ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๑๖

 
khampan.a
วันที่  10 พ.ย. 2556
หมายเลข  23998
อ่าน  2,057

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรม จากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจสั้นๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย เพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ถึงแม้ว่าจะเป็นข้อความที่สั้น แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์อยู่ในตัว ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

[ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ครั้งที่ ... ๑๑๖]

- กุศลธรรมทั้งหมด ชื่อว่า “สิกขา” เพราะควรแก่การศึกษา ควรแก่การปฏิบัติ เพื่อที่จะได้ขัดเกลากิเลสยิ่งขึ้น

- เวลาที่เกิดโกรธขึ้นมา แทนที่จะคิดอะไรในทางที่ถูกต้อง ก็จะคิดและกระทำใน ทางที่ผิดพลาดเพราะถูกอกุศลครอบงำ

- ขันธ์ทั้งหมดเป็นทุกข์ เพราะเหตุว่าไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชา ขันธ์ใดจะเกิด วันไหน เมื่อไร ขณะใดก็เพราะเหตุปัจจัยทั้งสิ้น ถ้าไม่มีปัจจัยที่จะให้ขันธ์นั้นเกิด ขันธ์นั้นก็เกิดไม่ได้ เพราะฉะนั้น ทุกขันธ์เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย แล้วก็ดับไป ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชา จึงเป็นทุกข์อย่างยิ่ง

- ความรู้สึกเป็นเวทนาเจตสิก หมายความถึงสภาพความรู้สึกดีใจ เสียใจ สุข ทุกข์ หรืออทุกขมสุข ซึ่งได้แก่อุเบกขาเวทนา ไม่เกี่ยวกับสติ เป็นธรรมคนละอย่างกัน -ผู้ที่จะรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ก็จะต้องอบรมเจริญปัญญาที่จะรู้ลักษณะของสภาพธรรม ที่กำลังปรากฏ จนกว่าปัญญาจะคมกล้า สามารถที่จะแทงตลอดในลักษณะของ นามธรรมและรูปธรรมตามความเป็นจริงได้

- แทนที่จะถามเรื่องของเหตุผล เพื่อที่จะให้เกิดความเข้าใจที่ชัดเจนถูกต้อง แต่ผู้ที่สะสมความที่จะเห็นผิด ที่จะไม่พิจารณาเหตุผล ก็กลับกระทำสิ่งที่ ไม่เป็นประโยชน์

- ใครๆ ที่เคยเกียจคร้านในการที่จะสงเคราะห์ช่วยเหลือบุคคลอื่น ก็จะได้ทราบว่า ขณะนั้นไม่ได้ขัดเกลาอกุศล แต่ว่าเป็นการเพิ่มพูนอกุศลมากขึ้น

- บางท่านอาจจะเห็นว่าการช่วยเหลือสงเคราะห์บุคคลอื่นเป็นสิ่งที่ดี มีความเข้าใจถูก ว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่ในขณะที่ควรจะทำ กลับไม่ทำ ที่เป็นเช่นนี้เพราะขณะนั้นอกุศลธรรม เกิดขึ้นครอบงำ ไม่สามารถที่จะกระทำแม้การสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้ที่ควรสงเคราะห์ได้

- การพิจารณาอย่างแยบคาย ก็ย่อมจะเห็นคุณของกุศลธรรม และเห็นโทษของ อกุศลธรรมที่จะทำให้มีชีวิตอยู่ต่อไปด้วยการละอกุศล และเจริญกุศลยิ่งขึ้น ซึ่งก็ย่อมจะเป็นไปทั้งในชาตินี้ และต่อๆ ไปในชาติหน้าด้วย ถ้าเริ่มเจริญกุศล ตั้งแต่ในชาตินี้

- ตายแล้วจะหวังได้ไหม ว่าจะไปสร้างบุญกันที่ไหนต่อ อาจจะได้และก็อาจจะไม่ได้ ซึ่งไม่มีใครสามารถที่จะรู้ได้ แต่ว่าขณะนี้ยังมีชีวิตอยู่ ที่จะทำความดีได้ต่อไปเวลา ที่จะไปสู่ปรโลก เป็นเวลาที่ไม่มีใครสามารถที่จะต้านทานกรรมได้ ว่าอย่าให้กรรมนั้นให้ผล อย่าให้อกุศลกรรมให้ผล ขอให้กุศลกรรมให้ผล เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลย

- โลภะเป็นเหตุของทุกข์ ฉันใด อโลภะก็เป็นเหตุของสุข ฉันนั้น ลองคิดดูว่า เพียงไม่ติด หรือว่าติดน้อยลงจากสิ่งที่ปรากฏทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจนี้ การขวนขวาย การแสวงหาทุกข์จะน้อยลงไหมในสังสารวัฏฏ์

- ทุกคนก็ต้องเดินทางชีวิตต่อไปอีกยาวนานในสังสารวัฏฏ์ จนกว่าจะอบรมเจริญ ปัญญาถึงขั้นที่จะรู้แจ้งอริยสัจจธรรมเป็นพระอริยบุคคล และชีวิตข้างหน้าก็จะ สุขทุกข์อย่างไร ก็ย่อมเป็นไปตามกรรม ซึ่งถ้าทุกคนมีความมั่นใจจริงๆ และมี ความเข้าใจจริงๆ ในเรื่องของกรรมนี้ ก็ย่อมจะเป็นผู้ที่ไม่ประมาทในการเจริญกุศล

- ขณะใดที่จิตใครเป็นกุศล ขออนุโมทนา และก็ขณะใดที่จิตใครเป็นอกุศล ก็อนุโมทนาไม่ได้

- พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง ๔๕ พรรษา มีประโยชน์สำหรับผู้ที่น้อมรับ ฟังพระธรรมด้วยความเคารพ คือ เป็นผู้ที่น้อมประพฤติปฏิบัติตาม เป็นการ บูชาพระคุณของพระผู้มีพระภาคอย่างสูงสุด

- ไม่ใช่ให้ทำอย่างอื่นเลย แต่ว่าให้ประพฤติธรรม คือ การเจริญกุศล แต่ว่าตาม ความเป็นจริง ทุกคนก็ยังมีกิเลสอยู่ เพราะฉะนั้น กุศลแต่ละประการที่ได้ฟัง เป็นการเห็นประโยชน์ของกุศลในขั้นของการฟัง และในขั้นของการพิจารณา แต่ว่ายากที่จะเกิดได้บ่อยๆ แต่ก็ยังดีใช่ไหม คือเมื่อฟังแล้ว พิจารณาในเหตุ ในผลให้เข้าใจ เพื่อจะเป็นการเกื้อกูลปรุงแต่งให้เกิดกุศลในแต่ละประการ เพิ่มยิ่งขึ้น แต่ถ้ามีการฟังน้อย การพิจารณาน้อย ก็ไม่มีกำลังพอที่จะเป็น สังขารขันธ์ปรุงแต่งให้กุศลเจริญขึ้นได้

- ชาตินี้ ก็จะเป็นชาติก่อนของชาติหน้า ถ้าไม่เห็นประโยชน์ของพระธรรมและ ความดีในชาตินี้ ชาติต่อไปก็จะเป็นอย่างนี้อีก ซึ่งจะประมาทไม่ได้เลยทีเดียว

- บุคคลผู้ประมาทอยู่ แม้จะมีชีวิตยืนยาวเป็นร้อยปี ก็เป็นเหมือนกับคนที่ตายแล้ว เพราะคนที่ตายแล้วไม่สามารถอบรมเจริญปัญญาได้ ไม่สามารถเจริญกุศลได้ เช่นเดียวกันกับผู้ประมาท แม้มีชีวิตอยู่ ก็ไม่ได้เจริญกุศล ไม่ได้ทำความดีอะไรๆ เลย ไม่ได้อบรมเจริญปัญญา ผู้ประมาท จึงไม่ต่างอะไรกับคนที่ตายแล้ว

- มีค่ามาก ในขณะที่เป็นกุศลแม้จะเพียงเล็กน้อย อกุศล ก็เกิดขึ้นไม่ได้

- ฟังพระธรรมต่อไป เพื่อชาตินี้ จะได้มีความเข้าใจธรรมซึ่งเป็นสิ่งที่ยากอย่างยิ่ง

- อยู่ดีๆ แท้ๆ ทุกข์ใจก็เกิดได้ เพียงเห็นคนแล้วเกิดความโกรธขึ้น ไม่มีใครทำให้เลย เพราะอกุศลของตนเองแท้ๆ เลย

- ทุกครั้งที่ฟังพระธรรม ก็เป็นการเริ่มต้นแห่งการสะสมความเข้าใจถูกเห็นถูก

- คำพูดของใครก็ตามที่ไม่ได้ทำให้เข้าใจถูกเห็นถูก คำนั้น ไม่ควรฟัง

- สกปรก เน่าเหม็น เชื้อโรคเต็ม นี้แหละคือ จิตของแต่ละคนหรือเปล่าที่สะสมสิ่งที่ไม่ดีมากมาย

- ถ้าคิดว่าพระธรรม ง่าย เมื่อไตร่ตรองพิจารณาแล้ว เป็นจริงอย่างนั้นหรือไม่? ไม่เป็นอย่างนั้นเลย เพราะ พระธรรม ไม่ง่าย เพราะถ้าง่าย พระสัมมาสัมพุทธเจ้า คงไม่ต้องบำเพ็ญพระบารมีมานานแสนนานถึงสี่อสงไขยกับแสนกัปป์

- ฟังพระธรรมต่อไป เพื่อชาตินี้ จะได้มีความเข้าใจธรรมซึ่งเป็นสิ่งที่ยากอย่างยิ่ง.

ขอเชิญผู้ศึกษาพระธรรมร่วมกัน (สหายธรรม) ร่วมแบ่งปันธรรมด้วยครับ

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๑๕

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 10 พ.ย. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

-พระพุทธศาสนา ได้แก่ พระธรรมคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า

พุทธบริษัทจะรักษาและปกป้องพระพุทธศาสนา ก็ต้องศึกษาพระธรรมให้เข้าใจว่า พระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไร พระองค์ทรงสอนให้สาวกรู้อะไร เมื่อศึกษาเข้าใจควรน้อมประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมคำสอน จึงชื่อว่าช่วยกันรักษามิให้เสื่อมสูญ และปกป้องมิให้ใครมาบิดเบือนคำสอนว่าเป็นอย่างอื่น เป็นเหมือนสัทธรรมปฏิรูป พระพุทธองค์ทรงแสดงเหตุแห่งการเสื่อมสูญของพระศาสนาไว้ว่า ศาสนาจะเสื่อมสูญเพราะพุทธบริษัท ๔ เท่านั้นบุคคลภายนอกไม่สามารถทำลายคำสอนได้ นัยตรงกันข้าม พระ-ศาสนาจะเจริญก็อยู่ที่พุทธบริษัทเท่านั้น คือ จะเจริญด้วยการศึกษาและประพฤติปฏิบัติตาม ฉะนั้น การปกป้องรักษาพระพุทธศาสนาไม่ใช่ไปทำอย่างอื่น แต่อยู่ที่เราศึกษาและเข้าใจคำสอนย่อมอยู่ที่ใจของเรา ผู้อื่นไม่สามารถทำลายได้

-ศาสนาพุทธเป็นของสาธารณะ มิได้เป็นของชนชาติใด หากแต่ว่าศาสนาพุทธแสดงธรรมที่มีจริง มิได้เลือกเชื้อชาติ เห็น มีจริงเป็นชาติอะไร ไม่มีเชื้อชาติ การจะเข้าใจศาสนาพุทธ ต้องไม่ลืมว่า เป็นบุญเก่าที่เคยสะสมมา มิเช่นนั้นก็จะไม่มีทางเกิดในยุคนี้หรือพบคำสอน ที่สำคัญถ้าไม่ได้สะสมความเข้าใจถูก ก็จะพบคำสอนผิด พระธรรมเป็นสิ่งที่ยากและลึกซึ้ง

-พุทธศาสนาเป็นเรื่องของเหตุและผล ทุกสิ่งไม่ได้เกิดขึ้นมาลอยๆ หรือเป็นเรื่องบังเอิญ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนมีเหตุที่ทำให้เกิดขึ้นทั้งสิ้น ดังที่ท่านพระอัสสชิแสดงธรรมแก่ท่านพระสารีบุตร ว่า “ธรรมะทั้งหลายย่อมเกิดจากเหตุ” นั่นก็คือ การที่ทุกคนเกิดมาแตกต่างกัน เป็นเพราะได้กระทำเหตุคือ ทำกรรมมาต่างกัน กรรมที่ได้กระทำไว้แล้วนั่นเอง เป็นเหตุให้มีรูปร่างหน้าตา ผิวพรรณต่างกัน มีอุปนิสัยดีเลวต่างกัน

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
Jans
วันที่ 10 พ.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 10 พ.ย. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

"...สำหรับผู้ที่เข้าใจธรรมะ สมบัติที่มี ไม่ว่าจะทุกชาติ ก็หมดไป

มหาศาลสักเท่าไหร่ ก็หมด

แต่สมบัติที่แท้จริง คือ สามารถเข้าใจ "คำ" ที่พระผู้มีพระภาคฯ ทรงแสดง

เพื่ออนุเคราะห์ให้เกิดปัญญา

เพื่อจะได้ สมบัติมหาศาลยิ่งกว่านั้นอีก

คือ สามารถที่จะรู้ความจริง ถึงความเป็นพระอริยบุคคล..."

...........

กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

ขอบพระคุณและขออนุโมทนา ในกุศลวิริยะของคุณคำปั่น อักษรวิลัย และ

คุณเผดิม ยี่สมบุญ สำหรับความเกื้อกูลธรรมะ แม้ในขณะนี้ ที่กำลังมีภารกิจมากมาย

กับการเดินทางของคณะท่านอาจารย์ ที่ประเทศอินเดียในขณะนี้ ครับ

และ ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
เข้าใจ
วันที่ 11 พ.ย. 2556

ขอกราบอนุโมทนา ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
orawan.c
วันที่ 11 พ.ย. 2556

เห็นด้วยกับคุณวันชัยเป็นอย่างยิ่ง

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Noparat
วันที่ 11 พ.ย. 2556

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
raynu.p
วันที่ 12 พ.ย. 2556

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
jaturong
วันที่ 12 พ.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
peem
วันที่ 13 พ.ย. 2556

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
kinder
วันที่ 13 พ.ย. 2556
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 15 พ.ย. 2556

ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
ใหญ่ราชบุรี
วันที่ 29 พ.ย. 2556

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
เจียมจิต
วันที่ 30 ธ.ค. 2561

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
Maneejansuk
วันที่ 30 ธ.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
มังกรทอง
วันที่ 30 ธ.ค. 2565

ฟังธรรม ฟังคำองค์พระศาสดาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยความเมตตาของท่านอาจารย์สุจินต์ และคณาจารย์ทุกท่าน ที่นำมาให้ฟัง ให้ไตร่ตองไม่ว่างเว้น ขอน้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ