ไม่ทราบอันนี้คิดเห็นเป็นอย่างไรครับ

 
Samanera
วันที่  24 มิ.ย. 2557
หมายเลข  25021
อ่าน  1,550

พระธรรมสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)

ที่มา..หนังสือแก่นแท้แห่งพระกรรมฐาน หน้า ๑๒

ขอให้ญาติโยมสนใจทำไปโดยไม่ต้องไปคิดเอาเอง

ทำไปโดยไม่ต้องหาวิชาการมาใส่ตัว ให้รู้เองก่อนทำ

ต้องทำก่อนจะรู้ ไม่ใช่ไปรู้ก่อนทำนะ เดี๋ยวนี้รู้กันเสียก่อนแล้ว

รู้ก่อนทำแล้วได้อะไร ก็ได้ของปลอมไปนะ

ต้องทำก่อนรู้สิ ไปรู้ก่อนทำมีที่ไหนเล่า

คนเรียนอภิธรรมจึงปฏิบัติกรรมฐานไม่ค่อยได้

มันค่อยคิดล่วงหน้าว่า อ๋อ ญาณที่หนึ่งมาแล้ว ญาณสองมาแล้ว

มันท่องได้ ญาณ ๑๖ ก็เป็นอย่างนี้เลยก็เป็นวิปัสสนึก

ส่วนมากคนเรียนอภิธรรมจบพระอภิธรรมเอกนั่งกรรมฐานไม่ค่อยได้

ได้เป็นวิปัสสนึกหมด นึกเอาตามตัวหนังสือว่ามันได้จริง

คนที่ไม่รู้อะไรเสียเลยทั้งหมดนี่ได้ง่าย ได้จริงเสียด้วย

ได้แล้วมาอ่านหนังสือตรงเป้าเลย ตรงหนังสือนั่นเอง

ถ้าคนรู้หนังสือและก็อวดรู้ อวดดี รับรองว่านั่งกรรมฐานไม่ได้ผล

เช่นมหาเปรียญนี่เขาเรียนกันแปดเก้าประโยค

มานั่งกรรมฐานไม่ได้หรอก ถ้าไม่มีศรัทธาไม่ได้อะไรเลยนะ

ถ้ามีศรัทธาเชื่อมั่นก็ดีทั้ง ปริยัติศาสนา ปฏิบัติศาสนา ปฏิเวธศาสนา

มันก็เกิดขึ้น ๓ ทาง ถ้าอย่างเราคนบ้านนอกคอกนา หรือคนปุถุชนธรรมดา

ไม่ได้ศึกษาหาความรู้จากวิชาศาสนา ไม่รู้อะไรเลย ยิ่งทำยิ่งดีมาก

นี่แหละมันจะผุดขึ้นมาเอง มันจะได้ของจริงด้วย

เลยไม่รู้อะไรเสียเลยดีกว่ารู้อะไรนะ พอรู้อะไรมันคอยจะนึกเป็นวิปัสสนึก

คิดว่าตัวทำได้ตามหนังสือที่เรียนมา เลยก็ไม่ได้อะไรเกิดขึ้นอย่างนี้เป็นต้น...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 24 มิ.ย. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การจะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ถ้าไม่มีความเข้าใจขั้นการฟัง การทำสิ่งนั้น ก็ผิดไปด้วย เพราะฉะนั้น จึงไม่ใช่ไปทำก่อน โดยไม่รู้ แต่ต้องรู้เข้าใจขั้นการฟังก่อน จึงทำถูกต้อง เพราะถ้าไม่รู้ขั้นการฟัง ตามที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ก็จะสำคัญผิด ว่า ปฏิบัติธรรม คือ เรื่องทำ ปฏิบัติอะไรสักอย่างหนึ่ง ที่เป็น การนั่งสมาธิ เดินจงกรม แต่แท้ที่จริง เพราะได้เข้าใจ ขั้นการฟัง คือ รู้ก่อน จึงเข้าใจถูกว่า ปฏิบัติธรรม ไม่ใช่เป็นเช่นนั้น แต่เป็นการระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่มีจริงว่าเป็นธรรม ไม่ใช่เรา ในชีวิตประจำวัน อันเกิดจากการฟัง ศึกษาพระธรรมเป็นสำคัญ ครับ โดยนัยเดียวกัน เพราะไม่ได้อาศัยการฟัง การรู้ก่อน ทำ ก็สำคัญว่า อภิธรรม หรือ การศึกษาธรรม เป็นทฤษฎี ไม่สามารถปฏิบัติ แท้ที่จริง เพราะอาศัยปริยัติ ปฏิบัติจึงเกิดขึ้นได้ ครับ

สาวกคือ ผู้สำเร็จได้จากการฟัง ฟังอะไร คือ ฟังพระธรรมที่พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงไว้ เพื่ออะไร เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง พระพุทธเจ้าทรงแสดงว่า การศึกษาต้องเป็นไปตามลำดับ คือ เริ่มจากความเข้าใจที่ถูกต้องคือ ปริยัติ เมื่อมีความเข้าใจที่ถูกต้อง ก็ย่อมนำไปสู่การปฏิบัติที่ถูกต้อง เมื่อปฏิบัติที่ถูกต้องก็ย่อมนำไปสู่ปฏิเวธ การบรรลุธรรม ดังนั้นจึงเป็นปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ ซึ่งปริยัติและปฏิบัติไม่ได้แยกจากกัน คือ เกี่ยวเนื่องกันไปครับ ถ้าไม่เข้าใจขั้นการฟัง จะปฏิบัติถูกไม่ได้เลยครับ แต่เพราะอาศัยคำสอนของพระพุทธเจ้า ขณะที่เข้าใจในขณะที่ศึกษา ในขณะที่ฟัง ขณะนั้นก็ปัญญาค่อยๆ เจริญแล้ว จนถึงปัญญาที่รู้ความจริงในขณะนี้ ขณะนั้นก็เป็นปฏิบัติ ใครปฏิบัติ ธรรมปฏิบัติ คือ ปัญญาเกิดรู้ความจริงนั่นเอง อันอาศัยปริยัติคือการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ดังนั้นเพราะอาศัยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมก็ย่อมทำให้เข้าใจว่าปฏิบัติคืออะไร เพราะถ้าไม่ศึกษาจากพระธรรมที่พระพุทธองค์ทรงแสดง จะเข้าใจได้อย่างไรว่าปฏิบัติคืออะไร คำพูดใดของบุคคลใด ถูกหรือผิด แม้แต่คำว่าปฏิบัติ ก็เข้าใจเป็นการทำอะไรซักอย่างที่ยุคสมัยนี้เข้าใจว่าคือการทำ การนั่งสมาธิคือการปฏิบัติ แต่ในความจริงแล้ว คำว่า ปฏิบัติ แปลความหมายแล้ว หมายถึง การถึงเฉพาะ ถึงเฉพาะซึ่งสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ครับ

ปฏิบัติธรรม จึงหมายถึง ถึงเฉพาะธรรม แต่ถ้าไม่ฟังให้เข้าใจก่อนขั้นการฟังให้ถูกต้องว่า ธรรมคืออะไร แล้วจะไปหาธรรมอะไร ไปปฏิบัติธรรมอะไร ในเมื่อยังไม่เข้าใจในสิ่งที่หาคือ ธรรม ครับ เพราะฉะนั้น ธรรมคือสิ่งที่มีจริง ที่มีลักษณะ ที่ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ที่เป็นนามธรรมและรูปธรรม อันเป็น จิต เจตสิก รูป เช่น การเห็น เป็นจิต เป็นธรรม การได้ยิน เป็นจิต เป็นธรรม คิด เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นจิต เป็นธรรม ความโกรธ เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นเจตสิก เป็นธรรม เสียง เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นรูป เป็นธรรม จากที่กล่าวมา จะเห็นว่า ธรรมคือ สิ่งที่มีจริงในชีวิตประจำวัน ดังนั้นการปฏิบัติธรรม หรือ ที่เรียกว่าปฏิบัติเพื่อรู้ตัวธรรม ก็ต้องรู้สิ่งที่เป็นธรรมในชีวิตประจำวันมีตอนอยู่ในห้องปฏิบัติใช่หรือไม่ ตัวธรรม มีตอนที่นั่งสมาธิหรือไม่ครับ สำหรับธรรม หรือมีอยู่แล้วในชีวิตประจำวัน เพราะฉะนั้น การปฏิบัติธรรมก็คือการรู้ความจริงในสิ่งที่มีในชีวิตประจำวัน ด้วยการฟังพระธรรมในเรื่องสภาพธรรม เรื่องสติปัฏฐาน จะเห็นครับว่า เพราะอาศัยการศึกษา ฟังพระธรรมที่ถูกต้องก็ย่อมเข้าใจว่าธรรมคืออะไร ปฏิบัติคืออะไร ก็จะทำให้เป็นผู้เดินทางในหนทางที่ถูกด้วยการศึกษาพระธรรม นี่คือประโยชน์ของการศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรมทำให้เห็นถูกและเข้าใจในสิ่งที่ถูกตามความเป็นจริง แม้แต่คำว่า ธรรมและคำว่าปฏิบัติธรรมครับ ประโยชน์ของการฟัง ศึกษาพระธรรมที่ถูกต้อง จึงเป็นเบื้องต้นของการบรรลุธรรม ครับ สมดังพระพุทธพจน์ที่ว่า ต้องอาศัยการฟังธรรม พิจารณาธรรมโดยแยบคาย และการปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม คือ ปัญญาเกิดในขณะที่ฟังธรรมนั่นเอง ย่อมถึงความเป็นพระโสดาบันครับ

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ - หน้าที่ 279

๕. ทุติยสาริปุตตสูตร

ว่าด้วยองค์ธรรมเครื่องบรรลุโสดา

[๑๔๒๗] ครั้งนั้น ท่านพระสารีบุตรเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งครั้นแล้วพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสถามท่านพระสารีบุตรว่า ดูก่อนสารีบุตรที่เรียกว่า โสตาปัตติยังคะ *ๆ ดังนี้ โสตาปัตติยังคะเป็นไฉน. [๑๔๒๘] ท่านพระสารีบุตรกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญโสตาปัตติยังคะ คือ สัปปุริสสังเสวะ การคบสัตบุรุษ ๑ สัทธรรมสวนะฟังคำสั่งสอนของท่าน ๑ โยนิโสมนสิการ กระทำไว้ในใจโดยอุบายที่ชอบ ๑ธัมมานุธัมมปฏิปัตติ ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ๑. [๑๔๒๙] พ. ถูกละๆ สารีบุตร โสตาปัตติยังคะ คือ สัปปุริสสังเสวะ ๑ สัทธรรมสวนะ ๑ โยนิโสมนสิการ ๑ ธัมมานุธัมมปฏิปัตติ ๑. ฯลฯ


เชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่ ครับ

ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ ที่ถูกต้องคืออย่างไร

การอบรมเจริญปัญญาขาดปริยัติไม่ได้ ไม่ใช่จะไปปฏิบัติเลย

ปัญญาต้องมาจากปริยัติธรรม - บ้านธัมมะ

การศึกษาปริยัติเกื้อกูลการปฏิบัติอย่างไร - บ้านธัมมะ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
j.jim
วันที่ 24 มิ.ย. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 24 มิ.ย. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ความเห็นผิดเป็นกิเลสที่อันตรายมาก มีโทษมาก เพราะว่า เมื่อมีความเห็นผิดแล้ว กาย วาจา ใจ ย่อมเป็นไปในทางที่ผิด ด้วย บุคคลผู้ที่มีความเห็นผิด มีการปฏิบัติผิด ย่อมไม่สามารถที่จะพ้นไปจากวัฏฏะได้ มีแต่จะเพิ่มพูนข้อปฏิบัติผิดนั้นยิ่งๆ ขึ้น และ ที่น่ากลัวอีกอย่างหนึ่ง คือ ตนเองมีความเห็นผิดแล้ว ยังชักชวนให้ผู้อื่นมีความเห็นผิดตามไปด้วย เผยแพร่ความเห็นที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง ยิ่งจะทำให้ผู้อื่นเกิดความเห็นผิดเพิ่มมากขึ้น ซึ่งไม่เป็นประโยชน์แก่ใครๆ เลย ทั้งสิ้น ในคำสอนทางพระพุทธศาสนา ไม่มีคำสอนแม้แต่บทเดียวที่สอนให้คนไปทำอะไรด้วยความไม่รู้ พระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ดีแล้ว เท่านั้น ที่จะเป็นเครื่องป้องกันความเห็นผิดคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง พระธรรมย่อมจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่มีโอกาสได้ฟัง ได้ศึกษาอย่างแท้จริง ทำให้มีความมั่นคงในความเป็นจริง มั่นคงในความถูกต้อง ไม่หวั่นไหวคล้อยตามในสิ่งที่ผิดไม่ตรงตามพระธรรมคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะคำสอนของพระองค์ เกิดจากพระปัญญาตรัสรู้ซึ่งกว่าจะได้ทรงตรัสรู้นั้น พระองค์ต้องอาศัยการสะสมพระบารมีมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนานถึงสี่อสงไขยแสนกัปป์ สิ่งที่พระองค์ทรงตรัสรู้และทรงแสดง ย่อมไม่พ้นจากสิ่งที่มีจริง ซึ่งมีจริงในขณะนี้ และการที่จะรู้ธรรม ก็รู้ในขณะนี้ แต่ก็ต้องมีเหตุที่จะให้รู้ นั่นก็คือ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกจากการที่มีโอกาสได้ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงด้วยความละเอียดรอบคอบ ไม่ประมาทในพระธรรมแต่ละคำที่ได้ยินได้ฟัง ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 24 มิ.ย. 2557

จะปฏิบัติโดยไม่ศึกษาธรรม ไม่ฟังธรรมไม่ได้ เพราะคำสอนพระพุทธเจ้าต้องปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ดวงทิพย์
วันที่ 24 มิ.ย. 2557

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 24 มิ.ย. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
papon
วันที่ 24 มิ.ย. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ปวีร์
วันที่ 25 มิ.ย. 2557

พระพุทธศาสนาคือความเข้าใจ

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
ประสาน
วันที่ 25 มิ.ย. 2557

การศึกษาพระธรรมต้องเป็นผู้ละเอียด

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
peem
วันที่ 25 มิ.ย. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
วิริยะ
วันที่ 25 มิ.ย. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
mon-pat
วันที่ 28 มิ.ย. 2557

ขอบพระคุณอาจารย์ทั้งสองท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
mild
วันที่ 28 มิ.ย. 2557

ญาณ คือปัญญา ทรงแสดงไว้ 3 ส่วน คือ สัจจญาณ กิจจญาณ กตญาณ ตามลำดับ การที่จะไม่ศึกษา แล้วไปปฏิบัติ เพื่อได้รู้เห็น ความเป็นธรรมะ หรือการตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าอีกพระองค์นั้นเป็นไปไม่ได้ นั่นเป็นการไม่เคารพพระศาสดา แล้วถ้าเพิ่มความเห็นผิดมากขึ้น พระศาสนาก็ถึงการอันตรธาน ธรรมมะจากพระโอษฐ์เพิ่มไม่ได้ ลดเองไม่ได้ คิดเองไม่ได้ ที่คิดเองก็เพราะมีตัวตนที่ไปทำโดยยังไม่รู้ แล้วยังกระจายความเห็นผิด ธรรมะไม่สาธารณะกับทุกคนจึงเป็นจริง ผู้ที่ฟังธรรมอันแท้มีน้อย เหตุเพราะบุญที่ได้ทำมามีไม่ถึงพอ นี่แหละคืออนัตตา

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ