วาดรูปแล้วเป็นอกุศลจริงหรือ?
ทำไมที่ว่าเรากำลังวาดรูปแล้วคิดถึง สี และ ภาพที่จะวาด ทำไมถึงเป็นอกุศลค่ะ ถ้าอย่างนั้นการที่เราทำงานหรือทำสิ่งต่างๆ ในชีวิตประจำวันก็เป็นอกุศลเหรอค่ะ (คิดมาตลอดเลยค่ะว่าอกุศลนี่จะเกิดก็ต่อเมื่อที่เราทำในสิ่งที่ไม่ดี)
แล้วจะทำอย่างไรไม่ให้อกุศลเกิดค่ะในเมื่อเราก็ต้องใช้ชีวิตและทำงานทุกวัน
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ชีวิตประจำวันโดยมากของปุถุชน เป็นอกุศลเป็นส่วนมากเพราะมีกิเลสสะสมมามาก เพราะฉะนั้นขณะที่วาดรูป มีความต้องการ โลภะที่จะวาด เป็นอกุศล ในความเป็นจริง กิเลสละเอียดกว่านั้น เพียงลืมตาก็เป็นอกุศลโดยไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้นขณะใดที่ไม่เป็นไปในทาน ศีล ภาวนา ก็เป็นอกุศลโดยมาก ครับ การจะละอกุศล ต้องใช้เวลาและอบรมเหตุที่ถูกต้อง
ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น แต่ธรรมเกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัย ไม่มีใครทำอะไรให้เกิดขึ้นได้ มีแต่ความเป็นไปของสภาพธรรมที่มีจริงเท่านั้นเอง
การน้อมประพฤติในสิ่งที่ดีงามในชีวิตประจำวัน นั้น ไม่มีตัวตนที่จะน้อมไป แต่เป็นการปรุงแต่งของสังขารขันธ์ที่เกิดขึ้นเป็นไป น้อมไปในกุศลธรรมทั้งหลายนั่นเอง ซึ่งต้องอาศัยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม สะสมปัญญาไปตามลำดับเท่านั้น ที่จะเป็นไปเพื่อยังกุศลทั้งหลายให้เกิดขึ้นเป็นไปได้ในชีวิตประจำวัน ทั้งในเรื่องของทาน การให้ การช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น ศีล วิรัติงดเว้นจากทุจริตกรรมประการต่างๆ และการอบรมเจริญปัญญา จากการฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมเป็นปกติในชีวิตประจำวัน มีโอกาสเมื่อใด ก็ไม่ละเว้นโอกาสอันมีค่านั้น ที่จะได้ฟังความจริง ซึ่งเป็นธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และทรงแสดง ครับ
ง่าย สบาย ไม่ลำบาก ไม่ต้องไปแบกหาม ไม่ต้องขุดดิน คือ การฟังพระธรรมแต่ที่ยากคือความลึกซึ้งของพระธรรม ถึงแม้ว่าจะยากอย่างไร ก็ไม่เหลือวิสัยสำหรับผู้ที่เห็นประโยชน์ตั้งใจศึกษา ธรรมเป็นเรื่องยาก แต่ถ้าไม่เริ่มฟัง วันที่เข้าใจ ก็จะมีไม่ได้.
อ้างอิงจาก ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๙
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ความเป็นจริงเป็นอย่างไร ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ตามความเป็นจริงแล้ว ขณะใดที่จิตไม่ได้น้อมไปในการให้ทาน บ้าง ในการรักษาศีลวิรัติงดเว้นทุจริตประการต่างๆ ตลอดจนถึงไม่ได้กระทำในสิ่งที่ถูกต้องดีงาม บ้าง ไม่ได้เป็นไปในความสงบของจิต เช่น มีเมตตา หวังดี ปรารถนาดี ต่อผู้อื่น บ้าง ไม่ได้เป็นไปในการฟังพระธรรมอบรมเจริญปัญญา บ้าง ขณะนั้นเป็นอกุศล ทั้งหมด นี้คือ ความเป็นจริง แสดงให้เห็นเลยว่าอกุศลเกิดมากมายในชีวิตประจำวัน ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรมจะไม่สามารถรู้เลยว่าอกุศลเกิดมากจริงๆ เพียงแค่เห็นแล้วไม่รู้ความจริง ก็เป็นอกุศลแล้ว เป็นต้น และไม่ใช่เฉพาะในประเด็นคำถามเท่านั้น ที่เป็นอกุศล ขณะอื่นๆ ก็ยากที่จะพ้นไปจากอกุศล ไม่ว่าจะเป็นทานอาหาร ทำกิจธุระส่วนตัว หรือ เดินทางไปไหนมาไหน เป็นต้น ก็มีอกุศลจิตเกิดขึ้นมาก ทีเดียว
การฟังพระธรรม เป็นเหตุให้ความเข้าใจถูก เห็นถูก คือ ปัญญาเจริญขึ้น เมื่อปัญญาเจริญขึ้น ก็จะเป็นเครื่องเกื้อกูลให้มีความประพฤติที่ดีงามยิ่งขึ้นทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจ ตามระดับขั้นของปัญญา สะสมเป็นอุปนิสัยที่ดีต่อไป ขณะใดที่กุศลเกิดขณะนั้น อกุศล ก็เกิดไม่ได้ และที่สำคัญ หนทางแห่งการอบรมเจริญปัญญาเท่านั้นที่จะสามารถรู้ตามความเป็นจริงได้ว่าอกุศล เป็น ธรรม ไม่ใช่เรา ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...