อรหันต์ในเพศคฤหัสถ์

 
tanaprasith
วันที่  12 ส.ค. 2556
หมายเลข  23359
อ่าน  3,013

ผมเคยอ่านเจอคำถามที่มีผู้สงสัยถามกันมาว่า หลังจากคฤหัสถ์บรรลุอรหันต์แล้ว ไม่บวชภายใน 7 วันจะต้องตาย คำตอบที่ได้รับฟังจากผู้รู้คือ สภาพ สภาวะอรหันต์ นั่นไม่เหมาะกับเพศคฤหัสถ์

ทีนี้ผมมีคำถามที่สงสัยต่อมาจากตรงนี้ เห็นไม่ค่อยมีใครถามครับ ในตำราหรือว่าเอกสารทางพระพุทธศาสนามีบอกบ้างไหมครับว่า มีบุคคลที่บรรลุอรหันต์ในเพศคฤหัสถ์แล้วไม่บวชเป็นเพศบรรพชิต? ยอมตายใน 7 วันนั้น ก่อนถึงเวลา (หากไปบวชหรือว่าเข้าสู่เพศบรรพชิต) ที่ถูก กำหนดไว้ด้วยกฏแห่งกรรมที่นำรูปขันธ์นี้มาเกิด?

ผมถามด้วยการตั้งข้อสังเกตไว้แบบนี้ครับว่า หากบรรลุอรหันต์แล้ว ท่านผู้นั่นน่าจะ หมดความยึดถือในรูปและในนามขันธ์ ถึงแม้ว่า จะต้องตายไปใน 7 วันก็ไม่น่าจะมี ความวิตกกังวลหรือว่าเสียดายชีวิตอีกต่อไปซึ่งไม่เหมือนกับปุถุชนคนธรรมดาที่ยัง อาจจะรักตัวกลัวตาย ห่วงรูปห่วงนามหวงขันธ์กันอยู่


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 12 ส.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สำหรับบุคคลที่ บรรลุเป็นพระอรหันต์ในเพศคฤหัสถ์แล้วไม่บวช ปรินิพพานใน วันนั้นก็มีอยู่ ครับ คือ ท่านสันนติมหาอำมาตย์ ที่ท่านได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า ได้ บรรลุเป็นพระอรหันต์ ท่านไม่บวช แล้วปรินิพพานในวันนั้น ซึ่งหากพิจารณาในพระ ไตรปิฎกในเรื่องนี้แล้ว เมื่อท่านได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ ท่านพิจารณาอายุของท่าน รู้ว่าหมดลงในวันนี้ เมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านจึงทูลลาปรินิพพาน ไม่ขอบวชและปรินิพพาน ในวันนั้น

ดังข้อความที่ว่า

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ -หน้า 118

การปรินิพพานของสันตติมหาอำมาตย์

สันตติมหาอำมาตย์นั้น ครั้นทูลบุรพกรรมของตนอย่างนั้นแล้วนั่งบนอากาศเทียว เข้าเตโชธาตุ ปรินิพพานแล้ว. เปลวไฟเกิดขึ้นในสรีระไหม้เนื้อและโลหิตแล้ว. ธาตุ ทั้งหลายดุจดอกมะลิเหลืออยู่แล้ว.

พระศาสดา ทรงคลี่ผ้าขาว. ธาตุทั้งหลายก็ตกลงบนผ้าขาวนั้น.พระศาสดา ทรงบรรจุธาตุเหล่านั้นแล้ว รับสั่งให้สร้างสถูปไว้ที่ทางใหญ่๔ แพร่ง ด้วยทรง ประสงค์ว่า " มหาชนไหว้แล้ว จักเป็นผู้มีส่วนแห่งบุญ. "


เชิญคลิกอ่านเรื่องสันนติมหาอำมาตย์ได้ที่นี่ ครับ

การบรรลุธรรม ... สันตติมหาอำมาตย์

จะเห็นนะครับว่า การที่แต่ละท่าน บรรลุเป็นพระอรหันต์แล้ว อีกคนขอบวช อีกคนไม่ขอบวช เพราะ อายุสังขารของแต่ละท่านแตกต่างกันไป บางท่านยังไม่สิ้น อายุครับ ดังนั้น ก็ขอบวช ไม่ใช่เพราะความรักตัวเอง หรือเยื่อใยในชีวิต แต่ท่านทราบ ว่า ท่านยังไม่ถึงกับสิ้นอายุตอนนั้น แต่สำหรับท่านสันนติมหาอำมาตย์ท่านทราบอายุ ของท่านว่า จะหมดลงวันนี้ จึงทูลลาปรินิพพาน ส่วนพระอรหันต์องค์อื่นที่ขอบวช ก็ เพราะยังจะต้องมีชีวิตอยู่ และเพื่อประโยชน์ในการช่วยเหลือสัตว์โลกประการต่างๆ ตราบเท่าที่อายุของท่านจะหมดสิ้นลง ดังนั้น แม้ท่านเหล่านั้น ที่เป็นพระอรหันต์จะ ไม่เยื่อใยในชีวิตแล้ว แต่ การไม่เยื่อใยในชีวิตที่เป็นปัญญาของท่านก็ย่อมไม่ใช่เป็น ตัวกำหนดที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ หรือ จะปรินิพพาน เพราะ มีกรรม ที่เป็นปัจจัยสำคัญ ครับ

ข้อความที่แสดงว่า ท่าน สันตติมหาอำมาตย์ทราบอายุของท่านว่า จะปรินิพพานในวันนั้น ดังนี้

ในกาลจบพระคาถา สันตติมหาอำมาตย์ บรรลุพระอรหัต แล้วพิจารณาดูอายุสังขารของตน

ทราบความเป็นไปไม่ได้แห่งอายุสังขารนั้น แล้ว จึงกราบทูลพระศาสดาว่า " ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระองค์จงทรงอนุญาตการปรินิพพานแก่ข้าพระองค์เถิด. "


เชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่ ครับ

ผู้บรรลุเป็นพระอรหันต์ สามารถใช้ชีวิตอยู่ครองเรือนได้โดยไม่ต้องออกบวชหรือ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 13 ส.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระอรหันต์ เป็นผู้ที่ห่างไกลจากกิเลสทั้งหลายทั้งปวง เป็นผู้ทำลายข้าศึก คือกิเลสได้หมดสิ้น เป็นผู้ไม่มีภพใหม่อีกต่อไป หลังจากที่ดับขันธปรินิพพานแล้ว ไม่มีการเกิดอีก จึงเป็นผู้ดับวัฏฏะได้อย่างเด็ดขาด, การบรรลุถึงความเป็น พระอริยบุคคลขั้นต่างๆ เริ่มตั้งแต่พระโสดาบันบุคคล ถึง ความเป็นพระอรหันต์นั้น ต้องเป็นผู้ที่สะสมอบรมเจริญปัญญา สะสมการสดับตรับฟังพระธรรมจากพระพุทธเจ้า องค์ก่อนๆ มาเป็นระยะเวลาที่ยาวนานและต้องเป็นผู้ดำเนินตามทางที่พระผู้มีพระภาค เจ้าทรงแสดงไว้ คือ การอบรมเจริญอริยมรรค ถ้าไม่มีปัญญาแล้วก็ไม่สามารถบรรลุ ถึงความเป็นพระอริยบุคคลได้เลย

เมื่อได้ศึกษาพระธรรมทางพระพุทธศาสนา ก็จะพบข้อความที่แสดงถึงการบรรลุเป็นพระอรหันต์ว่า เมื่อได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ในเพศคฤหัสถ์แล้วจะต้องบวช เมื่อไม่ได้บวชก็จะต้องปรินิพพานในวันนั้น เพราะเพศคฤหัสถ์ไม่สามารถรองรับคุณธรรมอัน สูงยิ่งนี้ไว้ได้ จะเห็นได้ว่าในสมัยพุทธกาล ท่านพระยสกุลบุตร เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดว่า ท่านบรรลุเป็นพระอรหันต์ ในขณะที่เป็นคฤหัสถ์ และได้อุปสมบทในวันนั้น และอีกหลายท่าน เช่น ภัททชิกุมาร (ตามที่ปรากฏใน ภัททชิเถรคาถา) เป็นต้น ก็ต้องได้อุปสมบทในวันนั้น ส่วนผู้ที่บรรลุเป็นพระอรหันต์ในเพศคฤหัสถ์แล้ว ไม่ได้บวช และปรินิพพานในวันนั้น ซึ่งมีหลายท่านด้วยกัน มีสันตติมหาอำมาตย์ เป็นต้น

เมื่อกล่าวโดยสภาพธรรมแล้ว ไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคล ไม่มีตัวตน มีแต่ธรรมเท่านั้น แม้แต่ความเป็นอรหันต์ ก็เพราะมีความเจริญขึ้นของปัญญาจนกระทั่งถึงขณะที่อรหัตต-มัคคจิตเกิดขึ้นดับไป แล้วเป็นปัจจัยให้อรหัตตผลจิตเกิดขึ้น สามารถดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างไม่มีเหลือ เมื่อได้บรรลุถึงความเป็นพระอรหันต์แล้ว ความเป็นไปของท่านก็ดำเนินไปตามปกติของผู้ที่เป็นพระอรหันต์ แต่ไม่มีจิตและเจตสิกที่เป็นไปกับด้วยกิเลสเกิดขึ้นอีกเลย จนกว่าจะถึงการดับขันธปรินิพพาน เมื่อดับขันธปรินิพพานแล้ว ก็ไม่มีปัจจัยที่จะให้ขันธ์หรือสภาพธรรมใดๆ เกิดขึ้นอีกเลย ครับ

ในเว็ปไซต์ของมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศานา คือ www.dhammahome.com มีคำถามและคำตอบในเรื่องนี้ อยู่หลายกระทู้ ด้วยกัน ท่านสามารถคลิกอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ ครับ

เพราะเหตุใดเพศคฤหัสถ์จึงรองรับคุณธรรมของพระอรหันต์ไม่ได้

... ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 13 ส.ค. 2556

พระอรหันต์อยู่ในเพศคฤหสถ์ต้องบวชในวันนั้นจึงจะมีชีวิตอยู่ต่อได้ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ดวงทิพย์
วันที่ 13 ส.ค. 2556

lสาธุๆ ๆ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ