น้อมนำ พระธรรม พิจารณา จิตใจของตนเอง

 
ใหญ่ราชบุรี
วันที่  3 ก.ย. 2557
หมายเลข  25455
อ่าน  1,019

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง

กราบเท้า บูชา พระคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ถอดคำบรรยายธรรม โดย ใหญ่ราชบุรี – ธิดารัตน์ เดื่อมขันมณี

ฟังธรรม 04574

น้อมนำพระธรรมพิจารณาจิตใจของตนเอง

สำหรับ การฟังพระธรรม จะ มีประโยชน์มาก เมื่อ น้อมนำ พระธรรมนั้น พิจารณา จิตใจของตนเอง เช่น ถ้าได้ข่าวการสิ้นชีวิตของใครก็ตาม ย้อนระลึกถึงตนเอง นอกจากบุคคลนั้น เพราะเหตุว่า ผู้ตายอาจจะเป็น ผู้ที่มีโลภะมาก ชอบภาพเขียน ชอบดนตรี ชอบสิ่งสวยงาม ชอบความเพลิดเพลินต่างๆ แล้ว ตัวของท่าน เหมือนอย่างนั้น หรือเปล่า

เพราะฉะนั้น สำหรับ ผู้ที่มีโลภะมาก มีความติดข้องในทรัพย์สมบัติ ก็ควรที่จะได้รู้ว่า แท้ที่จริงแล้ว สิ่งต่างๆ ปรากฏทางตา จึง เกิด ความยินดีพอใจ ชั่วในขณะที่เห็น เวลาที่ปรากฏทางหู เป็นเสียงที่ไพเราะ ก็ทำให้ เกิด ความยินดีพอใจ ชั่วขณะที่ได้ยินเสียงนั้น หรือว่า กลิ่นหอมๆ ที่ปรากฏ ก็ทำให้ เกิด ความพอใจ เพียง ชั่วขณะที่สั้นมาก คือ ชั่วขณะที่กลิ่นนั้นปรากฏ แม้รส แม้สัมผัส ก็เช่นเดียวกัน

เพราะฉะนั้น วันหนึ่งๆ จะเห็นได้ ว่า แม้ว่า รูป จะเกิดขึ้นแล้ว ก็ดับไป เร็วมาก เร็ว สักเท่าไหร่ก็ตาม “ความพอใจ” ก็ยัง ติดตาม รูปที่ปรากฏนั้น เร็วอย่างนั้น จนกว่า ปัญญา จะเจริญขึ้น

แล้วสำหรับ ผู้ที่มากด้วยโทสะ ซึ่งแต่ละท่าน ก็จะต้องพิจารณาตนเอง ว่า เป็นผู้ที่ มักโกรธ ขุ่นเคือง เดือดร้อนใจบ่อยๆ หรือว่า ผูกโกรธใครไว้บ้าง ก็จะได้พิจารณา ตามความเป็นจริง แท้ที่จริง ก็หา มี บุคคลนั้นไม่ จะมีบุคคลนั้น ก็เพียงชั่วชาติเดียวที่ท่านพบเท่านั้นเอง หลังจากนั้นแล้ว จะไม่มีอีกเลย เพราะฉะนั้น จะโกรธ หลังจากที่บุคคลนั้นสิ้นชีวิต ไปแล้ว ควรหรือไม่ควร ในเมื่อไม่มีบุคคลนั้นอีก ตราบใด ที่ยังมีบุคคลนั้นให้เห็น ก็อาจจะทำให้ นึกโกรธ หรือ ผูกโกรธ แต่ถ้าคิดได้ว่า บุคคลนั้น จะอยู่ในโลกนี้ ไม่นาน แล้วก็จะจากไป โดยสิ้นเชิง จะไม่มีบุคคลนั้นอีกเลย ควรจะโกรธ บุคคลนั้น เมื่อสิ้นชีวิตแล้ว หรือไม่ ถ้าไม่ควร แม้ในขณะนี้เอง “ก็เป็นเพียงชั่วขณะ” ที่นามธรรมและรูปธรรม เกิดดับ เท่านั้น ไม่นานเลย

เพราะฉะนั้น ถ้าใครเป็นคนที่ มักจะขุ่นเคืองใจ ไม่พอใจบุคคลอื่นง่ายๆ หรือว่า ไม่ลืม ความโกรธ ความขุ่นเคืองนั้น ก็ควรที่จะ ระลึกรู้ ความจริง ว่า พบกัน เพียงชาตินี้ ชาติเดียว จริงๆ แล้วก็จะไม่พบกันอีกเลย เพราะฉะนั้น ก็ควรจะ ดีต่อกัน มีเมตตากัน หรือว่า ควรจะโกรธกัน เพราะเหตุว่า การเห็นกันครั้งหนึ่งๆ ไม่มีใครสามารถจะ รู้ได้ ว่า เป็นการเห็นกันครั้งสุดท้าย หรือไม่ เพราะ ถ้าไม่คิดว่า เป็นการเห็นกันครั้งสุดท้าย ก็อาจจะไม่ทำดีกับบุคคลนั้น แต่ถ้ารู้ว่า นี่เป็นโอกาสสุดท้าย ที่จะได้เห็นกัน ก็อาจจะทำให้ จิตใจอ่อนโยน แล้วก็มีความเมตตากรุณาต่อกันได้


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
orawan.c
วันที่ 4 ก.ย. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 4 ก.ย. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
pulit
วันที่ 5 ก.ย. 2557

ขอบพระคุณและอนุโมทนาในกุศลจิตค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
peem
วันที่ 5 ก.ย. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
danai2523
วันที่ 5 ก.ย. 2557

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 6 ก.ย. 2557

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
chatchai.k
วันที่ 13 ต.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ