ชำระจิต
สิ่งที่ต้องชำระต้องเป็น บาป อกุศลต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน แล้วอะไรเป็นเครื่องอาศัยที่จะชำระบาป ชำระจิตให้สะอาดขึ้นได้ ก็ต้องอาศัยกุศลธรรมที่เกิดขึ้น ที่จะเจริญขึ้นด้วยการเข้าใจธรรม เพราะขณะที่เข้าใจธรรมก็เป็นขณะที่ชำระจิตแล้ว ธรรมก็คือชีวิตประจำวันธรรมดาๆ ที่เกิดขึ้นเป็นไปซึ่งเป็นปกติที่อกุศลจะเกิดมากมายกว่ากุศล วันหนึ่งๆ มีแต่ความติดข้อง ความขุ่นเคืองใจ โกรธ อิจฉา ก็ถูกอกุศลครอบงำ ก็ต้องอาศัยคุณความดี กุศลธรรมทั้งหลาย ที่จะชำระจิตนี้ เริ่มจากอาศัยการฟังพระธรรมให้เข้าใจ
การยังกุศลให้ถึงพร้อม ทั้งหมดเกิดจากการฟังธรรมเข้าใจ ความประพฤติเป็นไปตามที่ เข้าใจ ความเข้าใจเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะนำไปสู่การไม่ทำบาปทั้งสิ้น ก็คือการเข้าใจสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏ เห็นขณะนี้ จากการฟังก็เข้าใจว่า เห็นเป็นธรรม แต่ตามความเป็นจริงก็ยังเป็นเราที่เห็น เห็นแล้วก็ตามมาด้วยอกุศลตามการสะสม แล้วจะกั้นอกุศลที่จะเกิดต่อได้อย่างไร ถ้าไม่ฟังธรรมก็จะไม่เห็นโทษของอกุศลเลย แล้วจะกั้นอกุศลได้อย่างไร การละบาป การชำระจิตก็ต้องเกิดจากการเข้าใจจริงๆ ถ้าไม่เข้าใจ เห็น ตามความเป็นจริง อกุศลก็เกิดต่อทันที... หากไม่รู้สิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฎ อกุศลก็เกิด จึงต้องอาศัยการฟังพระธรรมจนกว่าจะรู้สิ่งที่กำลังปรากฏตามที่ได้ฟัง ฟังเพื่อละการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเรา
ไม่มีเวลาที่ความเป็นเราจะพิจารณาธรรม มีแต่เวลาที่เข้าใจ ฟังธรรมเพื่อเข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏ ฟังจนเข้าใจความเป็นอนัตตา ไม่มีเรา มีแต่ธรรม
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ อย่างยิ่งค่ะ...