การถึงพร้อมด้วยขณะ

 
papon
วันที่  2 มิ.ย. 2557
หมายเลข  24934
อ่าน  1,767

เรียนอาจารย์ทั้งสองท่าน

พระอภิธรรมพื้นฐานตอนที่ 442 "การถึงพร้อมด้วยขณะ" เป็นตอนหนึ่งของความไพเราะของพระธรรม

กระผมขอความกรุณาอาจารย์ให้ความละเอียดในข้อนี้ด้วยครับ ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 2 มิ.ย. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การถึงพร้อมด้วยขณะก็ต้องพิจารณาคำว่า ขณะ ให้เข้าใจ ขณะ ก็คือชั่วระยะเวลาที่จิตเกิดขึ้นเป็นไป ชื่อว่า ขณะ หรือ จะเรียกอย่างไพเราะก็ได้ว่า ณ กาลครั้งหนึ่ง ก็คือ ขณะหนึ่งที่จิตเกิดขึ้นเป็นไป ซึ่ง จิตเมื่อเกิดขึ้น ก็ต้องมีเจตสิกเกิดร่วมด้วย ซึ่งเจตสิก ก็มีทั้งเจตสิกที่ดีและไม่ดี ขณะใดที่เจตสิกที่ดีเกิดขึ้น จิตนั้นก็ดีไปด้วย

เพราะฉะนั้น การถึงพร้อมด้วยขณะ ที่ประเสริฐ คือ ขณะจิตที่ดีเกิดขึ้นในขณะนั้น มีความถึงพร้อม คือ เจตสิกที่ดีเกิดร่วมด้วย จึงเป็นการถึงพร้อมด้วยขณะที่ประเสริฐ ที่นำมาซึ่งความดีและให้ผลดีในขณะและขณะต่อๆ ไปด้วย ครับ การถึงพร้อมด้วยขณะจึงมีหลายระดับ ตามระดับของกุศล ถ้าเป็นขณะนี้ที่เข้าใจความจริงของสภาพธรรม ก็เป็นขณะที่ประเสริฐมากๆ เพราะ ได้ประจักษ์ความจริง เพื่อไถ่ถอนความไม่รู้และความเห็นผิด จึงเป็นการถึงพร้อมด้วยขณะที่จิต ที่ถึงพร้อมด้วยสติและปัญญาในขณะนั้น ครับ และ การถึงพร้อมด้วยขณะอีกนัยหนึ่ง คือ การได้เกิดเป็นมนุษย์ ได้ฟังพระธรรม และเข้าใจพระธรรม ก็ชื่อว่าเป็นการถึงพร้อมด้วยขณะที่ประเสริฐ ครับ

เมื่อได้ศึกษาธรรมโดยละเอียดจะรู้ว่า การได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นแสนยากมากครับ เมื่อได้เกิดเป็นมนุษย์แล้ว ได้มีโอกาสพบพระธรรมคําสอนของพระพุทธเจ้า ก็เป็นสิ่งที่ยากมากเข้าไปอีก และเมื่อได้พบพระธรรมแล้ว เป็นผู้สนใจในหนทางที่ถูกต้องและมีศรัทธาในพระธรรมที่ถูกต้องยิ่งยากขึ้นไปกว่านั้น แต่ขณะนี้ก็ถึงพร้อมแล้วในสิ่งที่กล่าวมา พระพุทธองค์ตรัสว่า ขณะอย่าล่วงเลยพวกท่านไปเสีย เพราะบุคคลที่ล่วงเลยขณะไปย่อมพากันยัดเยียดกันในนรกครับ ดังนั้นขณะอย่าล่วงเลยไป คือ ขณะที่ได้ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมและขณะที่ปัญญาเจริญขึ้นนั่นเองครับ

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต เล่ม ๔ - หน้าที่ 453

ข้อความบางตอนจาก ..

อักขณสูตร

ชนเป็นอันมาก กล่าว เวลาที่เสียไปว่า กระทำอันตรายแก่ตน พระตถาคตเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นในโลก ในกาลบางครั้งบางคราว การที่พระตถาคตเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นในโลก ๑ การได้กำเนิดเป็นมนุษย์ ๑ การแสดง สัทธรรม ๑ ที่จะพร้อมกันเข้าได้ หาได้ยากในโลก ชนผู้ใคร่ประโยชน์ จึงควรพยายามในกาลดังกล่าวมานั้น ที่ตนพอจะรู้จะเข้าใจสัทธรรมได้ขณะอย่าล่วงเลยท่านทั้งหลายไปเสีย เพราะบุคคลที่ปล่อยเวลาให้ล่วงไปพากันยัดเยียดในนรก ก็ย่อมเศร้าโศก

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 2 มิ.ย. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงแสดงกาลมิใช่ขณะจะอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ แก่ภิกษุทั้งหลาย รวม ๘ ประการ ดังนี้ คือ

๑. พระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นในโลก และทรงแสดงพระสัทธรรม แต่บุคคลผู้นี้เกิดเป็นสัตว์นรก

๒. พระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นในโลก และทรงแสดงพระสัทธรรม แต่บุคคลผู้นี้เกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉาน

๓. พระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นในโลก และทรงแสดงพระสัทธรรม แต่บุคคลผู้นี้เกิดเป็นเปรต

๔. พระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นในโลก และทรงแสดงพระสัทธรรม แต่บุคคลผู้นี้เกิดในหมู่เทพที่มีอายุยืนนาน (อสัญญีสัตว์)

๕. พระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นในโลก และทรงแสดงพระสัทธรรม แต่บุคคลผู้นี้เกิดในปัจจันตชนบท โง่เขลา และอยู่ในที่อันไม่มีบริษัท ๔

๖. พระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นในโลก และทรงแสดงพระสัทธรรม บุคคลผู้นี้ถึงจะเกิดในมัชฌิมชนบท แต่เป็นคนมีความเห็นผิด

๗. พระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นในโลก และทรงแสดงพระสัทธรรม บุคคลผู้นี้ถึงจะเกิดในมัชฌิมชนบท แต่ไม่มีปัญญา เป็นคนโง่เขลา

๘. บุคคลผู้นี้ เกิดในมัชฌิมชนบท มีปัญญา เป็นคนไม่โง่เขลา แต่พระพุทธเจ้าไม่ได้เสด็จอุบัติขึ้นในโลก และ ไม่ได้ทรงแสดงพระสัทธรรม

และทรงแสดงต่อไปว่า ขณะที่สมควรอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ มีประการเดียว คือ พระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นในโลก และทรงแสดงพระสัทธรรม พร้อมกันนั้น บุคคลผู้นี้ได้เกิดในมัชฌิมชนบท เป็นผู้มีปัญญา ไม่โง่เขลา สามารถรู้เนื้อความแห่งคำสุภาษิตและทุพภาษิตได้

ขอเชิญคลิกอ่านข้อความจากพระสูตรโดยตรงได้ที่นี่ครับ

อักขณสูตร

--------------------------------

ขณะที่มีค่ายิ่งในชีวิต คือ ขณะที่เป็นกุศล โดยเฉพาะขณะที่เข้าใจพระธรรม ซึ่งเป็นความจริงที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงแสดง ชื่อว่า เป็นขณะเวลาที่ประเสริฐที่สุด บัดนี้ยังเป็นกาลสมัยที่มีคำสอนทางพระพุทธศาสนา ยังมีการแสดงพระสัทธรรม ซึ่งเป็นคำสอนของผู้สงบ อันจะทำให้ผู้ที่ได้ฟัง ได้ศึกษา ถึงความเป็นผู้สงบจากกิเลสด้วย และความเป็นมนุษย์ แต่ละบุคคลก็ได้แล้ว ซึ่งเป็นการได้ที่ได้ยากอย่างยิ่ง ขณะเวลาเหล่านี้ที่ได้แล้ว ก็อย่าได้ล่วงเลยท่านไปเลย ไม่ควรปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปโดยเปล่าประโยชน์ แต่ควรอย่างยิ่งที่จะศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม อบรมเจริญปัญญาสะสมความเข้าใจไปตามลำดับ เพราะหนทางนี้ เป็นหนทางที่ละทั้งหมด ได้แก่ละกิเลส และละความไม่รู้ทั้งหมดครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 2 มิ.ย. 2557

การถึงพร้อมด้วยขณะ คือ ขณะที่สติปัฏฐานเกิด รู้ตรงลักษณะสภาพธรรม ขณะนั้น เดี๋ยวนั้น ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
nong
วันที่ 3 มิ.ย. 2557

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
j.jim
วันที่ 6 มิ.ย. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ