่อมีชีวิตอยู่ ควรมีเมตตากับ คนที่ยังอยู่ และ ทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด ครับ

เชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่ ครับ

ทุกข์มากเพราะหมาตายจาก

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
peem
วันที่ 22 มิ.ย. 2556

ขออนุโมทนาคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
สะออนน้อย
วันที่ 22 มิ.ย. 2556

ขอบพระคุณมากค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 22 มิ.ย. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้พระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เืมื่อมีการเกิด ย่อมไม่พ้นไปจากความตายไปได้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ดิรัจฉาน หรือ

เป็นมนุษย์ ในที่สุดแล้ว ก็จะต้องสิ้นสุดความเป็นสัตว์บุคคลนั้น ในชาตินั้น เมื่อว่า

โดยสภาธรรมแล้ว ก็ไม่มีคน ไม่มีสัตว์ มีแต่ธรรมเท่านั้น ที่เกิดขึ้นเป็นไป ที่กล่าวว่า

สัตว์ตาย หรือ คนตาย ก็คือ จุติเกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ และ ตราบใดที่ยังมีกิเลสอยู่

ก็ยังต้องเกิด ตายแล้วเกิดทันทีโดยที่ไม่มีจิตอื่ื่นคั่นเลย ขึ้นอยู่กับว่าจะเกิดเป็นอะไร

ในภพใด ตามสมควรแก่กรรมที่ได้กระทำแล้ว ถ้าเป็นผลของอกุศลกรรม ก็ทำให้

เกิดในอบายภูมิ เป็นสัตว์นรก เป็นเปรต เป็นอสุรกาย หรือ เกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉาน

ถ้าเป็นผลของกุศลกรรมก็ทำให้เกิดเป็นมนุษย์หรือเป็นเทวดา

เมื่อเห็นสัตว์ หรือ คนอื่นตาย ประโยชน์คืออะไร? ในที่สุดแล้ว เราก็จะต้องตาย

เหมือนกับผู้ที่ตายไปแล้วนั่นแหละ ดังนั้น กิจที่ควรทำก่อนที่วันนั้นจะมาถึง คือ

ไม่ประมาทในการศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา และไม่ประมาทในการเจริญ

กุศลสะสมเป็นเสบียงเดินทางต่อไปในสังสารวัฏฏ์ ครับ ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
wannee.s
วันที่ 22 มิ.ย. 2556

ในพระไตรปิฎกแสดงไว้ว่า สัตว์เดรัจฉาน เมื่อตายไป ไปเกิดในสุคติภูมิ มีเป็นส่วนน้อย

สัตว์เดรัจฉานที่ตายไป เกิดในอบายภูมิ เป็นส่วนมาก สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน

เป็นไปตามกรรม ถ้ากุศลให้ผล ก็ทำให้เกิดในสุคติภูมิ เกิดเป็นมนุษย์ เกิดเป็นเทวดา

แต่ถ้า อกุศลให้ผล ก็ไปเกิดในนรก เป็นสัตว์เดรัจฉานเป็นเปรต เป็นอสุรกาย ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
daris
วันที่ 23 มิ.ย. 2556

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
nongnooch
วันที่ 23 มิ.ย. 2556

การที่จะให้เข้าใจสภาพธรรมแต่ละประเภทก็ต้องมีความอดทนเป็นที่ตั้งจริงๆ ค่ะ

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ