สะสมไปจนกว่าปัญญาจะเป็นปาฏิหาริย์
เรียน อาจารย์ทั้งสองท่าน
ท่านอาจารย์บรรยาย "สะสมไปจนกว่าปัญญาจะเป็นปาฏิหาริย์" ขอความกรุณาอาจารย์ช่วยอธิบายให้กระจ่างด้วยครับ
ขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ธรรม เป็นจริงอย่างไรก็เป็นจริงอย่างนั้น ใครๆ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนเป็นไปตามเหตุปัจจัย การแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ต่างๆ เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย เป็นผลของการอบรมเจริญสมถภาวนา จนคล่องแคล่ว ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นอย่างนั้นได้ ต้องเป็นผู้สะสมมาเท่านั้น และยิ่งถ้าเป็นบุคคลผู้เลิศผู้ประเสริฐที่สุดในโลก คือ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาพุทธเจ้าแล้ว ไม่มีบุคคลผู้เปรียบกับพระองค์ได้เลย บุคคลผู้ที่ได้ฟังพระธรรม ได้ศึกษาพระธรรม ก็ย่อมจะมีความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ เข้าใจในเหตุในผล ในความเป็นจริงของธรรมมากขึ้น ไม่มีอะไรที่จะเกิดขึ้นเองโดยปราศจากเหตุปัจจัย แสดงปาฏิหาริย์ต่างๆ ได้ ก็ต้องเป็นไปตามเหตุปัจจัย เพราะตามความเป็นจริงแล้ว สภาพธรรมไม่สามารถบังคับให้เกิดขึ้นเป็นไปตามใจชอบได้
ปาฏิหาริย์ที่ประเสริฐที่สุด คือ อนุสาสนีปาฏิหาริย์ (คำสอนเป็นอัศจรรย์) ซึ่งเป็นพระธรรมคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ทำให้สัตว์โลกจากที่เป็นผู้มากไปด้วยกิเลสที่สะสมมาอย่างเนิ่นนานในสังสารวัฏฏ์ สามารถดับกิเลสได้จนหมดสิ้น ไม่เกิดอีกเลย นี้เป็นประโยชน์สูงสุดของอนุสาสนีปาฏิหาริย์ เป็นคำสอนที่เป็นอัศจรรย์จริงๆ ทำให้ผู้ฟังผู้ศึกษาได้รับประโยชน์อย่างยิ่ง คือ สามารถดับกิเลสได้จนหมดสิ้น ซึ่งสิ่งอื่นไม่สามารถที่จะทำให้เป็นอย่างนี้ได้เลย ต้องอาศัยพระธรรมคำสอนที่พระองค์ทรงแสดงเท่านั้น หรือถ้าไม่ยังไม่สามารถดับกิเลสได้จนหมดสิ้น ถึงความเป็นพระอรหันต์ ก็ย่อมจะได้รับประโยชน์จากพระธรรมตามกำลังปัญญาของแต่ละคน เป็นพระอนาคามี เป็นพระสกทาคามี เป็นพระโสดาบัน และถ้ายังไม่ได้เป็นพระอริยบุคคล ก็เป็นกัลยาณปุถุชน เป็นคนดี ที่เข้าใจพระธรรม สะสมปัญญา ความเข้าใจถูกเห็นถูกเป็นที่พึ่งต่อไปในภายหน้า
ดังนั้น สะสมไปจนกว่าปัญญาจะเป็นปาฏิหาริย์ คือ สะสมปัญญาจนปัญญามีกำลังดับกิเลสได้หมด ก็เป็น ปาฏิหาริย์ที่เป็นอนุสาสนีปาฏิหาริย์ ครับ .
เชิญคลืกอ่านที่นี่ ครับ
สุดยอดปาฏิหาริย์ของพระโคตมพุทธเจ้า
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และทรงแสดงสิ่งที่มีจริง อุปการะเกื้อกูลให้สัตว์โลกได้ฟังได้ศึกษา ได้มีความเข้าใจถูกเห็นถูกในสิ่งที่มีจริง ตามความเป็นจริงในสิ่งที่พระองค์ทรงแสดง ซึ่งก็จะต้องเป็นสัตว์โลกผู้สะสมเหตุที่ดีมาแล้ว เคยเห็นประโยชน์ของพระธรรม จึงมีศรัทธา เห็นประโยชน์ของการได้เข้าใจความจริง จึงมีการฟัง มีการศึกษา แต่จะไม่เป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ไม่ได้ฟัง ไม่ได้ศึกษาเลยแม้แต่น้อย
ดังนั้น สำหรับผู้ที่มีโอกาสแล้ว ก็ไม่ควรท้อถอย ควรที่จะเพิ่มพูนศรัทธา ความเพียร ความอดทน ความจริงใจ ในการฟัง ในการศึกษาต่อไป เพราะการสะสมปัญญาไปทีละเล็กทีละน้อย ในที่สุดก็ถึงความเจริญสมบูรณ์ ทำให้สามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ดับกิเลสตามลำดับขั้นได้ในที่สุด ซึ่งจะต้องอาศัยกาลเวลาที่ยาวนานทีเดียวในการอบรมเจริญปัญญา ครับ.
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...