วิถีจิตทางมโนทวาร
เรียนถาม
อยากทราบว่า วิถีจิตทางมโนทวารไม่ใช่วิบากจิต เป็นเช่นนั้นใช่หรือไม่คะ มีแต่วิถีจิตทางปัญจทวารเท่านั้นที่เป็นวิบากจิต
ขอบพระคุณอย่างสูง
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
การศึกษาพระธรรม ก็ต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย และประการที่สำคัญ จุดประสงค์ของการศึกษาพระธรรมก็เพื่อเข้าใจถูกเห็นถูกในสภาพธรรมที่มีจริงๆ ในชีวิตประจำวัน แต่ไม่เคยรู้ไม่เคยเข้าใจ แม้จะกล่าวถึง ภวังคจิต ก็ดี วิถีจิตก็ดี ก็คือ สภาพธรรมที่มีจริงๆ ซึ่งถ้าไม่ได้ฟัง ไม่ได้ศึกษาจะไม่สามารถเข้าใจถูกเห็นถูกตามความเป็นจริงได้เลย
ทุกขณะของชีวิต ก็คือ การดับดับสืบต่อกันของจิตแต่ละขณะๆ เป็นไปอย่างไม่ขาดสาย จิต เมื่อจำแนกเป็นประเภทใหญ่ๆ แล้ว มี ๒ ประเภท คือ จิตที่เป็นวิถีจิต กับ จิตที่ไม่ใช่วิถีจิต ซึ่งก็ต้องกล่าวถึงความหมายของจิต ๒ ประเภทนี้ เป็นเบื้องต้นก่อนว่าวิถีจิต คือ จิตที่เกิดขึ้นโดยอาศัยทวารหนึ่งทวารใดใน ๖ ทวาร (ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ) ในการรู้แจ้งอารมณ์
ซึ่งวิถีจิต มีจิตเกิดหลายประเภทในวิถีจิตนั้น เช่น วิถีจิตทางปัญจทวาร ก็มีจิตหลายประเภท เมื่อภวังคจิตดับไปแล้ว เป็นปัจจัยให้วิถีจิตทางตาเกิดขึ้น
วิถีจิตที่ ๑ คือ อาวัชชนวิถี ได้แก่ จักขุทวารวัชชนจิต เกิดขึ้นทำกิจรำพึง คือรู้ว่ามีอารมณ์กระทบกับจักขุปสาทะ
วิถีจิตที่ ๒ คือ จักขุวิญญาณ เกิดขึ้นทำกิจเห็นซึ่งอารมณ์คือสี
วิถีจิตที่ ๓ คือ สัมปฏิจฉันนจิต เกิดขึ้นทำกิจรับอารมณ์ต่อจากจักขุวิญญาณ
วิถีจิตที่ ๔ คือ สันตีรณจิต พิจารณาอารมณ์
วิถีจิตที่ ๕ คือ โวฏฐัพพนจิต ทำกิจตัดสินอารมณ์ หมายความว่า เป็นจิตที่กระทำทางให้กุศลจิต หรือ อกุศลจิต หรือ กิริยาจิต (เฉพาะพระอรหันต์) เกิดต่อ
วิถีจิตที่ ๖ คือ ชวนวิถีจิต โดยศัพท์ “ชวนะ” แปลว่า แล่นไป คือ ไปอย่างเร็วในอารมณ์ด้วยกุศลจิตหรืออกุศลจิตหรือกิริยาจิต (เฉพาะพระอรหันต์)
วิถีจิตที่ ๗ คือ ตทาลัมพนวิถี หรือ ตทารัมมณวิถี ตทาลัมพนวิถีจิตเกิดขึ้นกระทำกิจรับรู้อารมณ์ต่อจากชวนวิถีจิต เมื่ออารมณ์นั้นยังไม่ดับไป
เพราะฉะนั้น วิบากจิตในวิถีทางปัญจทวาร คือ จักขุวิญญาณจิต จิตเห็น สัมปฏิจฉันนะ สันตีรณะ แต่ ชวนจิต ไม่เป็นวิบากจิต และจักขุทวารวัชชนจิต เป็นกิริยาจิต ไม่ใช่วิบากจิต
ส่วนทางมโนทวารวิถี
ทางมโนทวารนั้นเมื่ออารมณ์ไม่ได้กระทบกับจักขุปสาท เป็นต้น จึงไม่มีอตีตภวังค์ แต่ก่อนที่มโนทวาราวัชชนจิตจะรำพึงถึงอารมณ์ที่วิถีจิตรู้ทางปัญจทวารแล้วดับไปนั้น ภวังคจลนะจะต้องเกิดขึ้นไหวตามอารมณ์นั้นแล้วดับไป ภวังคจลนะ เป็นวิบากจิต แล้วภวังคุปัจเฉทะจึงเกิดขึ้นแล้วดับไป ภวังคุปัจเฉทะ เป็นวิบากจิต ต่อจากนั้นมโนทวาราวัชชนจิตจึงเกิดขึ้น เป็น มโนทวารวิถีจิตที่ ๑ จิตที่ทำอาวัชชนกิจทางมโนทวารนั้น ไม่ใช่ปัญจทวาราวัชชนจิต ปัญจทวาราวัชชนจิตทำอาวัชชนกิจได้ทางปัญจทวารเท่านั้น ทำอาวัชชนกิจทางมโนทวารไม่ได้เลย จิตที่ทำอาวัชชนกิจทางมโนทวารมี ๑ ดวง คือ มโนทวาราวัชชนจิต ทำกิจรำพึงถึงอารมณ์ทางมโนทวาร คือ นึกถึงอารมณ์ทางมโนทวาร ในวันหนึ่งๆ ที่คิดนึกเรื่องต่างๆ นั้น ขณะที่คิดนั้นจิตไม่รู้อารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งทางตา หู จมูก ลิ้น กายเลย เมื่อภวังคจลนะเกิดขึ้นแล้วดับไป ภวังคุปัจเฉทะก็เกิดต่อแล้วดับไป แล้วมโนทวาราวัชชนจิตก็เกิดขึ้นเป็นมโนทวารวิถีจิตที่ ๑ มโนทวาราวัชชนจิตเป็นกิริยาจิต เมื่อมโนทวาราวัชชนจิตดับไปแล้ว สำหรับผู้ที่ไม่ใช่พระอรหันต์ กุศลจิต หรืออกุศลจิต ซึ่งเป็นชวนวิถีจิตก็เกิดดับสืบต่อซ้ำกัน โดยเป็นจิตประเภทเดียวกันทั้ง ๗ ขณะ แต่บางครั้ง ชวนจิตที่เป็นผลจิต ที่เป็นผลจิต ๔ โสดาปัตติผล สกทาคามิผล อนาคามิผล อรหัตถผล ชวนจิตเป็นชาติวิบาก เป็นวิบากจิต เมื่อกุศลชวนวิถีจิตหรืออกุศลชวนวิถีจิตดับไปแล้ว ถ้าเป็นอารมณ์ทางใจที่ปรากฏชัดเจน ตทาลัมพนวิถีจิตก็เกิดต่ออีก ๒ ขณะ ตทาลัมพนวิถีจิต เป็นจิตชาติวิบาก ภวังคจลนะ เป็นวิบากจิต ภวังคุปัจเฉทะ เป็นวิบากจิต
วิถีจิตที่เกิดขึ้นรู้อารมณ์ทางมโนทวาร มี ๓ วิถี
-อาวัชชนวิถี (มโนทวาราวัชนจิต) ๑ ขณะ (กิริยาจิต)
-ชวนวิถี ๗ ขณะ (กุศล อกุศล วิบาก กิริยา)
-ตทาลัมพนวิถี ๒ ขณะ (วิบากจิต)
ดังนั้น วิถีจิตทางมโนทวารมีวิบากจิต แต่ไม่ใช่ วิบากที่เป็น เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้กระทบสัมผัส ที่เกิดทางวิถีจิตทางปัญจทวารเท่านั้น แต่วิบากจิตประเภทอื่นเกิดได้ทางวิถีจิตทางมโนทวารครับ
ขออนุโมทนา
ขอเรียนถามความเห็นที่ 1 ต่อค่ะว่า สำหรับปุถุชน ชวนจิตทางมโนทวารอย่างไรเสียก็ต้องเป็นจิตชาติกุศลหรืออกุศลเท่านั้น ถูกต้องหรือไม่คะ และตฑาลัมพนจิตก็เป็นชาติวิบากไม่เปลี่ยนแปลงทั้งทางมโนทวารวิถีและปัญจทวารวิถี
ขอบพระคุณอย่างสูง
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง มีความละเอียดลึกซึ้งมาก ซึ่งจะต้องอาศัยการฟัง การศึกษาบ่อยๆ เนืองๆ ค่อยๆ สะสมความเข้าใจไปทีละเล็กทีละน้อย เพราะสิ่งที่กำลังศึกษานั้น ก็คือ สิ่งที่มีจริงในขณะนี้ แม้แต่ในเรื่องของจิต ก็เช่นเดียวกัน มีจริงอยู่ในขณะนี้ ทุกขณะของชีวิตก็คือจิตเกิดดับสืบต่อกันอย่างไม่ขาดสาย
จิต เป็นสภาพธรรมที่เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งอารมณ์ เมื่อจำแนกเป็นประเภทใหญ่ๆ แล้ว มี ๒ ประเภท คือ จิตที่เป็นวิถีจิต (จิตที่อาศัยทวารหนึ่งทวารใดใน ๖ ทวารเกิดขึ้นรู้อารมณ์ คือ อาศัย ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ) และ จิตที่ไม่ใช่วิถีจิต เป็นจิตที่เกิดขึ้นรู้อารมณ์โดยไม่ได้อาศัยทวาร ๖ เลย ซึ่งมีเพียง ๓ ประเภทเท่านั้น คือ ปฏิสนธิจิต ภวังคจิต และ จุติจิต
สำหรับวิถีจิตทางมโนทวาร (จิตที่เกิดขึ้นรู้อารมณ์โดยอาศัยมโนทวาร) ที่เป็นวิบากจิต นั้น ได้แก่ จิตที่เกิดขึ้นทำกิจตทาลัมพนะ (รับรู้อารมณ์ต่อจากชวนจิต) ตทาลัมพนจิตเท่านั้น ที่เป็นวิบากจิตอันเป็นวิถีจิตทางมโนทวาร ตามความเป็นจริงแล้ววิถีจิตทางมโนทวาร นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นอกุศลจิต กุศลจิต และกิริยาจิต วิบากจิตมีน้อยมาก สำหรับกามาวจรจิต วิบากจิตที่เป็นวิถีจิตทางมโนทวาร มีเพียงตทาลัมพนจิต เท่านั้น ไม่มีจิตอื่น ครับ
ลำดับการเกิดขึ้นของวิถีจิตทางมโนทวารมี ๓ วิถี ดังนี้
@ ภวังคจลนะ ๑ ขณะ [ไม่ใช่วิถีจิต]
@ ภวังคุปัจเฉทะ ๑ ขณะ [ไม่ใช่วิถีจิต]
@ มโนทวาราวัชชนจิต ๑ ขณะ [เป็นวิถีจิต]
@ ชวนวิถี ๗ ขณะ คือ
-กุศลหรืออกุศลหรือกิริยาจิต ๑ ขณะ [เป็นวิถีจิต]
-กุศลหรืออกุศลหรือกิริยาจิต ๑ ขณะ [เป็นวิถีจิต]
-กุศลหรืออกุศลหรือกิริยาจิต ๑ ขณะ [เป็นวิถีจิต]
-กุศลหรืออกุศลหรือกิริยาจิต ๑ ขณะ [เป็นวิถีจิต]
-กุศลหรืออกุศลหรือกิริยาจิต ๑ ขณะ [เป็นวิถีจิต]
-กุศลหรืออกุศลหรือกิริยาจิต ๑ ขณะ [เป็นวิถีจิต]
-กุศลหรืออกุศลหรือกิริยาจิต ๑ ขณะ [เป็นวิถีจิต]
@ ตทาลัมพนวิถี ๒ ขณะ
-ตทาลัมพนะ ๑ ขณะ [เป็นวิถีจิต] เป็นวิบากจิต
-ตทาลัมพนะ ๑ ขณะ [เป็นวิถีจิต] เป็นวิบากจิต
ขอเชิญคลิกอ่านคำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ เพิ่มติมได้ที่นี่ครับ
วิถีจิตทางปัญจทวาร-วิถีจิตทางมโนทวาร
ส่วนในมรรควิถี วิถีจิตที่เกิดขึ้นทางมโนทวาร ที่เป็นวิบากจิต ก็คือ โลกุตตรวิบากจิต ซึ่งได้แก่ โสดาปัตติผลจิต สกทาคามิผลจิต อนาคามิผลจิต และ อรหัตตผลจิต อันเป็นวิบากจิตของพระอริยบุคคล ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
เรียนถามท่านผู้รู้เพิ่มเติมอีกสักนิดนะคะว่า ชวนวิถีจิตที่เป็นชาติวิบากคือ ผลทั้ง 4 อย่าง ที่ทำให้ดำรงความเป็นพระอริยบุคคลนั้น อยากทราบว่า ชวนจิตนั้นๆ เป็นชาติกิริยาเมื่อใดคะ เมื่อเป็นพระอริยบุคคลขั้นสูงสุดคือเป็นพระอรหันต์ใช่หรือไม่คะ ชวนจิตของพระโสดาบัน พระสกทาคามีและพระอนาคามี ยังคงเป็นชาติวิบากอยู่ ต่อเมื่อชวนจิตท่านได้รับวิบากเป็นอรหัตตผลแล้ว หลังจากนั้นชวนจิตของพระอรหันต์ก็จะเป็นชาติกิริยาไปตลอด เพราะไม่มีกุศล อกุศลใดๆ อีก ดิฉันเข้าใจถูกหรือไม่คะ
ขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ
เรียนความเห็นที่ 7 ครับ
ชวนจิตของผู้ที่ไม่ใช่พระอรหันต์ สามารถเป็นกุศล อกุศล วิบาก แต่ไม่ใช่กิริยา แต่พระอรหันต์ ชวนจิตของท่าน จะไม่เป็นกุศล อกุศล แต่เป็นกิริยาจิต และ วิบากจิต ได้ ถ้าท่านได้เข้าผลสมาบัติ เกิดอรหัตถผลจิต ที่ชวนจิต ครับ
ขออนุโมทนา