นิมิตของปรมัตถธรรม
นิมิตของปรมัตถธรรม หมายความว่าอย่างไร
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแสดงความคิดเห็น ตามความเข้าใจดังนี้ ในเรื่อง นิมิตของสภาพธรรม โดยทั่วไป ที่เข้าใจกันนั้น เมื่อได้ยินคำว่า นิมิต ก็มี อนุพยัญชนะด้วย นิมิตในที่นั้นหมายถึง ส่วนหยาบ ที่เห็นเป็นรูปร่าง สัณฐานแล้ว ที่เป็นบัญญัติ เรื่องราวในขณะนั้น หากแต่ว่านิมิต มีหลากหลายนัย ทั้งนิมิตในสภาพธรรมที่กำลัง มี กำลังปรากฏ ที่เป็นรูปนิมิต เวทนานิมิต สัญญานิมิต สังขารนิมิต วิญญาณนิมิต นิมิตของสภาพธรรม นั่นก็คือ ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ซึ่งในวิปัสสนาญาณ ที่เห็นความเป็นภัยในพระไตรปิฎก ปฏิสัมภิทามรรค แสดงถึง สังขารนิมิต นิมิตของสภาพธรรมไว้ น่าพิจารณาครับว่า พระโยคาวจร คือ ผู้ที่อบรมปัญญา พิจารณาเห็นสังขารนิมิต ว่ามีภัยคือ สภาพธรรมในขณะนี้ ที่เกิดขึ้น และ ดับไป มีภัย เป็นต้น ส่วน พระนิพพาน ชื่อว่าสภาพธรรมที่ไม่มีนิมิต คือ ไม่มีลักษณะของสภาพธรรมที่เกิดขึ้นและดับไป ดังนั้น นิมิตอีกนัยหนึ่ง ย่อมหมายถึง สภาพธรรมที่มีจริง ที่เป็นนิมิตให้รู้ มีลักษณะให้รู้ หากไม่มีนิมิต ไม่มีลักษณะให้รู้ ปัญญาที่เป็นการเจริญสติปัฏฐาน วิปัสสนาญาณ ก็ไม่สามารถรู้ได้ เพราะ ไม่มีนิมิต ลักษณะให้รู้ แต่เมื่อรู้โดยความเป็นนิมิตของสภาพธรรม ย่อมเห็นว่าเกิดขึ้น และ ดับไป นิมิตนั้น หาสาระไม่ได้เลย จึงเจริญอบรมปัญญา ออกจากนิมิต คือ ประจักษ์พระนิพพาน ออกจากนิมิตที่เป็นสังขารนิมิต ที่เป็นสภาพธรรมที่เกิดขึ้นและดับไป ครับ
[เล่มที่ 68] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ - หน้าที่ 704
อาทีนวญาณนิทเทส
[๑๑๕] ปัญญาในความปรากฏเป็นของน่ากลัว เป็นอาทีนวญาณอย่างไร ปัญญาในความปรากฏโดยความเป็นภัยว่า ความเกิดขึ้นเป็นภัย ความเป็นไปเป็นภัย สังขารนิมิตเป็นภัย ฯลฯ
[เล่มที่ 68] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑- หน้าที่ 849
พระโยคาวจรพิจารณาเห็นสังขารนิมิตโดยความเป็นภัย มีจิตน้อมไปในนิพพานอันไม่มีสังขารนิมิต ถูกต้องแล้วซึ่งสังขารนิมิตด้วยญาณ ย่อมพิจารณาเห็นความเสื่อมไป วิหารธรรมนั้นชื่อว่า อนิมิตวิหาร
[เล่มที่ 68] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ - หน้าที่ 852
[๒๐๗] พระโยคาวจรพิจารณาเห็นรูปนิมิตโดยความเป็นภัย มีจิตน้อมไปในนิพพานอันไม่มีนิมิต ถูกต้องแล้วๆ ย่อมเห็นความเสื่อมไป เพิกเฉยความเป็นไปแล้ว คำนึงถึงนิพพานอันเป็นที่ดับ ไม่มีนิมิต แล้วย่อมเข้าสมาบัติ นี้ชื่อว่า อนิมิตวิหาร
[๒๐๘] พระโยคาวจรพิจารณาเห็นเวทนานิมิต ฯลฯ สัญญานิมิต สังขารนิมิต วิญญาณนิมิต จักษุ ฯลฯ
เชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่ ครับ
ขอความเข้าใจสังขารนิมิตด้วยค่ะ
ส่วนนิมิตอีกนัยหนึ่ง ก็หมายถึง บัญญัติ เรื่องราวด้วย ต้องเข้าใจว่า ถ้าไม่มีสภาพธรรมที่เกิดดับสืบต่อ ก็จะไม่มีนิมิต จะมีนิมิตโดยไม่มีสภาพธรรม ไม่ได้ นี่คือความเป็นเหตุเป็นผลอย่างยิ่งของธรรม เป็นความจริง ที่ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ว่าอะไรก็ตามปรากฏว่า เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด ความจริงคืออะไรความจริงต้องมีธรรมอย่างหนึ่ง ซึ่งเกิดดับสืบต่อจนกระทั่งปรากฏเป็นรูปร่างสัณฐาน จึงทำให้มีการมีการจำ ในความเป็นกลุ่มก้อนรูปร่างสัณฐานดังกล่าว
คำว่า นิมิต นิมิตฺต (การกำหนด เครื่องหมาย) เครื่องหมายให้เกิดกิเลส หมายถึง ส่วนหยาบที่เป็นรูปร่าง สัณฐาน ความหมายที่จิตคิดถึงสภาพธรรม ที่ปรากฏทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ เช่น เห็นเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายเป็นโต๊ะ เก้าอี้ ได้ยินเสียงผู้หญิงหรือผู้ชาย ได้กลิ่นดอกไม้ ลิ้มรสเป็ดไก่ ถูกต้องสัมผัสสำลี คิดนึกเรื่องราวต่างๆ ซึ่งเป็นไปด้วยอกุศลจิต เป็นการยึดนิมิต แต่ขณะที่รู้รูปร่างสัณฐาน ความหมายต่างๆ ด้วยกุศลจิต ขณะนั้นไม่ใช่เป็นการยึดนิมิต แต่เป็นบัญญัติอารมณ์ของกุศลจิตเท่านั้นครับ
หนทางที่จะทำให้มีการละคลายการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดโดยการอบรมเจริญปัญญา ระลึกรู้ลักษณะของนามธรรมหรือรูปธรรมที่กำลังปรากฏทีละลักษณะ สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยคือ ความเข้าใจถูกเห็นถูก โดยอาศัยพระธรรมคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง
ขออนุโมทนา ครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตเพิ่มเติมข้อความบางตอนจากคำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
"ถ้าเราไม่เคยฟังเรื่องจิต เรื่องปรมัตถธรรม เรื่องเกิดดับ เราจะเข้าใจไหม เราก็เข้าใจเผินๆ ว่าสิ่งที่ปรากฏเป็นรูปร่างสัณฐานนี่แหล่ะคือนิมิต และส่วนละเอียดนั่นก็คืออนุพยัญชนะ แต่เราจะไม่รู้ว่าปรากฏได้อย่างไร นิมิตที่กำลังมีในขณะนี้ที่เป็นคน เป็นสัตว์ เป็นวัตถุสิ่งต่างๆ เกิดมีได้ คิดถึงนิมิตต่างๆ เหล่านั้นได้เพราะอะไร ถ้าไม่มีสภาพธรรมเลย นิมิตอนุพยัญชนะก็ไม่มี ถ้าประจักษ์การเกิดดับของสภาพธรรม ขณะนั้นก็ไม่มีนิมิตอนุพยัญชนะเพราะว่ามีลักษณะของสภาพธรรมกำลังปรากฏ แต่ขณะใดที่ไม่มีลักษณะของสภาพธรรมกำลังปรากฏ การเกิดดับสืบต่ออย่างรวดเร็วมาก ประมาณไม่ได้เลยก็ทำให้เห็นเป็นสิ่งที่สืบต่อจนกระทั่งเป็นสัณฐานต่างๆ เพราะฉะนั้นเราก็จะมีความเข้าใจขึ้นว่าแม้แต่สิ่งที่กำลังปรากฏในขณะนี้ ความจริงมีอะไรเป็นของจริง เกิดปรากฏเป็นอย่างนี้ได้เพราะอะไร"
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ