รูปเกิดดับทุก 17 ขณะจิต รูปนั้นคือรูปอะไร
รูปเกิดดับทุก ๑๗ ขณะจิต รูปนั้นคือรูปอะไร
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ประโยชน์ของการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ก็เพื่อเข้าใจสภาพธรรมที่มีจริง ที่กำลังปรากฏในขณะนี้ว่าเป็นธรรม ไม่ใช่เรา ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน เมื่อได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมสะสมความเข้าใจถูก เห็นถูกไปตามลำดับ ก็จะเข้าใจได้ว่า แต่ละคนเป็นแต่ละหนึ่ง เมื่อว่าโดยสภาพธรรมแล้ว ก็ไม่พ้นไปจากความเกิดขึ้นเป็นไปของสภาพธรรมที่เป็นนามธรรม (จิต และเจตสิก) และสภาพธรรมที่ไม่ใช่สภาพรู้ คือ รูปธรรม ไม่พ้นจากสภาพธรรมที่มีจริงเหล่านี้เลย
รูปธรรม เป็นสภาพธรรมที่มีจริง ไม่ใช่สภาพรู้ ตัวอย่างรูป เช่น ตา หู จมูก ลิ้นกาย รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ เป็นต้น รูปธรรม เกิดขึ้นตามสมุฏฐานของตนๆ แล้วก็ดับไป ไม่เที่ยงไม่ยั่งยืน รูปมีมากมายมีทั้งรูปที่เป็นภายในและภายนอก และรูปทุกๆ รูป เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป ทยอยกันเกิด ทยอยกันดับ รูปแต่ละกลุ่มจะไม่ปะปนกัน กล่าวคือ รูปที่เกิดจากกรรม ไม่ใช่รูปกลุ่มเดียวกันกับรูปที่เกิดจากจิต เป็นต้น และที่สำคัญ รูปจะไม่ปะปนกัน กับนามธรรมอย่างเด็ดขาด อายุของรูป เท่ากับจิตเกิดดับ ๑๗ ขณะ มีอายุที่ยาวนานกว่าจิต (และเจตสิก) เพราะจิตมีขณะย่อย ๓ อนุขณะ คือ ขณะที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป สั้นแสนสั้นจริงๆ ไม่มีใครที่จะสามารถหยุดยั้งความเป็นไปของสภาพธรรมได้เลย ความเป็นจริงของธรรม ก็เป็นเช่นนี้ ใครๆ ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้น รูปทุกรูป ก็เกิดดับ เท่ากับจิต ๑๗ ขณะ แล้วก็ดับไป ครับ
เชิญคลิกอ่านที่นี่
ขออนุโมทนา
เรียนอาจารย์ทั้งสองท่าน
รูปที่เกิดจากกรรม เช่น ตา หู จมูก ลิ้น เกิดดับพร้อมจิตเห็น จิตได้ยิน จิตได้กลิ่น จิตลิ้มรส ๑๗ ขณะ แล้วรูปที่เกิดจากจิต อุตุ อาหาร เกิดดับอย่างไรครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
รูปที่เกิดเพราะ จิต อตุ และ อาหาร ก็เกิดดับ ๑๗ ขณะ เช่นกัน ตามสมุฏฐานที่เกิดอย่าง เช่น รูปที่เกิดเพราะ อุตุ เช่น รูปที่ประชุมรวมกันเป็นต้นไม้ เขาก็เกิดดับอยู่ เพียงเราไม่ได้เห็นด้วยตาเปล่า แต่รูปที่ทยอยกันเกิด ทยอยกันดับของรูปที่มีอุตุเป็นสมุฏฐาน ก็มีอายุ ๑๗ ขณะจิต เช่นเดียวกับรูปที่เกิดจากจิตและอาหาร ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เป็นพระปัญญาตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงตรัสรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง โดยละเอียดโดยประการทั้งปวง แล้วทรงแสดงความจริงให้สัตว์โลกได้เข้าใจถูกเห็นถูกตามความเป็นจริง รูปธรรม เป็นสภาพธรรมที่มีจริง แต่ไม่ใช่สภาพรู้ ไม่่ใช่ธาตุรู้ เกิดเพราะเหตุปัจจัย ตามสมุฏฐานของตนๆ พระองค์ทรงแสดงว่า อายุของรูปที่เกิดจากสมุฏฐานต่างๆ ที่เป็นสภาวรูปมีลักษณะสภาวะให้รู้ตามความเป็นจริงได้นั้น เทียบได้กับจิตเกิดดับ ๑๗ ขณะ แม้อย่างนั้นก็สั้นแสนสั้น ไม่มีรูปธรรมแม้แต่อย่างเดียวที่คงอยู่ตั้งอยู่นาน เกิดแล้วก็ดับไป ไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืนเลย ครับ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ
รูปทุกรูปไม่ว่าจะเป็นรูปไหนก็ตาม ก็เกิดดับ ๑๗ ขณะทุกรูป ไม่เว้น ค่ะ
ผมอ่านของท่านอ.สุจินต์ มีบางครั้งรูปเกิดไม่ครบ ๑๗ ขณะจิต คือโมฆะวาระ เกิดจากอะไรครับ
ขอบพระคุณมากครับ
กราบนอบน้อมพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงความจริงของสภาพธรรมที่เป็นความละเอียดลึกซึ้งอย่างยิ่งด้วยพระปัญญาธิคุณ พระบริสุทธิ์คุณ พระมหากรุณาคุณ ที่ทรงสั่งสมพระบารมีอย่างนานแสนนาน และยากอย่างยิ่งเกินกว่าที่ผู้ใดจะทำได้ ถ้าได้ศึกษาสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงแสดงที่มีปรากฏในพระไตรปิฏก จะเห็นพระมหากรุณาคุณของพระพุทธองค์อย่างสุดจะประมาณได้ แม้เรื่องรูป ก็ทรงแสดงความจริงไว้ และเป็นความจริงที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง รูปทุกรูปที่มีสภาวะเป็นของตนมีอายุเท่ากับจิตเกิดดับ ๑๗ ขณะ ขณะนี้ ก็กำลังเป็นเช่นนั้น คือ เมื่อจิตเกิดดับ ๑๗ ขณะ รูปที่เกิดและเป็นอยู่ก็ดับไป ไม่มีเหลือเลย
เมื่อรูปเกิดขึ้น หากรูปนั้นกระทบปัญจทวาร ทวารใดทวารหนึ่ง ก็จะเป็นปัจจัยให้เกิดวิถีจิต คือจิตรู้อารมณ์ทางทวารนั้นๆ ซึ่งอาศัยปัจจัยมากมาย รวมทั้งผลของกรรมเป็นปัจจัยสำคัญ ที่จะมีผลให้รูปที่มีอายุ ๑๗ ขณะจิตนั้น เป็นอารมณ์ของจิต โดยความละเอียดของวิถีจิต ๔ วาระ คือ
๑. ตทาลัมพณวาระ
๒. ชวนวาระ
๓. โวฏฐัพพนวาระ
๔. โมฆวาระ
ซึ่งสนใจศึกษาเพิ่มเติมโดยคลิ๊กที่
วิถีจิตแรกของทุกภพเป็นทางมโนทวาร
ยินดีในกุศลฉันทะศึกษาพระธรรมค่ะ
เรียนความเห็นที่ 6
บางวาระ วิถีจิต ก็ไม่เกิดเลย ชื่อว่า "โมฆวาระ"
วิถีจิตไม่เกิดเลย คือ มีแต่อตีตภวังคจิต ภวังคจลนจิต เท่านั้น เพราะเหตุว่า เวลาที่รูปกระทบกับปสาท เป็นอตีตภวังคจิต เมื่อกระทบอีก ก็เป็นอตีตภวังคจิตอีก คือ ยังไม่มี ภวังคจลลนจิตที่ไหวไป ที่จะรับรู้อารมณ์ที่กระทบ หรือว่า บางครั้ง เวลาที่อารมณ์กระทบกับปสาท คือ กระทบกับอตีตภวังคจิตเป็นปัจจัยให้ภวังคจลลนจิตไหวไป ที่จะรู้อารมณ์ แต่สายเกินไปเพราะเหตุว่า รูป (ที่เป็นอารมณ์) นั้นๆ ดับไปเสียก่อนแล้ว
เพราะเหตุว่า เวลาที่อารมณ์กระทบกับอตีตภวังคจิต และ เวลาที่ภวังคจลลนจิตไหวไปเพื่อจะรับรู้อารมณ์นั้น มีหลายขณะที่จิตนั้นไม่มีกำลังพอที่จะเกิดขึ้นแล้วรับรู้อารมณ์ในขณะนั้นได้ เช่น คนที่นอนหลับสนิท เขย่าแล้วก็ยังไม่ตื่น เขย่าแรงๆ ก็ยังไม่ตื่นอีก เพราะอะไร เพราะว่า อาวัชชนจิต ไม่เกิด มีแต่อตีตภวังคจิต และภวังคจลลนจิต เพราะฉะนั้น จึงเป็น "โมฆวาระ" เพราะเหตุว่า วิถีจิตไม่ได้เกิดขึ้นรู้อารมณ์ที่มากระทบชื่อว่า "โมฆวาระ" เพราะ เป็นขณะที่วิถีจิตไม่เกิดขึ้นรู้อารมณ์ทางปัญจทวาร
จาก...
แนวทางเจริญวิปัสสนาโดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ถอดเทปโดย คุณสงวน สุจริตกุล
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่..