ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๑๗ อินเดีย
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรม จากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจสั้นๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย เพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ถึงแม้ว่าจะเป็นข้อความที่สั้น แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์อยู่ในตัว ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
หมายเหตุ ข้อความในช่วงท้ายๆ จะเป็นการเก็บเล็กผสมน้อย จากที่ได้ฟังท่านอาจารย์สนทนาธรรม เมื่อคราวเดินทางมานมัสการสังเวชนียสถานประเทศอินเดีย ปันธรรมฯครั้งนี้จึงขออนุญาตส่งที่ดินแดนพุทธภูมิ ก่อนวันเดินทางกลับ ๑ วัน ครับ
(สนทนาธรรมที่่โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ มุมไบ อินเดีย ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๖)
(สนทนาธรรมที่โรงแรมรามาด้า พาราณสี อินเดีย ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๖)
(ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ สนทนาธรรมกับท่านพระสีวลีเถระ)
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ครั้งที่ ๑๑๗
-การฟังเรื่องของอนัตตา หรือเรื่องของสังขารธรรม จิต เจตสิก รูป ก็เพื่อที่จะให้อบรมเจริญปัญญาไปเรื่อยๆ พร้อมกับสติที่จะระลึกรู้ลักษณะของ สิ่งที่ได้ฟังได้ศึกษา จนกระทั่งปัญญาสามารถที่จะเข้าใจชัดเจน ประจักษ์แจ้ง ในลักษณะของสภาพธรรมตรงตามที่ได้ศึกษา -มีใครพ้นจากชาติไหม ถ้าไม่ใช่พระอรหันต์ เพราะเมื่อมีชาติแล้ว ต้องมีชรา ต้องมีมรณะ และต้องมีความเร่าร้อนจากทุกข์ใจและทุกข์กาย -วันหนึ่งๆ ทุกท่านก็แสวงหาความเพลิดเพลินยินดี ไม่ว่าจะเป็นความ เพลิดเพลินยินดีในธิดา ในบุตร ในทรัพย์ ในการเล่น ในการฟ้อน การขับ ประโคมดนตรีต่างๆ แต่ว่าความยินดีนั้นๆ ทั้งหมด ยังสัตว์ให้ตกไปในสังสาร- วัฏฏ์ แล้วเสวยทุกข์โดยแท้ ต่างกับความยินดีของผู้แสดงธรรมก็ดี ผู้ฟัง ธรรมก็ดี ผู้กล่าวสอนธรรมก็ดี ความยินดีในธรรมเห็นปานนี้แหละ ประเสริฐ กว่าความยินดีทั้งปวง -ผู้ที่ได้ฟังพระธรรมและมีพระธรรมเป็นสรณะแล้วในชาตินี้ แต่ยังเป็นผู้มี กิเลสอยู่ เป็นผู้ที่กำลังดำเนินหนทางอบรมเจริญปัญญา เพื่อที่จะรู้แจ้งสภาพ ธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนี้ แต่ละภพ แต่ละชาติ ก็จะต้องดำเนินตามรอย ของพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย คือ สะสมบารมีต่างๆ สำหรับท่านที่บอกว่าจะ ปฏิบัติธรรม ซึ่งจะมีหลายท่านทีเดียว มิตรสหายของผู้ที่สนใจธรรมด้วยกันที่ มีหลายท่านบอกว่าอยากจะปฏิบัติธรรม แต่ว่าสนใจเรื่องของการปฏิบัติธรรม มากน้อยแค่ไหน เพราะเหตุว่าการปฏิบัติธรรม คือ การละอกุศล ละโลภะ โทสะ โมหะ -ต้องเข้าใจความหมายของคำว่า “มิตร” หรือ “เมตตา” ให้ ลึกซึ้งจริงๆ ว่า ไม่มีอะไรขวางกั้นเลยระหว่างความเป็นเพื่อนแท้ๆ ที่ต้องการ อุปการะเกื้อกูล และมีความหวังดีอย่างจริงใจ -ในเมื่อได้ทราบเรื่องของอกุศลธรรมทั้งหลายก็จะเห็นได้ว่า ไม่พ้นไปเลย จากอกุศลธรรมนั้นๆ เพราะฉะนั้นถ้าเข้าใจชีวิตตามความเป็นจริง ก็จะเห็นชัด ว่ากำลังก้าวไปสู่อะไร ไปสู่เหวที่จะตกลงไปลึกๆ จะไปสู่ห้วงน้ำใหญ่ หรือจะ ขยับให้พ้นจากทางนั้น หรือเห็นว่าวันหนึ่งๆ ก้าวไปสู่ทางที่ทำให้มัวเมามาก กว่าจะก้าวไปสู่ทางที่จะสร่างจากความเมา -ไม่มีใครสามารถที่จะบังคับธรรมได้เลย ไม่ว่าอกุศล- ธรรมและกุศลธรรม บางกาลกุศลธรรมก็มีปัจจัยที่จะเกิดมาก บางกาลอกุศล ที่ยังไม่ได้ดับ ก็มีปัจจัยที่จะเกิด เพราะฉะนั้นแม้ว่าในชาติหนึ่งจะเป็นผู้ที่ได้ พยายามอบรมตน ฝึกตน ขัดเกลากิเลส แต่เมื่อกิเลสยังไม่ได้ดับเป็นสมุจ- เฉท ยังมีเชื้อที่จะทำให้เกิดขึ้น ก็จะทำให้มีการกระทำซึ่งเป็นไปตามกำลัง ของกิเลสนั้นๆ -ถ้าไม่มีจิต เจตสิกและรูปเกิดขึ้นเป็นไปอีก ก็คือปรินิพพาน -ตราบใดที่ยังมีกิเลส ก็ยังไม่พ้นจากความกลัวเมื่อเข้าใจถูกความกลัวก็น้อยลง -หนทางแห่งการละกิเลสคือ หนทางแห่งการอบรมเจริญปัญญา -กว่าจะรู้ความจริงของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ จะต้องสะสมความเข้าใจถูก มากแค่ไหน -ประมาทแล้วในขณะที่ไม่ฟังพระธรรม -จากการฟังพระธรรมเป็นปกติ ความเข้าใจถูกเห็นถูกก็จะค่อยๆ เจริญขึ้น -โลภะ เป็นเพื่อนเก่าและเป็นเพื่อนสนิทด้วย -รบกับกิเลส ยากมาก กิเลสเก่ง ชนะทุกที ที่จะชนะกิเลสคือดับกิเลสได้ ก็ด้วยการอบรมเจริญปัญญา -พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง แต่ละคำ ป้องกันความเห็นผิดอย่างแท้จริง -ความชั่วเป็นอกุศล สิ่งที่จะขัดเกลาความชั่วได้นั้นต้องเป็นกุศล -ประมาท ปล่อยให้ตัวเองไม่รู้ไปเรื่อยๆ ในที่สุดความไม่รู้ก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น -ความไม่รู้ทำให้มีการเกิดอย่างไม่รู้จบ -ชีวิตที่เหลืออยู่ ในที่สุดก็จะต้องจากไป ไม่สามารถนำอะไรติดตามตัวไปได้ นอกจากสิ่งที่สะสมไว้คือกุศลกับ อกุศลเท่านั้น -พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงเป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก -คำพูดของใครที่ไม่ได้เป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก ก็ไม่ต้องไปสนใจ -ธรรม จะเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดไม่ได้ ต้องเป็นสิ่งที่มีจริงแต่ละหนึ่งๆ และก็เป็นอนัตตาด้วย -ความเข้าใจผิดเพียงเล็กน้อยจากหนทางที่ถูกต้อง นั่น ก็เป็นการหันหลังให้กับ พระสัทธรรมแล้ว -ความเป็นมิตรเป็นเพื่อนกับผู้อื่น ไม่มีจำกัด ไม่ว่าจะพบใครก็ตาม -หวังดี ประสงค์จะให้ผู้อื่นได้ฟังความจริง คลายจากความเห็นผิด ย่อมเป็นสิ่งที่ดี -จากข้อความที่ว่า"ประพฤติตามที่เป็นไป" แสดงถึงความเป็นจริงของธรรมที่เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัยตามการสะสมของแต่ละบุคคล เป็นอนัตตาไม่อยู่ในอำนาจบังคับ บัญชาของใครทั้งสิ้น -คนที่พูดโกหก มีหรือที่เขาจะไม่ทำสิ่งที่ไม่ดีอย่างอื่น -ถ้ามีความคุ้นเคยเสพคุ้นกับคนพาล มีหรือที่จะไม่คล้อยตามความประพฤติของคนพาล -โลกวุ่นวาย เพราะอกุศลแท้ๆ -ไม่เข้าใจ เป็นมลทิน กิเลสทั้งหลายทั้งปวงเป็นมลทิน เป็นเครื่องเศร้าหมองของจิต ทำให้จิตสกปรกไม่ผ่องใส -ถ้าไม่เริ่มขัดเกลาอกุศล ด้วยกุศลที่ค่อยๆ เจริญขึ้น นับวันจะมีแต่อกุศล เพิ่มพูนหนาแน่นยิ่งขึ้น.
ขอเชิญผู้ศึกษาพระธรรมร่วมกัน (สหายธรรม) ร่วมแบ่งปันธรรมด้วยครับ
ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๑๖
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
"...โลกวุ่นวาย เพราะอกุศลแท้ๆ ..."
..........
กราบท่านอาจารย์
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของคุณคำปั่น อักษรวิลัย เป็นอย่างยิ่ง
และ ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ครับ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
กราบเท้าท่านอาจารย์สุจินต์ ที่เคารพยิ่ง
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของ อ.คำปั่น อักษรวิลัย เป็นอย่างยิ่ง
และ ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ค่ะ
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของ อ.คำปั่น และทุกๆ ท่านด้วยค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของ อ.คำปั่น และทุกท่านค่ะ