พระเจ้าแผ่นดิน ที่เห็นแก่พระธรรมมากกว่าพระราชสมบัติ
ฟังพระสูตรเรื่องพระเจ้าปุกกุสาติ รู้สึกประทับใจทุกครั้ง อยากให้ท่านอื่นได้ฟังบ้าง เรารับค่าจ้างเงินเดือนเล็กๆ น้อยๆ ก็ยังทำอยู่ ยังไม่กล้าพอที่จะสละการงาน เพื่อเอาเวลามาฟังธรรมและศึกษาธรรมะเพิ่มขึ้น ก็คงขึ้นอยู่การสะสมและการเห็นประโยชน์ในพระธรรมของแต่ละท่าน สำหรับพระเจ้าปุกกุสาติเห็นประโยชน์ของพระธรรมมากกว่าพระราชสมบัติมหาศาล จึงทรงออกผนวช และเที่ยวตามหาพระพุทธเจ้าจนพบและมีโอกาสได้ฟังพระธรรม บรรลุเป็นพระอนาคามี และไปบรรลุเป็นพระอรหันต์ในพรหมโลก
ท่านวิทยากรหรือท่านอื่นจะร่วมแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ก็ขอเชิญครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สัตว์โลกสะสมอุปนิสัยและบารมีมาไม่เหมือนกัน แตกต่างกัน แต่ละคนก็แต่ละหนึ่ง จึงมีสาวกในอดีต ที่บวชก็มี ไม่บวชก็มี แต่ต่างก็บรรลุธรรม เพราะฉะนั้น สำคัญที่สุด คือ ปัญญา ความเห็นถูก ครับ
เพราะฉะนั้น จึงไม่ใช่เรื่องของการที่จะทำตาม หรือ ไม่ทำตาม ทุกอย่างเป็นไปตามการสะสมของแต่ละบุคคล ผู้ที่สะสมที่จะสละเพศบรรพชิต ก็สละทุกสิ่งด้วยความเห็นถูก และอบรมปัญญในเพศบรรพชิต ครับ ส่วนผู้ที่ยินดีในเพศคฤหัสถ์ ก็อบรมปัญญาในเพศคฤหัสถ์และก็สามารถบรรลุธรรมได้ เพศคฤหัสถ์ ท่านก็ไม่ได้ละทิ้งการงาน แต่แบ่งเวลาในการศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม ตามกาล อย่างเหมาะสม ครับ
ท่านอาจารย์สุจินต์ให้ข้อคิดที่ดีว่า
ในเมื่อยังไม่เข้าใจสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏ แล้วจะไม่ทำงาน มาฟังธรรมอย่างเดียวเท่านั้น แล้วจะเข้าใจรู้สิ่งที่มีจริงไหม
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นคำจริง เป็นคำอนุเคราะห์เกื้อกูลให้เข้าใจถูกเห็นถูกตามความเป็นจริง เกิดจากการตรัสรู้ของพระองค์ ที่กว่าจะได้ตรัสรู้นั้น พระองค์ต้องบำเพ็ญพระบารมีสะสมคุณความดีประการต่างๆ ตลอดระยะเวลาที่ยาวนานถึงสี่อสงไขยแสนกัปป์ พระบารมีที่พระองค์ทรงบำเพ็ญมาทั้งหมดก็เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์โลกอย่างแท้จริง ให้มีความเข้าใจถูกเห็นถูกในลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริง พร้อมทั้งน้อมประพฤติปฏิบัติตาม จนกระทั่งถึงความเป็นผู้หมดจดจากกิเลสในที่สุด จะเห็นได้ว่า เมื่อพระองค์ทรงตรัสรู้แล้ว พระองค์ทรงแสดงพระธรรมตลอด ๔๕ พรรษา ทรงพร่ำสอนพุทธบริษัทบ่อยๆ เนืองๆ ตั้งแต่เริ่มประกาศพระศาสนาจนกระทั่งถึงเวลาที่พระองค์จวนจะเสด็จดับขันธปรินิพพาน ที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะว่า พระธรรม มีประโยชน์มาก ทำให้ผู้ได้ฟัง ได้ศึกษา มีความเข้าใจถูกเห็นถูก เป็นไปเพื่อขัดเกลาละคลายกิเลส จนกว่ากิเลสจะดับหมดสิ้นไป
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จอุบัติขึ้นในโลก ก็เพื่อเกื้อกูลแก่สัตว์โลกให้เป็นผู้หลุดพ้นจากกองทุกข์และกิเลสทั้งปวง ด้วยการแสดงพระธรรมประกาศความจริง แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้รับประโยชน์เหมือนกันทั้งหมด เพราะเหตุว่า ผู้ที่จะได้รับประโยชน์จากพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงนั้นต้องเป็นผู้ที่ตั้งใจฟัง ไตร่ตรองพิจารณา ไม่ประมาทในพระธรรมที่ได้ยินได้ฟัง สะสมปัญญาไปตามลำดับ เมื่อปัญญาเจริญขึ้น คมกล้าขึ้น ก็สามารถที่จะรู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้ เป็นผู้ถึงฝั่งแห่งการดับกิเลส ที่ความเกิด ความแก่ ความเจ็บ และความตายไม่สามารถครอบงำได้อีกต่อไป
ตามความเป็นจริงแล้ว พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงตลอด ๔๕ พรรษานั้น ประกอบด้วยเหตุและผล เป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของกุศลธรรม เป็นไปเพื่อการขัดเกลาละคลายกิเลส เป็นไปเพื่อละโดยตลอด พระธรรม จึงเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ได้สะสมบุญมาแล้วตั้งแต่ชาติปางก่อนเท่านั้น ซึ่งเป็นผู้มีศรัทธา เห็นประโยชน์ของพระธรรม ได้ยินได้ฟังมาแล้วในอดีต ดังนั้น จึงไม่ขึ้นอยู่กับว่าจะเป็นพระราชา หรือ ไม่เป็นพระราชาเป็นคนมีเงินมากหรือน้อยเป็นต้น แต่ขึ้นอยู่กับการสะสมของแต่ละคนจริงๆ ว่า จะเป็นผู้เห็นประโยชน์ของพระธรรมหรือไม่? ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...