ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๒๕
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรม จากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวม เป็นธรรมเตือนใจสั้นๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย เพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ถึงแม้ว่าจะเป็นข้อความที่สั้น แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ อยู่ในตัว ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ครั้งที่ ๑๒๕
* เมื่อมารดาแก่ บุตรส่วนบุตร มารดาเป็นส่วนมารดา ถึงคราวที่มารดาจะแก่ บุตรไม่ต้องการให้มารดาบิดาท่านแก่เฒ่าเลย ท่านจะลำบาก ท่านจะมีความเบื่อหน่ายในชีวิต เพราะฉะนั้น บุตรบางทีอาจจะขอแก่แทนมารดา อย่างนี้ ก็เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ [แก่ แทนกันไม่ได้]
* ไม่ควรแม้แต่จะคิด ที่จะอยากคบ กับคนที่มีความเห็นผิด
* ถ้าท่านเข้าไปใกล้สถานที่เห็นผิด ผลก็คือท่านจะถูกชักชวนชักจูงในทางที่ผิดไปสู่ความเห็นที่ผิด ไปสู่ข้อปฏิบัติที่ผิด เพราะฉะนั้น การไม่คบ ก็คือ พึงอยู่เสียให้ไกล พึงก้าวกลับเสีย ถอยออกมาห่างๆ อย่าเข้าไปใกล้ๆ
* ถ้าไม่รู้หน้าที่ของท่าน ที่จะปฏิบัติต่อ ผู้ที่ควรนอบน้อมอย่างยิ่ง คือมารดาบิดาก็แสดงว่า กิเลสของท่านมากมายหนาแน่นเหลือเกิน แล้วจะดับกิเลส ถึงเป็นพระอริยบุคคลได้อย่างไร
* พระผู้มีพระภาค ทรงอนุญาต ทรงบัญญัติพระวินัย ให้พระภิกษุเกื้อกูลอุปการะแก่มารดาบิดา ไว้หลายประการในเรื่องของอาหาร เรื่องของผ้า ในเรื่องของการพยาบาลเท่าที่เหมาะควรแก่เพศบรรพชิต เพราะเหตุว่า การกระทำนั้น เป็นกุศล เป็นกิจที่ควรกระทำ
* ถ้าไม่มีอดีตกรรม ที่ได้กระทำแล้วเป็นเหตุ ผลนั้นๆ ย่อมไม่เกิดขึ้น แต่ต้องเป็นกรรมของท่านเอง เพราะเหตุว่าสภาพธรรมที่กำลังเกิดขึ้น ปรากฏนั้น เกิดขึ้นกับท่าน เพราะฉะนั้น เหตุต้องมาจากตัวท่าน
* “ขณิกมรณะ” คือ การเกิดขึ้นและดับไปแต่ละขณะก็เป็นความตายแต่ละขณะ
* “สมมติมรณะ” คือ ความตายที่สมมติระหว่างภพหนึ่งชาติหนึ่ง “สมุจเฉทมรณะ” คือ ความตายแล้วไม่เกิดอีกเลย หมายความถึงการตายของพระอรหันต์ทั้งหลาย ผู้ซึ่งไม่มีปัจจัยที่จะให้เกิดอีกต่อไป
* จิตไม่มีรูปร่าง ไม่มีแสงสว่าง ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีรส
* ฟังธรรม พิจารณาธรรมให้เข้าใจในเหตุผล ย่อมเกิดศรัทธาในธรรม ที่เป็นเหตุ
* เป็นผลยิ่งขึ้น และ ศรัทธา ในขั้นของการฟัง ย่อมทำให้เกิดศรัทธาของการประพฤติปฏิบัติตาม แต่ถ้าศรัทธาในขั้นการฟัง ไม่มี ก็จะไม่ประพฤติปฏิบัติตามด้วย
* ถ้าเกิดหิริ ความละอายในอกุศลกรรม แล้วก็เกิด โอตตัปปะ การเห็นภัย เห็นโทษของอกุศลกรรม ก็จะเป็นปัจจัยให้เจริญกุศลยิ่งขึ้น
* แต่งตัวสวยมาก แต่โกรธ ย่อมไม่งามเลย
* ทุกครั้งที่ได้ฟังพระธรรม ประโยชน์ คือ เข้าใจในสิ่งที่กำลังฟัง
* แม้จะมากไปด้วย อกุศล แต่การฟังพระธรรม ย่อมเป็นประโยชน์ ทำให้เราเป็น
* คนตรง ถูก เป็นถูก ผิด เป็นผิด ไม่เอาผิดเป็นถูก หรือ ไม่เอาถูกเป็นผิด
* ทุกคำในพระไตรปิฎก เพื่อให้เข้าใจสภาพธรรม ที่มีจริงๆ ในขณะนี้ เมื่อได้ฟังเรื่องโลภะ ความติดข้องต้องการ น้อมใจไปเพื่อจะรู้ว่า โลภะ เป็นโทษเป็นภัย หรือเปล่า?
* หาทางกำจัดโลภะ ด้วยความเป็นตัวตน ย่อมไม่มีทางสำเร็จ
* พอใจที่จะไม่รู้ต่อไป หรือ พอใจที่จะฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมให้เข้าใจต่อไป?
* เพราะอาศัยพระธรรมที่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดง จึงทำให้มีการเข้าใจสภาพธรรม ที่กำลังมีกำลังปรากฏ ตามความเป็นจริง
* อวิชชา ความไม่รู้ ปิดบังไม่ให้รู้ความจริง ซ้ำยังถูกฉาบทาด้วยโลภะอีกต่างหาก เป็นกำแพงที่หนาแน่น ถ้าไม่ได้ศึกษาพระธรรม จะไม่มีทางทำลายอวิชชา และความติดข้องได้เลย
* อีกไม่นาน ทุกคนก็จะหายไปจากโลกนี้ ใครจะไปก่อน ใครจะไปทีหลัง ช้าหรือเร็วนั้น อีกเรื่องหนึ่ง แต่ที่น่าคิด ก็คือว่าจากไม่เคยเป็นคนนี้ แล้วก็มาเป็นคนนี้ แล้วก็จะหมดสิ้นการเป็นบุคคลนี้ ทุกคนเหมือนกันหมด แต่ ระหว่างที่ยังเป็นบุคคลนี้อยู่ ยังไม่ได้หายไปจากโลกนี้ ทำอะไร?
* ถ้าเป็นผู้ที่มั่นคง ในเรื่องเหตุและผล ก็จะรู้ได้ ว่าสิ่งที่มีจริงมี ๒ อย่าง คือ ความจริงที่เป็น "ความดี" อย่างหนึ่ง และ ความจริงที่เป็นฝ่ายตรงกันข้าม คือ ความชั่ว อีกอย่างหนึ่ง ถ้าไม่มีการฟังให้เข้าใจในเหตุผล ก็ยากที่จะพ้นจากความชั่ว ความดีจริงๆ ก็ต้องอาศัย การที่ได้เข้าใจ พระธรรมคำสอน ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นที่พึ่งด้วย เพราะฉะนั้น ที่พึ่งจริงๆ ของการมีชีวิตในโลกนี้ ก็คือ มีโอกาสได้ยินได้ฟังสิ่งที่จะทำให้เป็นคนดียิ่งขึ้น
* ถ้าเป็นโอกาสที่จะได้ยินได้ฟังพระธรรม ก็ไม่ควรละเลย
ขอเชิญผู้ศึกษาพระธรรมร่วมกัน (สหายธรรม) ร่วมแบ่งปันธรรมด้วยครับ
ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๒๔
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
กราบอนุโมทนาขอบคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ด้วยความเคารพยิ่ง
อนุโมทนาขอบคุณอาจารย์คำปั่น อักษรวิลัย
...ถ้ามีการฟังและเข้าใจเพิ่มขึ้น มั่นคงขึ้นได้ไหม เพราะถึงแม้ว่าจะพูดว่าอย่างนี้ แต่ว่า สะสมมาไม่พอก็ต้องโน้มเอียงไปในทางที่ยังเพลิดเพลินอยู่ใช่ไหมคะ จนกว่าจะรู้ความ จริงตามลำดับขั้น เพราะฉะนั้นคำที่เราได้ยินทั้งหมด ส่องถึงลักษณะที่มีจริงเดี๋ยวนี้ ซึ่ง ยังมืดมากเพราะว่าอวิชชาไม่ใช่ปัญญา จึงจะได้รู้ความจริงของสิ่งที่ได้ฟังแล้ว รู้ว่า ความจริงเป็นอย่างนี้ สภาพธรรมเกิดเพราเหตุปัจจัยแล้วก็ดับไป แต่กำลังไม่พอใช่ไหม คะ จนกว่าจะได้มีความเข้าใจขึ้นทีละเล็กทีละน้อยค่ะ แล้วที่ยากกว่านั้นอีกคือ ตามปรกติ ตามความเป็นจริง จะเห็นความลึกซึ้งของพระธรรม และจะเข้าใจพระอรหันตสัมมาสัม พุทธเจ้า มิฉะนั้นจะไม่รู้จักเลยนะคะว่าทรงพระมหากรุณาบำเพ็ญบารมีตรัสรู้เพื่อเราจะ ได้ฟังคำที่เราไม่ต้องบำเพ็ญเพียรถึงระดับนั้นด้วยตัวเองนะคะ แต่ก็สะสมเหตุปัจจัยพอ ที่จะสามารถเข้าใจจนกระทั่งเป็นสาวกผู้ฟัง เป็นสาวกพระโพธิสัตว์…
จากการฟังพระสูตรเรื่องมาร 11 ม.ค. 57 (10.30-12.00 น.)
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาสำหรับการถ่ายทอดคำสอนและข้อคิดเตือนใจดีๆ ค่ะ