ทำไมอ่านพระไตรปิฎก 5-6 รอบแล้วยังเข้าใจพระธรรมถูกๆผิดๆ
อ่านพระไตรปิกฎกมา 5-6 รอบแล้ว แต่ยังเข้าใจพระธรรมถูกๆ ผิดๆ เป็นเพราะอะไรคะ
ถ้าอ่านอรรถกถา วิสุทธิมรรค ศึกษาพระอภิธรรมตามสถานที่ที่เปิดสอน และสอบถามหรือสนทนาธรรมกับท่านผู้รู้ผู้ศึกษาท่านอื่นๆ จะช่วยให้ละคลายความเข้าใจผิดที่เหลือได้ไหมคะ
และการเข้าใจถูกๆ ผิดๆ นี้ เวลาพูดกับผู้อื่นในธรรมถูกๆ ผิดๆ เท่ากับกล่าวตู่พระพุทธองค์หรือไม่คะ โปรดให้ความกระจ่างด้วยค่ะ ขอบพระคุณค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ในพระไตรปิฎก ไม่ว่าในหมวดใด ก็แสดงถึงสภาพธรรมที่มีจริง คือ ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นธรรม ดังนั้นการอ่านพระไตรปิฎก ไม่ว่าในหมวดใด ก็เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องว่า ทุกอย่างเป็นธรรมไม่ใช่เรา ไม่ใช่สัตว์ บุคคล เพื่อความเจริญขึ้นของปัญญา
การอ่านพระไตรปิฎกเองเป็นเรื่องยาก หากยังไม่มีพื้นฐานความเข้าใจเบื้องต้น ก็จะทำให้เข้าใจเอาเองและเข้าใจผิดได้ ควรเริ่มจากการฟังพระธรรม จากผู้รู้ที่ท่านอ่านพระไตรปิฎกให้ฟัง และอธิบายให้เราเข้าใจ จะเป็นประโยชน์กว่า ครับ และเมื่อมีความเข้าใจมากพอแล้ว ก็ค่อยๆ เริ่มอ่านพระไตรปิฎก ในสูตรใดก็ได้ เพราะสูตรใด เรื่องใดอ่านแล้ว ฟังแล้วเข้าใจ ก็สำเร็จประโยชน์ คือ ปัญญาเกิด ความเข้าใจขั้นการฟังเกิดเพียงเล็กน้อย ก็เป็นประโยชน์แล้วในขณะนั้น ครับ ซึ่ง คำบรรยายที่แสดงถึงพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง คือ พระไตรปิฎกก็บรรยายโดยผู้รู้ คือ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ก็มีให้พวกเราได้ฟัง และท่านก็ได้อธิบายให้เข้าใจ ในพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงให้เราเข้าใจด้วย ครับ ซึ่งสามารถหาได้ที่หมวด ฟังธรรม และหัวข้อจากพระไตรปิฎก ก็จะมีไฟล์เสียง ที่อธิบายเนื้อหาพระไตรปิฎก ในสูตรต่างๆ มีประโยชน์มากครับ และก็มีธรรมหมวดอื่นๆ ที่น่าฟัง และเป็นการปูพื้นฐานความเข้าใจที่จะสามารถอ่านพระไตรปิฎกได้ต่อไป ไม่ว่าจะเป็นหมวด เริ่มด้วยความเข้าใจ หมวดปกิณณกธรรม เป็นต้น ก็เป็นประโยชน์มาก ครับ เริ่มฟังตรงนี้ก่อน ก็จะทำให้เข้าใจพระธรรมหมวดอื่นๆ ได้เข้าใจถูกขึ้น เพราะ ถ้าเราไม่มีพื้น ความเข้าใจที่ถูกต้อง หากไปอ่านพระไตรปิฎกเองจะเข้าใจเอาเองและผิดได้ การได้ฟังพระธรรม ก็เหมือนการได้อ่านพระธรรม ครับ ส่วนการกล่าวธรรม ถ้ากล่าวผิดก็เป็นการกล่าวตู่ในพระธรรมและพระพุทธเจ้าได้ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงพระธรรม เพื่อให้ผู้ฟัง ผู้ศึกษาได้พิจารณาไตร่ตรอง เป็นความเข้าใจของผู้ฟังเอง ขอเพียงเป็นผู้เห็นประโยชน์ มีศรัทธามีความจริงใจ มีความอดทน ที่จะฟังที่จะศึกษาจริงๆ ความเข้าใจก็จะค่อยๆ เจริญขึ้น สะสมไปทีละเล็กทีละน้อย (เก็บเล็กผสมน้อย) และที่สำคัญ การศึกษาธรรม เป็นเรื่องเบาสบายเข้าใจแค่ไหนก็แค่นั้น กล่าวคือ เข้าใจธรรมตามกำลังปัญญาของตนเอง ไม่ว่าจะอ่าน จะฟัง จะศึกษาจากส่วนใดของพระธรรมคำสอน เมื่อมีความเข้าใจอย่างถูกต้องย่อมเป็นประโยชน์ เมื่อไม่ขาดการศึกษา จะด้วยจากการฟัง การอ่าน การพิจารณาไตร่ตรองในสิ่งที่ได้ยินได้ฟัง การสนทนา การถาม ล้วนเป็นเหตุที่จะทำให้ปัญญาเจริญขึ้นทั้งนั้นการสะสมปัญญา ต้องค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไปจริงๆ พระธรรมมีค่ามาก มีค่ายิ่งกว่าทรัพย์สมบัติใดๆ ในโลกทั้งปวง ซึ่งถ้าไม่มีโอกาสได้ฟัง ไม่มีโอกาสได้ศึกษา ย่อมไม่มีทางที่จะเข้าใจเลย บุคคลผู้ที่ฟัง ศึกษาด้วยความละเอียดรอบคอบเท่านั้น ถึงจะเข้าใจและได้รับประโยชน์จากพระธรรมอย่างแท้จริง, และที่สำคัญการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม เป็นโอกาสที่หายากในชีวิต เมื่อมีโอกาสแล้ว ได้พบพระธรรมในแนวทางที่ถูกต้องแล้ว ก็ไม่ควรจะปล่อยโอกาสนั้นให้ผ่านไป ควรตั้งใจฟังตั้งใจศึกษาต่อไป ดังข้อความธรรมที่ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ได้กล่าวไว้ น่าคิดทีเดียวว่า ธรรมเป็นเรื่องยาก ถ้าไม่เริ่มฟัง แล้วเมื่อไหร่จะเข้าใจ แต่ถ้าเริ่มฟังจริงๆ ตั้งใจฟังจริงๆ ไม่มีวันที่จะไม่เข้าใจ ต้องเข้าใจอย่างแน่นอน ครับ.
ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ
ทุกคำในพระไตรปิฎกก็คือ ขณะนี้
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณและขออนุโมทนากับอาจารย์ทั้งสองท่านที่ให้ความกระจ่าง และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านด้วยค่ะ
ถ้าไม่ได้สะสมปัญญามา ยังมีมิจฉาทิฏฐิอยู่มาก และไม่ได้มีโอกาสละคลายด้วยการฟังธรรมหรือสนทนาธรรมกับท่านผู้รู้ จนเข้าใจพระธรรมถูกต้องจริงๆ ถึงจะอ่านพระไตรปิฎกกี่รอบๆ ก็ยังคงเข้าใจถูกๆ ผิดๆ (แม้จะค่อยๆ เก็บเล็กผสมน้อยในสัมมาทิฎฐิไป) ก็เป็นเรื่องอันตรายเมื่อเผยแพร่มิจฉาทิฎฐินั้นไปยังผู้อื่น
ดิฉันเพิ่งเข้าใจและขออนุโมทนาในกุศลที่ท่านอาจารย์ อาจารย์ทุกท่านของมูลนิธิฯ ที่พยายามรักษาพระธรรมวินัยไว้อย่างดีที่สุด ขออนุโมทนาอีกครั้งค่ะ สาธุ