การสวดพระอภิธรรม

 
daeng
วันที่  25 มิ.ย. 2556
หมายเลข  23089
อ่าน  11,484

พอดีผมได้ฟังพระธรรมทางอินเตอร์เน็ตที่ถ่ายทอดที่ราชบุรี มีคำถามที่มีผู้ถาม ถามว่าเวลาคนตายจะมีการสวดพระอภิธรรมสามวันบ้าง เจ็ดวันบ้างแล้วแต่ละคนที่จะทำกัน การสวดพระอภิธรรมนี้เป็นการสวดเพื่อให้ผู้ที่มางานศพฟังหรือว่าเพื่ออะไรครับ และจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องมีการสวดพระอภิธรรม (เวลาที่มีคนตาย) และจะมีการจัดสำรับกับข้าวไปวางไว้ที่ข้างโรงศพเพื่ออะไรครับ คำถามนี้พอดีท่านอาจารย์ยังตอบไม่ครบถ้วนแล้วเวลาก็หมดพอดี จึงอยากเรียนถามท่านวิทยากรให้ความรู้เพิ่มเติมด้วยครับ ถ้าจำคำถามผิดพลาดไปบ้างต้องกราบขออภัยด้วยนะครับ

ขอบพระคุณครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 25 มิ.ย. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระอภิธรรม คือ สภาพธรรมที่มีจริง ที่แสดงถึง สภาพธรรมที่ไม่มีสัตว์ บุคคล

ที่เป็นจิต เจตสิก รูป ซึ่ง อุบายที่มีการสวดพระอภิธรรมในงานศพ เพราะด้วย

เหตุผลประการหนึ่ง คือ พระอภิธรรม จะอันตรธานก่อน จึงให้มีการจัดสวด เพื่อ

การทรงจำของพระภิกษุและ พุทธบริษัทไว้ และ อีกประการหนึ่ง เพื่อแสดงถึง

ความจริง ของสภาพธรรม ที่มีจริงว่าเป็นแต่เพียงธรรมไ่ม่ใช่เรา เพื่อคลายโศก

ว่าไม่มีใคร มีแต่สภาธรรมที่เกิดขึ้นและดับไป ครับ

ซึ่งในความเป็นจริง ก็เป็นประเพณีที่สืบต่อกันมา ไม่ได้หมายความว่าจะต้องมา

สวด หากไม่สวดพระอภิธรรม ไม่ใช่งานศพ หรือ ทำไม่ถูกต้อง เพราะ ในความเป็น

จริง ในสมัยพุทธกาลที่มีการจากไป หรือ มีการสิ้นชีวิตของคนในสมัยพุทธกาล ก็

จะมีการแสดงธรรม แต่ ไม่ใช่การสวดพระอภิธรรม เพราะ ประเพณีที่สำคัญที่ลืมกัน

ไป และ เป็นประเพณีที่สำคัญ คือ ประเพณี คือ การฟังธรรม ซึ่งจะทำให้เกิดปัญญา

ความเข้าใจถูก มากกว่า การได้เพียงได้ยินได้ฟัง แต่ไม่รู้ และไม่เข้าใจในภาษาบาลี

ครับ

ส่วนการจัดวางอาหารสำหรบคนตาย นั้นไม่สมควร เพราะเหตุว่า สัตว์เมื่อตาย

แล้วก็เกิดใหม่ทันที ไม่ได้มีวิญญาณล่องลอยมาทานอาหาร ที่ไม่ใช่อาหารดั่งเช่น

มนุษย์ ครับ

ประโยชน์ของการเข้าใจธรรม คือ ให้เห็นถึงความเข้าใจ ด้วยการไม่ยึดติดใน

ประเพณี แต่อยู่กับประเพณีด้วยความเข้าใจ ว่าเป็นการทำสืบทอดกันมา โดยไม่ได้

จำเป็นว่า จะต้องทำตามกันไป หากเกิดกับบุคคลใกล้เคีียง ที่เป็นญาติของตน ที่

สมควร ก็ควรจะให้มีการเทศน์ แสดงธรรม และมีการเลี้ยงภัตตาหาร ในเวลาที่

สมควรที่จะถวายกับพระภิกษุ และอุทิศส่วนกุศลในการเลี้ยงภัตตาหาร และการฟัง

ธรรม สนทนาธรรม ก็จะเป็นประโยชน์เกื้อกูลทั้งตัวของผู้ที่เสียชีวิต หากเกิดจิต

อนุโมทนา และย่อมเกิดประโยชน์กับ ผู้ที่จัดให้มีการเลี้ยงอาหาร และสนทนาธรรม

ฟังธรรม เพราะประโยชน์ คือ กุศลและความเข้าใจทั้งสองฝ่าย และก็จะสะสมไปที่

จะเป็นผู้ตรง ตรงเพราะอาศัย การศึกษาพระธรรมให้คิดถูก เมื่อพบเหตุการณ์หรือ

ประเพณีต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ครับ

เชิญคลิกอ่านที่นี่ ครับ

ประเพณีการสวดพระอภิธรรม

อยากรู้ความหมายของการสวดพระอภิธรรมในงานศพ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 25 มิ.ย. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

-ตราบใดก็ตามที่ยังมีกิเลสอยู่ ตายแล้วก็ต้องเกิด และเกิดทันทีด้วย แต่จะเกิด

เป็นใคร ในภูมิไหน สุคติภูมิ หรืออบายภูมิ ก็แล้วแต่ผลของกรรมที่นำเกิด ถ้าเป็นผล

ของอกุศลกรรม ก็ทำให้เกิดเป็นสัตว์ในอบายภูมิ แต่ถ้าเป็นผลของกุศลกรรม ก็ทำให้

เกิดในสุคติภูมิ เป็นมนุษย์ หรือเป็นเทวดา อาหารที่วางไว้ข้างโลงศพแล้วเรียกให้

คนตาย มาทานข้าว จะเป็นไปได้อย่างไร ผู้ที่ได้ฟังได้ศึกษาพระธรรม ก็จะมีความ

มั่นคงในเป็นจริง จะไม่คล้อยตามกับการกระทำที่ไม่ตรงตามความเป็นจริง แต่จะ

สามารถอธิบายให้ผู้อื่นเข้าใจได้ว่า ความจริงเป็นอย่างไร ที่จะเป็นประโยชน์แก่ผู้

ที่ล่วงลับไปแล้ว ก็คือ ทำบุญแล้วอุทิศส่วนกุศลไปให้ ครับ

-หลายท่านคงเคยไปร่วมฟังสวดพระอภิธรรมในงานศพ พระอภิธรรม ไม่ได้มี

เฉพาะในงานศพ ทุกขณะเป็นธรรม และเป็นอภิธรรม ด้วยสิ่งที่มีจริงในขณะนี้เป็น

ธรรม เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัยไม่อยู่ในอำนาจบังคับ

บัญชาของใครทั้งสิ้น เป็นธรรมที่ละเอียด (อภิธรรม) โดยความเป็นอนัตตาที่หา

ความเป็นสัตว์เป็นบุคคลตัวตน ในสภาพธรรมแต่ละอย่างๆ ไม่ได้เลยซึ่งถ้าไม่ได้ฟัง

ไม่ได้ศึกษา ย่อมไม่มีทางที่จะเข้าใจได้เลย จะเห็นได้ว่าในสมัยพุทธกาล ไม่มีการ

นำพระอภิธรรมมาสวดในงานศพ แต่มีการแสดงพระอภิธรรม แสดงธรรมให้ผู้ฟังผู้

ศึกษาได้เข้าใจ พร้อมทั้งมีการศึกษาพระอภิธรรมเพื่อความเข้าใจสภาพธรรมที่มีจริง

อย่างถูกต้องตามความเป็นจริง ดังนั้น การนำพระอภิธรรมมาสวดในงานศพ

เป็นประเพณีที่มีขึ้นในภายหลัง มีประโยชน์ ไม่ใช่ว่าจะไม่มีประโยชน์ แต่จะเป็น

ประโยชน์ก็ต่อเมื่อใครก็ตามที่มีโอกาสได้ฟังแล้ว ไม่รู้เรื่อง แต่มีความประสงค์ที่จะรู้เรื่องในสิ่งที่พระท่านสวดนั้น ก็เป็นเหตุให้ตนเองได้มาฟัง ได้มาศึกษาเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องยิ่งขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่ฟังคำบาลีเท่านั้น แล้วก็ผ่านไปโดยไม่ได้ฉุกคิดว่าที่ท่านนำมากล่าวนำมาแสดงนั้น คืออะไร มีความละเอียดลึกซึ้งมากน้อยแค่ไหน ซึ่งเมื่อยังไม่รู้ ยังไม่เข้าใจ ก็ต้องฟัง ต้องศึกษาด้วยความละเอียดรอบคอบ เป็นการสะสมปัญญาความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กที่ละน้อย ขณะที่ความเข้าใจเกิดขึ้นนั้น สภาพธรรมที่ดีงามต่างๆ ก็เกิดพร้อมกับปัญญาด้วย โดยไม่ต้องไปทำไปบังคับเลยแต่เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย สิ่งสำคัญ คือ ฟัง ศึกษาพระธรรม เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกยิ่งขึ้นต่อไป แม้แต่ ๓ บทแรก ที่ได้ฟังในงานสวดพระอภิธรรมศพ คือ

กุสลา ธัมมา อกุสลา ธัมมา อัพพยากตา ธัมมา ก็เป็นการกล่าวถึงสภาพธรรมที่มี

จริงๆ คือ ธรรมที่เป็นกุศล ก็มี ธรรมที่เป็นอกุศล ก็มี ธรรม ที่ไม่ใช่ทั้งกุศล ไม่ใช่

ทั้งอกุศล ก็มี ทั้งหมด ล้วนเป็นธรรมที่มีจริง ที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 25 มิ.ย. 2556

สวดพระอภิธรรมเพื่อมีการฟังธรรม และ อุทิศส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับไปแล้ว ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
daeng
วันที่ 26 มิ.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
aurasa
วันที่ 26 มิ.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
เซจาน้อย
วันที่ 26 มิ.ย. 2556

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
pamali
วันที่ 27 มิ.ย. 2556

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ