เมื่อพระโสดาบันยังมีโลภะโทสะอยู่...เหตุใดจึงปฏิสนธิแต่ในสุขคติภูมิครับ
เมื่อพระโสดาบันยังมีโลภะโทสะอยู่...เหตุใดจึงปฏิสนธิแต่ในสุขคติภูมิครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
การเกิดในภพต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสุคติภูมิ หรือ ทุคติภูมิก็ตาม เป็นผลเนื่องมาจากยังมีกิเลสอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ ตัณหา และ อวิชชา เพราะยังมีตัณหาและอวิชชา การเกิดในภพใหม่ก็ยังมีอยู่ตราบนั้น เพราะบุคคลผู้ที่ไม่มีการเกิดอีกในสังสารวัฏฏ์ คือ พระอรหันต์เท่านั้น พระอรหันต์ดับตัณหาและอวิชชาได้อย่างเด็ดขาด ประเด็นเรื่องพระโสดาบัน ก่อนอื่นควรที่จะได้เข้าใจว่า พระโสดาบัน คือใคร? พระโสดาบัน คือ ผู้ที่ถึงพระนิพพาน เป็นครั้งแรก ซึ่งก็คือ เป็นพระอริยบุคคลขั้นที่ ๑ ที่ได้ประจักษ์แจ้งพระนิพพานดับกิเลสได้ในระดับหนึ่่ง ดับกิเลสได้เพียงบางส่วนตามสมควรควรแก่มรรคที่ท่านได้ ยังไม่สามารถดับได้ทั้งหมด พระโสดาบันดับความเห็นผิดทุกประการ ดับความลังเลสงสัยในสภาพธรรม ดับความตระหนี่ ดับความริษยา ดับกิเลสอย่างหยาบที่จะเป็นเหตุให้ไปเกิดในอบายภูมิ เพราะพระโสดาบันเป็นผู้ไม่ต้องไปเกิดในอบายภูมิอีกต่อไป ท่านเกิดอีกอย่างมาก ไม่เกิน ๗ ชาติ เป็นผู้แน่นอนที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระอริยบุคคลขั้นสูงๆ ขึ้นไป กล่าวคือ บรรลุเป็นพระสกทาคามี พระอนาคามี จนกระทั่งถึงความเป็นพระอรหันต์ในที่สุด
ซึ่งพระโสดาบัน ดับกิเลส ที่จะทำให้เกิดในอบายภูมิแล้ว เพราะฉะนั้น จิตและเจตสิกของพระโสดาบัน สามารถเกิด อกุศลจิต มีโลภะ โทสะ โมหะได้ แต่ ไม่ใช่ เป็นวิถีจิตสุดท้าย 5 ขณะ ก่อนสิ้นชีวิต หากแต่ว่า พระโสดาบัน ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม จิตขณะสุดท้าย 5 ขณะของท่าน จะต้องเป็นกุศลจิตเท่านั้น ไม่มีทางที่จะทำให้เกิดอกุศลจิตได้เลย เพราะเป็นธรรมนิยาม ธรรมดาของพระโสดาบัน ที่จะเป็นกุศลจิต ขณะสุดท้าย ของจิต 5 ขณะ อันเป็นไปเพื่อที่จะทำให้เกิด สุคติภูมิ ไม่เกิดในอบายภูมิ เพราะ ชวนจิต 5 ขณะ เป็น กุศลจิต ครับ นี้คือความเป็นธรรมดาของพระโสดาบันทั้งหลาย
พระโสดาบันท่านเป็นพระอริยบุคคลผู้มีปัญญาเข้าถึงกระแส แห่งพระนิพพาน ละความเห็นผิดในขันธ์ทั้ง ๕ ละความสงสัย ละมัจฉริยะได้แล้ว ชื่อว่าเป็นผู้มีปัญญามากและกิเลสเบาบางกว่าปุถุชนมาก ท่านย่อมไม่หลงกระทำกาลกิริยา ไม่มีจิตเศร้าหมองในขณะใกล้มรณะ เป็นผู้มีคติแน่นอน ไม่เกิดในอบายภูมิอีกเลย เพราะผู้มีจิตเศร้าหมองในเวลาใกล้ตาย ย่อมเกิดในทุคติภูมิ แต่พระอริยบุคคลทั้งหลายย่อมไม่เป็นเช่นนั้น
พระโสดาบัน คือ ผู้ที่มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรม ความเป็นพระอริยะที่ท่านได้ จะไม่เสื่อม ไม่สามารถย้อนกลับมาเป็นปุถุชนได้อีก มีแต่จะมีการอบรมเจริญปัญญาสะสมปัญญาเพิ่มขึ้นเพื่อการบรรลุมรรคผลเบื้องสูงขึ้นไป จนกว่าจะสามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรมถึงความเป็นพระอรหันต์ ดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาด การเป็นพระโสดาบัน เป็นได้ด้วยปัญญา จะขาดปัญญา ไม่ได้เลย สำคัญที่เหตุคือ การได้คบกับผู้ที่เป็นกัลยาณมิตร ได้ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมจากกัลยาณมิตรนั้น กัลยาณมิตรสูงสุด คือ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะได้ฟังพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง และเพราะได้สะสมปัญญามาแล้วในอดีต จึงสามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรมถึงความเป็นพระโสดาบันบุคคลได้ ซึ่งปัญญาที่ได้สะสมมานั้น ไม่สูญหายไปไหน มีแต่จะเพิ่มพูนมากยิ่งขึ้น ครับ
เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ
พระโสดาบันพึงยังภพที่ ๘ ให้เกิด ดังนี้ ไม่ใช่ฐานะที่มีได้ [วิภังค์ ]
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระโสดาบัน ยังมีกิเลสเหลืออยู่ จึงยังต้องมีการเกิดอยู่ แต่จะไม่มีการเกิดในอบายภูมิ เพราะท่านดับกิเลสอย่างหยาบที่จะทำให้เกิดในอบายภภูมิได้อย่างหมดสิ้นแล้วนั่นเอง
พระโสดาบัน เมื่อเกิดในภพใหม่แล้วท่านก็เป็นพระโสดาบันโดยสภาพเลย ท่านก็จะไม่มีเจตนาที่จะผิดศีล ๕ เลย เพราะท่านเป็นผู้ที่มีศีล ๕ บริสุทธิ์ ซึ่งเป็นคุณธรรมของพระโสดาบัน นอกจากนั้นท่านก็เป็นผู้ที่มีศรัทธามั่นคงในพระรัตนตรัย
จะเห็นได้ว่าพระอริยบุคคลตั้งแต่พระโสดาบัน - พระอนาคามี เมื่อท่านจุติแล้วเกิดในภพใหม่ ท่านก็เป็นพระอริยบุคคลเช่นเดิม และสามารถเจริญปัญญาเพื่อความเป็นพระอริยบุคคลเบื้องสูงต่อไปได้เลย ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
พระโสดาบัน ไม่เกิดในอบายภูมิ ไม่เกิดอกุศล ในจิตสุดท้ายก่อนตาย ค่ะ