ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๑๕
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรม จากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจสั้นๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย เพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ถึงแม้ว่าจะเป็นข้อความที่สั้น แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์อยู่ในตัว ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
[ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๑๕]
--- ธรรมที่ได้ยินได้ฟังอยู่ หรือที่จะได้ยินต่อไป หรือว่าที่ได้ยินมาแล้วก็ตาม ท่านจะ ต้องไตร่ตรองจริงๆ ให้ได้ความเข้าใจที่แท้จริง จึงจะได้ประโยชน์ที่เกิดจากธรรมที่ ได้ฟัง มิฉะนั้นแล้วท่านอาจหลงผิด เชื่อผิด ปฏิบัติผิดได้โดยง่าย แต่ถ้าท่าน พิจารณาไตร่ตรองในเหตุผล โดยรอบคอบ ก็ย่อมเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง
--- ถ้าผู้ใดประมาทธรรม ก็คิดว่าธรรมไม่ลึกซึ้ง ไม่ต้องฟังมาก ไม่ต้องพิจารณามาก ในเรื่องของการปฏิบัติก็ไม่ใช่ว่าจะเห็นว่าปฏิบัติอย่างไรๆ เข้าใจอย่างไรๆ ก็ถูกทั้งนั้น นั่นคือผู้ที่ประมาทธรรม แต่ว่าผู้ที่ไม่ประมาทธรรมนั้น ย่อมพิจารณาเห็นธรรมด้วย ความละเอียดรอบคอบ
--- รูปร่างภายนอกอาจจะดูน่าดู แต่ว่าเวลาพูดเต็มไปด้วยกิเลส มีการโอ้อวด หรือว่าเต็มไปด้วยความริษยา ผูกอาฆาตต่างๆ รูปงามนั้นก็เป็นรูปที่ไม่งาม เสียแล้ว เพราะเหตุว่าขณะนั้นมีจิตที่ทำให้กล่าววาจาที่เป็นอกุศลเพราะ กิเลสของตน
--- ความหมายของการประพฤติปฏิบัติธรรมในพระพุทธศาสนา จุดมุ่งไม่ได้อยู่ ที่เพศบรรพชิตหรือคฤหัสถ์ แต่ว่าจุดมุ่งอยู่ที่การขัดเกลา การดับกิเลส การสงบ บาปได้โดยประการทั้งปวง
--- เพียงคิดว่าจะทำกุศล แต่ถ้าไม่ทำ ขณะต่อไปก็เป็นอกุศลเสียแล้ว หรือเมื่อกี้นี้ สติไม่ได้ระลึกรู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมก็เป็นอวิชชา เป็นความไม่รู้ สะสมหนาแน่นยิ่งขึ้น เหนียวแน่นยิ่งขึ้น
--- อัธยาศัยของผู้ที่เต็มไปด้วยกิเลส ก็ยังมีปัจจัยที่จะให้อกุศลจิตเกิดกระทำ อกุศลกรรม ด้วยเหตุนี้พระผู้มีพระภาคจึงทรงเตือนทรงโอวาทพุทธบริษัทให้เป็น ผู้ที่ไม่ประมาท แล้วก็ไม่พึงพอใจในบาป และไม่พึงดูหมิ่นบาป ว่าบาปมีประมาณน้อย จักไม่มาถึง
---กุศลนี้มีประโยชน์มาก แต่เกิดน้อย เพราะฉะนั้น ก็ไม่ควรประมาท แล้วก็เจริญ กุศลให้มากขึ้น
---ไม่ทราบว่าจะไปสู่สถานที่ใด ตราบใดที่ยังไม่เป็นพระอริยเจ้า และท่านผู้ฟัง จะเห็นได้ว่า ด้วยเหตุใดพระผู้มีพระภาคจึงทรงเตือนให้ระลึกถึงความตาย ก็เพื่อ ที่จะให้อบรมเจริญกุศลที่จะกระทำได้โดยเฉพาะการอบรมเจริญสติปัฏฐานที่จะให้ รู้แจ้งอริยสัจจธรรมเป็นพระอริยเจ้า ที่จะถึงการดับภพชาติ ไม่ต้องเกิดอีก
--- เรื่องติดนี่เหนียวแน่นจริงๆ ทั้งทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกายมาก มายเหลือเกิน ถ้าไม่รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง จะไม่รู้ตัวเองเลยว่า กิเลส มากมายและเหนียวแน่น หนาแน่น แค่ไหน
--- เป็นการยากเหลือเกินที่จะเว้นคำพูดที่ไม่มีประโยชน์ได้เป็นสมุจเฉท ถ้าบุคคล นั้นยังไม่บรรลุคุณธรรมเป็นพระอรหันต์ ก็ยังไม่สามารถที่จะดับสัมผัปปลาปวาจา การพูดคำที่ไม่มีประโยชน์ได้เป็นสมุจเฉท แต่สำหรับท่านที่ใคร่ในการศึกษาธรรม ในการอบรม ในการเจริญธรรม ท่านพากเพียรที่จะละเว้นและขัดเกลากิเลสตาม อัธยาศัยที่ท่านได้สะสมมา
---กว่าจะดับกิเลสได้จริงๆ ต้องขัดเกลามาก พร้อมทั้งเจริญกุศลทุกประการ
---การที่จะเป็นทุจริตทางกาย ทางวาจา ก็จะต้องอาศัยอกุศลจิตที่เป็นปัจจัยทำให้ เกิดวจีทุจริตทางกายบ้าง ทางวาจาบ้าง
---จิตนี้สะสมกิเลสไว้มากเหลือเกิน ถ้าไม่ศึกษาพระวินัยบัญญัติ ก็จะไม่เห็นจริงๆ ว่า กายอย่างนั้น วาจาอย่างนั้นเกิดขึ้นเพราะกิเลสจริงๆ การที่จะดับกิเลสได้จริงๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย แล้วก็เป็นเรื่องที่ต้องอบรมทุกประการ
--- จะละรูปได้หมดสิ้น เมื่อไม่มีการเกิดอีก หนทางที่จะไม่เกิดอีก คือ หนทางแห่งการอบรมเจริญปัญญา
---เห็นไม่ใช่คิด คิด ไม่ใช่ เห็น
--- คนหลับ ไม่เห็น ขณะเห็น ไม่หลับ
---โกรธ เพราะไม่รู้ ติดข้องพอใจ ก็ไม่รู้ และเพราะยังมีความไม่รู้ จึงมีการฟัง พระธรรม ศึกษาพระธรรม
---คำจริง แสดงให้เข้าใจสิ่งที่มีจริง เป็นพระพุทธพจน์ ควรศึกษาให้เข้าใจ อย่างแท้จริง
--- ไม่ประมาทที่จะเข้าใจ ว่า โลภะ เป็นโทษ เป็นภัย
---อะไรที่จะทำให้ไม่ติดข้อง คือ การอบรมเจริญปัญญา, การอบรมเจริญปัญญา พึ่งได้แน่นอนทำให้พ้นจากทุกข์และกิเลสทั้งปวงได้อย่างแท้จริง
---ควรอย่างยิ่งที่จะได้ศึกษาพระธรรมด้วยความเคารพอย่างยิ่ง และ ทำทุกอย่าง ที่จะดำรงพระพุทธศาสนาด้วยความถูกต้อง
---ถ้าไม่มีการฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ จะรักษาพระพุทธศาสนาไว้ได้ อย่างไร
---พระบรมสารีริกธาตุ เตือนให้ระลึกถึงพระมหากรุณาคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ทรงแสดงพระธรรมประกาศความจริงเกื้อกูลแก่สัตว์โลกในขณะที่พระองค์ยังทรง พระชนม์อยู่
---ไม่มีเลยในสมัยพุทธกาลที่ผู้ได้ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมแล้ว จะไปสร้าง สำนักปฏิบัติไม่มีเลยจริงๆ
---จะส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้อื่นเกิดกิเลส หรือ จะเกื้อกูลให้เขาได้เข้าใจถูกเห็นถูก ในสิ่งที่มีจริงๆ?
---พระธรรมคำสอนทั้งหมด เพื่อเข้าใจ เพื่อขัดเกลาละคลายกิเลส
--- เมื่อเข้าใจถูกเห็นถูกแล้ว จะมีที่พึ่ง จะไม่ทำให้คล้อยตามในสิ่งที่ผิด
---เพราะมีการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญา ย่อมแน่นอน ต่อการ ที่จะเข้าใจถูกเห็นถูกตามความเป็นจริง
---ถ้าไม่มีความติดข้องต้องการจะสบายมากเลยทีเดียว ลองคิดดูว่า วันนี้ อยากจะรับประทานอะไรแล้วสิ่งนั้นไม่มี เดือดร้อนไหม นี้แหละ เป็นเพราะความ ติดข้องต้องการ เพราะติดข้องแล้ว เมื่อไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ ก็เป็นทุกข์ เดือดร้อน
--- มีชีวิตอยู่เพื่อเข้าใจพระธรรม
ขอเชิญผู้ศึกษาพระธรรมร่วมกันทุกท่าน ร่วมแบ่งปันข้อความธรรม ด้วยนะครับ)
ขอเชิญคลิกอ่านข้อความย้อนหลังครั้งที่ ๑๑๔ ได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๑๔
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นัน
- ขณะนี้มีเสียงปรากฏ ตามรู้เสียงหรือเปล่า ถ้าไม่ได้ตามรู้ก็ไม่ใช่ตามรู้ บังคับ
บัญชาไม่ได้ ไม่มีเราที่จะไปตามรู้ และเมื่อไหร่ที่ เห็น กับ ได้ยินไม่มาเกี่ยวข้องกัน
เมื่อนั้นก็ไม่มีเรา เพราะฉะนั้น ฟังให้เข้าใจไม่ใช่ให้ไปทำอะไร เมื่อเข้าใจมั่นคงขึ้น
ขณะที่สติสัมปชัญญะเกิด ก็ตามรู้สิ่งที่กำลังปรากฏ รู้ได้ด้วยปัญญาไม่ใช่รู้ได้เพราะ
อยาก
- การเป็นคนดี ขณะที่เป็นคนดีก็ได้ทำหน้าที่ช่วยเหลือประเทศชาติแล้ว ยิ่งได้มี
โอกาสได้อบรมเจริญความเข้าใจธรรมที่ถูกต้อง ความเข้าใจธรรมที่ถูกต้องนั้นเป็น
ปํญญาและปัญญาเท่านั้นที่จะรักษาใจไม่ให้ตกไปในฝ่ายอกุศล ขณะโกรธมีประโยชน์
ไหม ขณะคิดตรึกไปถึงสิ่งที่ถูกต้องดีงาม เมตตา การให้ แทนอกุศล ปัญญาที่เข้า
ใจธรรมไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์อย่างไร สิ่งที่กำลังเผชิญหน้าก็ไม่พ้นไปจากการเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การลิ้มรส การกระทบสัมผัสและการคิดนึก ปัญญาที่เข้าใจธรรมว่า จิตแต่ละขณะเกิดแล้วดับไปขณะนั้นเป็นกุศล ขณะเป็นกุศลขณะนั้นอกุศลไม่เกิด
- ควรพิจารณาว่าความเสื่อมทั้งหลายนั้น ความเสื่อมแห่งปัญญานั้นชั่วร้ายน่ากลัว
ที่สุด เพราะเหตุว่าความเสื่อมปัญญานั้นเป็นปัจจัยให้เกิดความเห็นผิด ความเข้าใจ
ผิด ซึ่งเป็นเหตุทำให้การประพฤติปฏิบัติผิด บางคนอาจไม่เห็นโทษเห็นภัยของ
ความเสื่อมแห่งปัญญา ไม่เห็นอันตราย ตามความเป็นจริงแล้ว ความเสื่อมญาติก็ดี
ความเสื่อมแห่งโภคทรัพย์ก็ดี เป็นแต่เพียงความเสื่อมในภพชาตินี้ที่เห็นๆ กันอยู่
เท่านั้น แต่ความเสื่อมแห่งปัญญานั้นจะเป็นเหตุปัจจัยให้ไปเกิดในทุคติภูมิ เกิด
ในอบายภูมิ เกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉาน เป็นต้น อันจะเป็นเหตุตัดรอนไม่ให้ปัญญาเจริญ
ขึ้นจนกระทั่งสามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้
- ความเจริญด้วยปัญญา ย่อมประเสริฐที่สุด เลิศที่สุด ถ้าไม่ได้พิจารณาไม่ได้
ไตร่ตรอง ก็อาจจะเข้าใจว่าความเจริญด้วยญาติ การเป็นผู้มีญาติมากย่อมจะเป็น
ประโยชน์เกื้อกูลมาก สามารถช่วยเหลือเกื้อกูลได้ในยามจำเป็น แต่ถ้าไม่มีปัญญา
แล้ว ก็ไม่ประเสริฐเลย เพราะญาติทั้งหลายไม่สามารถติดตามไปเกื้อกูลในชาติ
ต่อไปได้ แต่ปัญญาที่มี ที่อบรมเจริญในชีวิตประจำวัน ไม่สูญหายไปไหน สะสม
สืบต่ออยู่ในจิตทุกขณะ และเป็นที่พึ่งได้อย่างแท้จริง
- เรื่องทรัพย์สมบัตินั้นมีได้ก็ย่อมเสื่อมไปได้ แล้วแต่เหตุปัจจัยที่ได้สะสมมา ไม่อยู่
ในอำนาจบังคับบัญชาได้ แต่เมื่อเสื่อมจากลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ผู้ไม่มีปัญญาย่อมรู้สึกเดือดร้อนมาก แต่ตราบใดที่ยังเป็นผู้เจริญด้วยปัญญา ยังประเสริฐกว่าการมีทรัพย์สมบัติแต่ขาดปัญญาหรือเสื่อมจากปัญญา
- ในโลกนี้มีสิ่งที่ควรทำบ่อยๆ เกิดขึ้นบ่อยๆ ในชีวิตประจำวัน การกระทำจะบ่อยๆ
ด้วยอกุศลเป็นส่วนใหญ่ เมื่อได้ศึกษาพระธรรมแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเตือนให้
รู้ว่า...บ่อยๆ ด้วยโลภะ ด้วยอวิชชา หรือเปล่า หรือบ่อยๆ ด้วยปัญญา ทรงแสดงบ่อยๆ
ด้วยโลภะ...จนถึงบ่อยๆ ด้วยปัญญา ทรงแสดงปัญญาที่รู้ลักษณะสภาพธรรมตาม
ความเป็นจริง อบรมเจริญปัญญาบ่อยๆ เพื่อบรรลุอริยมรรคแล้งไม่ต้องมาเกิดอีกบ่อยๆ
ขออนุโมทนา
กราบขอบพระคุณท่านอ.สุจินต์และคณะวิทยากรทุกท่านเป็นอย่างสูงค่ะ
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ
ถ้าผู้ใดประมาทธรรม ก็คิดว่าธรรมไม่ลึกซึ้ง ไม่ต้องฟังมาก ไม่ต้องพิจารณามาก ในเรื่องของการปฏิบัติก็ไม่ใช่ว่าจะเห็นว่าปฏิบัติอย่างไรๆ เข้าใจอย่างไรๆ ก็ถูกทั้งนั้น นั่นคือผู้ที่ประมาทธรรม แต่ว่าผู้ที่ไม่ประมาทธรรมนั้น ย่อมพิจารณาเห็นธรรมด้วย ความละเอียดรอบคอบ
น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ
ธรรมที่ได้ยินได้ฟังอยู่ หรือที่จะได้ยินต่อไป หรือว่าที่ได้ยินมาแล้วก็ตาม ท่านจะ ต้องไตร่ตรองจริงๆ ให้ได้ความเข้าใจที่แท้จริง จึงจะได้ประโยชน์ที่เกิดจากธรรมที่ ได้ฟัง มิฉะนั้นแล้วท่านอาจหลงผิด เชื่อผิด ปฏิบัติผิดได้โดยง่าย แต่ถ้าท่าน พิจารณาไตร่ตรองในเหตุผล โดยรอบคอบ ก็ย่อมเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ