สนทนาธรรมที่เดอะวินเทจ เขาใหญ่ [จบ]
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
วันนี้ตรงกับวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๖ มีสนทนาธรรมที่เดอะวินเทจ เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา เป็นวันสุดท้าย ตั้งแต่เวลา ๐๙.๓๐ ถึง ๑๑.๓๐ น. โดยประมาณตลอดระยะเวลา ๒ ชั่วโมงเต็ม เป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกในสิ่งที่มีจริงในขณะนี้ เป็นโอกาสที่สำคัญที่สุดในชีวิตที่ได้ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้ฟังและไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเข้าใจ
ก็ขออนุญาตประมวลพระธรรมที่ได้ฟังในวันนี้จากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ซึ่งเป็นการเก็บเล็กผสมน้อย มาฝากผู้ศึกษาพระธรรมร่วมกันทุกท่านได้พิจารณาร่วมกันดังต่อไปนี้
(คุณแสงมณี ชิงดวง ผู้มีศรัทธาจัดให้มีการสนทนาธรรมในครั้งนี้)
(ทีมงานอาสาสมัครชมรมบ้านธัมมะ มศพ. ฝ่ายบันทึกวีดีโอ และ อาจารย์วิทยากร)
-พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ผู้ฟังเป็นสำคัญ ถ้าไม่มีพระองค์ ใครๆ ก็ไม่สามารถรู้สิ่งที่มีจริงตามความเป็นจริงได้เลย
-เมื่อมีความไม่รู้และกิเลสมาก จะให้หมดสิ้นไปด้วยความไม่รู้ ย่อมเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
-ธรรมมีจริงๆ ในขณะนี้ แต่เพราะเต็มไปด้วยความไม่รู้ จึงต้องฟังพระธรรมเพื่อจะได้รู้ในสิ่งที่มีจริงตามความเป็นจริง
-ธรรมเป็นธรรม ไม่ใช่สิ่งที่ควรจะยึดถือว่า เป็นตัวตนหรือสิ่งหนึ่งสิ่งใด
-ขณะนี้ จิตและเจตสิกเกิดขึ้นทำกิจหน้าที่อยู่อย่างไม่ขาดสาย
-ถ้าไม่มีจิตและเจตสิก จะไม่มีการกระทำในสิ่งต่างๆ ได้เลย
-ตื่นมาแล้ว กิน คิด แล้วก็หลับอีก แล้วก็ตื่น และในที่สุดก็ต้องละจากโลกนี้ไป แล้วประโยชน์จริงๆ อยู่ตรงไหน?
-ธาตุรู้ ใครจะบังคับให้เกิดขึ้นหรือไม่ให้เกิดขึ้น ก็ไม่ได้ เกิดเพราะเหตุปัจจัย และเมื่อเกิดแล้วก็ดับไป ธาตุรู้ หลากหลายมาก เห็นก็เป็นธาตุรู้ ได้ยินก็เป็นธาตุรู้ เป็นต้น
-กรรมที่ได้กระทำในขณะนี้ ไม่สูญหายไปไหน สะสมลึกมากอยู่ในจิต
-เห็นมีจริง ได้ยินมีจริง เป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย เมื่อเกิดแล้วก็ดับไปจึงไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของใคร
-ที่บอกว่าชอบ นั้น ชอบในอะไร? ชอบในเพียงสิ่งที่ปรากฏแล้วก็หมดไปไม่กลับมาอีกเลย
-ต้องฟังมากทีเดียว กว่าจะขัดเกลาความไม่รู้ที่สะสมมาอย่างเนิ่นนานในสังสารวัฏฏ์ให้เบาบางลงได้
-ฟังพระธรรมแล้วเข้าใจ ความเข้าใจนั้นไม่เปลี่ยน มีแต่จะเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นเหตุให้เข้าถึงตัวจริงของสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้
-ธรรม ลึกซึ้งมาก คิดเอาเองไม่ได้เลยจริงๆ
-พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญพระบารมีสูงสุด กว่าจะได้ทรงตรัสรู้ความจริงของสิ่งที่มีจริงๆ
-ได้ยินเป็นได้ยิน เห็นเป็นเห็น แข็งเป็นแข็ง นี้แหละ ธรรมแต่ละหนึ่ง
-โอกาสที่มีค่าที่สุด ย่อมไม่พ้นไปจากโอกาสที่ได้เข้าใจความจริงของสิ่งที่มีจริง
-ตลอดทั้งพระไตรปิฎก ไม่พ้นไปจากเรื่องของตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
-ราคา เป็นเครื่องประเมินราคะความติดข้องต้องการว่ามีมากแค่ไหน
-ที่ยึดถือว่าเป็นเรานั้น ก็คือนามธรรมและรูปธรรม จนกว่าจะได้ฟังพระธรรมและเข้าใจจริงๆ ว่า ไม่มีเรา มีแต่ธรรมเท่านั้น
-ต้องทำดี สะสมบารมีพร้อมด้วยการฟังพระธรรมให้เข้าใจ จึงจะสามารถขัดเกลากิเลสอกุศลซึ่งเป็นสิ่งสกปกเน่าเหม็น ได้
-ธรรมไม่ได้แยกจากปรมัตถธรรม และไม่ได้แยกจากอภิธรรมเลย เพราะเป็นสิ่งที่มีจริง ที่ละเอียดลึกซึ้ง และใครๆ ก็เปลี่ยนแปลงให้เป็นอย่างอื่นไม่ได้
-ธรรม ถ้าไม่ศึกษาจริงๆ ศึกษาเผินๆ ย่อมเข้าใจผิดได้ง่ายๆ
-แม้จะหนาแน่นไปด้วยอกุศล แต่ก็ยังดีที่มีโอกาสได้ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรม เป็นกัลยาณปุถุชน จนกว่าจะข้ามพ้นความเป็นปุถุชนสู่ความเป็นอริยบุคคล
-เห็นประโยชน์ของพระธรรม ก็ดีแล้ว ถ้าได้ฟังได้ศึกษาต่อไป ก็ยิ่งดียิ่งขึ้น
-เมื่อวานได้ฟังแล้ว วันนี้ได้ฟังอีก พรุ่งนี้จะได้ฟังไหม วันต่อๆ ไปจะได้ฟังไหม ควรอย่างยิ่งที่จะฟังพระธรรมตลอดชีวิต จนกว่าจะจากโลกนี้ไป
-ทำดีได้ ทำเลย เดี๋ยวนี้ เพราะโอกาสหน้าอาจจะไม่มีก็ได้
-สิ่งที่ควรกลัวคือกิเลสอกุศลธรรมทั้งหลาย
-คนที่ทำชั่ว ผลของกรรมชั่ว ย่อมเกิดขึ้นแก่เขา ควรหรือที่จะไปซ้ำติมในคนที่ทำชั่ว แต่ควรที่จะได้สงสารเห็นใจเขา
-ใครชั่ว ก็เป็นเรื่องของเขา สุดปัญญาที่เราจะช่วยให้เขาดีได้ เขาย่อมเป็นไปตามกรรมของเขา
-พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงพระธรรม อุปการะเกื้อกูลให้ได้พ้นจากสิ่งที่มีพิษภัย คือกิเลสอกุศลธรรมทั้งหลาย
-ชั่วก็เป็นสภาพธรรม ดี ก็เป็นสภาพธรรม ไม่ใช่บุคคลหนึ่งบุคคลใดเลย
-ช่วยให้คนอื่นดีขึ้น นั้น เป็นสิ่งที่ดีแน่ๆ แต่ถ้าช่วยเขาไม่ได้ ก็ควรมีเมตตากับเขา เกื้อกูลเขาเท่าที่จะเป็นไปได้
-ความโกรธเป็นโทษ ไม่เป็นประโยชน์แก่ใครๆ เลย
-ตกนรก เกิดในอบายภูมิใครทำให้? ไม่มีใครทำให้เลย แต่ มือที่มองไม่เห็น คือ อกุศลกรรมที่ตนเองได้กระทำไว้แล้ว นั่นเอง ถึงคราวให้ผล
-เกิดเป็นมนุษย์เป็นผลของกุศลกรรม แต่ถ้าเป็นผลของอกุศลกรรมแล้วไม่ได้ทำให้เกิดในสุคติภูมิเลย มีแต่ทำให้เกิดในอบายภูมิ เช่น อาจจะเกิดในน้ำเป็นปลา เกิดเป็นสัตว์มีปีกบินได้ หรือ ไม่มีปีก ก็ได้
-อาจจะจากโลกนี้ไปก่อนถึงวันข้ามปี ก็เป็นได้ ถ้ารอทำบุญวันข้ามปี อาจจะไม่มีโอกาสได้ทำก็ได้
-ไม่รู้แล้วไปทำอะไร ก็ไม่รู้ไปเรื่อยๆ ทุกครั้งที่ทำ
-พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ตลอด ๔๕ พรรษา จะไม่เกิดประโยชน์กับผู้ไม่ได้ฟังไม่ได้ศึกษาเลย
-ชวนกันไปสวดมนต์ข้ามปี ทำไปด้วยความไม่รู้ ก็เป็นการชวนกันไปไม่รู้ข้ามปี
-ดีใจจริงๆ ที่มีโอกาสได้ฟังพระธรรม ไม่ว่าจะได้ฟังช้าหรือฟังเร็ว ก็ดีกว่าไม่มีโอกาสเลย.
ขอเชิญคลิกอ่านครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ
เก็บเล็กผสมน้อย ... สนทนาธรรมที่เดอะวินเทจ โฮเตล เขาใหญ่ [ครั้งที่ ๑]
... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณแสงมณี ชิงดวง
ตลอดจนถึงผู้มีส่วนสำคัญในการจัดให้มีการสนทนาธรรมในครั้งนี้ทุกท่าน
และ ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ครับ ...