ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๖๐

 
khampan.a
วันที่  14 ก.ย. 2557
หมายเลข  25529
อ่าน  1,990

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาต แบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจสั้นๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย เพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ถึงแม้ว่าจะเป็นข้อความที่สั้น แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์อยู่ในตัว ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๖๐

การที่จะเข้าใจธรรมว่าเป็นธรรม ไม่ง่าย เพราะว่าเคยไม่รู้มานาน แม้แต่ เวลาที่ได้ยินได้ฟังคำว่า “ธรรม” คำเดียว ก็ไม่สามารถที่จะรู้ว่า อะไรเป็นธรรม ขณะนี้เป็นธรรมหรือเปล่า และธรรมขณะนี้เป็นธรรมอะไร ก็ไม่รู้ทั้งนั้นเลย เป็นเราบ้าง เป็นของเราบ้าง เป็นเรื่องราวต่างๆ บ้าง

ต้องเป็นผู้มีความอดทน ขันติบารมี ในการที่จะฟังจนกว่าจะเข้าใจถูกต้อง ในลักษณะที่เป็นจริงของสภาพที่กำลังปรากฏ ไม่หลงเข้าใจผิด มีสภาพธรรมที่เป็นปัจจัยปรุงแต่งให้เกิดขึ้น เป็นธรรมทั้งหมดตั้งแต่เกิดจนตาย ฟังเพื่อเข้าใจความเป็นธรรม ความเป็นอนัตตา จะได้ค่อยๆ คลายการที่เคย ไม่เข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏ

ขณะนี้มีสิ่งที่ปรากฏ ถ้าเริ่มเข้าใจถูกในสิ่งที่กำลังปรากฏให้เห็น ไม่ไปนึก ถึงอย่างอื่นเลย ขณะนี้มีสิ่งที่กำลังปรากฏให้เห็น แล้วก็เริ่มเข้าใจถูกต้อง ในลักษณะของสิ่งที่เพียงปรากฏ

กำลังฟังไม่มีเราเลย เจตสิกทั้งหมดที่เกิดพร้อมจิตกำลังทำ หน้าที่เกิดดับอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งสามารถเข้าใจลักษณะของสิ่งที่ กำลังปรากฏทีละเล็กทีละน้อย

เริ่มต้นที่ถูกต้อง ไม่ใช่เริ่มชื่อ แต่ว่ามีธรรมหรือเปล่า ขณะนี้มีอะไรบ้าง และรู้ขณะที่สิ่งใดสิ่งหนึ่งปรากฏ สิ่งนั้นเป็นสิ่งที่มีจริง ใช้คำว่า “ธรรม” คือให้เข้าใจ ความจริงก่อน แล้วก็เรียกชื่อต่างๆ ตรงกับภาษาบาลีเท่านั้นเอง แต่ไม่ได้เปลี่ยน สภาพธรรมนั้นเลย

ศึกษาธรรม เพื่อเข้าใจธรรมว่า ธรรมมีจริงๆ เพื่อที่จะรู้ว่า ไม่มีเรา ไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคลใดๆ เลย ทั้งหมดเป็นธรรมซึ่งเกิดดับ จนกว่าเราจะมีความเข้าใจ เพิ่มขึ้น

ต้องตรง เมื่อได้ฟังธรรมแล้วก็ต้องเป็นผู้ที่ตรงจริงๆ ไม่ใช่ทำเพราะอยาก เพราะว่าดูก็น่าจะดี ถ้าจะบวช แต่ว่าดีจริงๆ ด้วยอัธยาศัยที่เห็นประโยชน์ ที่เป็นผู้ตรง ที่เคารพต่อพระศาสดาที่จะประพฤติปฏิบัติไม่ผิดตาม พระวินัยหรือเปล่า?

ทุกคนอยู่ในกรงของกิเลสนานแสนนานมาแล้ว จะออกจากกรง ทำอย่างไร? ออกด้วยความอยาก ไม่มีทางสำเร็จเลยเพราะไม่ใช่ปัญญา กรงนี้คงจะทึบ มากด้วยอวิชชาซึ่งมืดสนิทเหมือนคนตาบอดแต่กำเนิด แล้วยังฉาบทาไว้ด้วย โลภะหนาแน่น แล้วที่จะให้พ้นไปจากกรง ถ้าไม่มีปัญญาจริงๆ พ้นไม่ได้ ไม่มีช่อง ไม่มีทางที่จะออกไปจากกรงนี้ได้เลย นอกจากปัญญาจะเกิดแล้วก็ค่อยๆ หาทาง หรือเห็นทางที่จะออกจากกรงนี้ได้

การที่มีโอกาสได้ฟังพระธรรมในอดีตนานเท่าไร ไม่มีใครสามารถที่จะรู้ได้ แต่ก็ยังมีศรัทธาที่ได้สะสมมาที่จะฟังต่อไป แล้วก็เห็นประโยชน์ว่า จะอยู่ในโลก โดยไม่รู้ความจริง หรือว่ารู้ความจริงที่เคยยึดถือว่าเป็นตัวตน เป็นสัตว์ บุคคล ต้องเป็นผู้ที่อดทนฟังแล้วเข้าใจ แต่ไม่ใช่ฟังแล้วหวังว่าจะละโลภะ

จากการรู้ว่าจะต้องตาย แต่ว่าเมื่อไรก็ไม่รู้ ก็ทำให้มีการรู้ประโยชน์ของ การที่จะมีชีวิตว่า ประโยชน์สูงสุดจริงๆ ของการที่เกิดมาในโลกนี้คืออะไร? [เข้าใจสิ่งที่มีจริง]

มีเงินทองทรัพย์สินมหาศาลก็ต้องตาย มีความรู้ความสามารถ ก็ต้องตาย มีมิตรสหาย มีผู้ช่วยเหลือเพื่อนฝูงมากมายก็ต้องตาย

ขณะใดที่กำลังเข้าใจธรรม เข้าใจความจริง นั่นเป็นประโยชน์ตน เอาไป ให้คนอื่นได้ไหม? ไม่ได้ แต่สามารถที่จะกล่าวถึงความจริงให้คนอื่น ได้รับประโยชน์ด้วย แต่ถ้าไม่มีประโยชน์ตน จะช่วยคนอื่นได้ไหม? ไม่มีทางเลย

เห็นโทษของอกุศล ตามกำลังของปัญญา ที่มีการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมก็เพราะเห็นโทษของความไม่รู้

พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ เป็นไปเพื่อการ ไม่ทำบาปทั้งสิ้น เพื่อยังกุศลให้ถึงพร้อม เพื่อชำระจิตของตนให้ผ่องใส

บุคคลผู้ที่ประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัย ก็ต้องมีความอดทน ละเว้น การทำบาปทั้งสิ้น มีการอดทนที่จะยังกุศลให้ถึงพร้อม มีความอดทนที่จะยัง จิตของตนให้ผ่องใส

ขาดความอดทนไม่ได้เลย ถ้าขาดความอดทน ก็เป็นอกุศล แล้วก็สามารถที่จะกระทำบาปไปทันทีได้ เพราะขาด ความอดทน

พระพุทธศาสนา เป็นเรื่องของปัญญาตั้งแต่ต้นจนจบ โดยตลอดจนออกจากสังสารวัฏฏ์

แต่ละคนก็ดำรงอยู่เพียงชั่วขณะจิตหนึ่ง ชีวิตของใครจะมีเหตุการณ์ อะไรเกิดขึ้น สุขสบาย ทุกข์ยาก ลำบาก มากน้อยสักเท่าใด จะเห็นอะไร ได้ยินอะไร ทั้งหมดก็ให้ทราบว่า แท้ที่จริงแล้ว ก็เป็นเพียงชั่วขณะจิตหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นแล้วก็ดับไปเท่านั้นจริงๆ

การไม่เคารพในธรรม คือ ผู้ที่สามารถจะไปฟังธรรมได้ แต่ไม่ไปสู่ ที่ฟังธรรม มีจิตฟุ้งซ่าน

ถ้าไม่ศึกษาพระธรรมของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ทุกคน คาดคะเนธรรมตามความคิด ความเชื่อ ความเข้าใจของตนเอง ซึ่งมี หนทางที่จะผิดได้มาก เพราะอวิชชา เพราะความไม่รู้ แต่ว่าถ้าศึกษา ด้วยความละเอียด ก็จะทำให้เข้าใจธรรมแจ่มแจ้งขึ้น

การเป็นเพื่อน การให้อภัย เป็นประโยชน์แก่เขาด้วย เราไม่ได้ เบียดเบียนเขา แล้วยังช่วยเหลือเขาด้วย ให้ความสุขความสบายแก่เขาด้วย ให้ความเป็นมิตรให้ความอุ่นใจ.

อกุศลเท่านั้นที่นำความทุกข์ความเดือดร้อนมาให้ กุศล ไม่ได้นำความทุกข์ความเดือดร้อนมาให้เลยแม้แต่น้อย ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม ก็ไม่รู้ต่อไป ไม่ว่าพระพุทธเจ้าจะผ่านไป กี่พระองค์ก็ตาม.

ขอเชิญผู้ศึกษาพระธรรมร่วมกัน (สหายธรรม) ร่วมแบ่งปันธรรมด้วยครับ

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๕๙

... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
phawinee
วันที่ 14 ก.ย. 2557

"การที่จะรู้ธรรมที่พระผู้มีพระภาคฯ ทรงแสดง ไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ใช่เรื่องเทียม แต่ต้อง เป็นไปตามเหตุปัจจัย ... ตั้งแต่ขั้นฟัง ตามลำดับ"

กราบอนุโมทนาในกุศลของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 14 ก.ย. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ชออุญาตปันธรรมด้วยครับ

@ การฟังพระธรรมก็เพื่อเข้าใจสิ่งที่มีจริงๆ ที่กำลังปรากฏ ดังนั้นขณะที่ตั้งใจฟังสิ่งที่ กำลังฟังด้วยดีแล้วเข้าใจ ขณะนั้นตั้งจิตไว้ชอบ ฟังอะไรก็เข้าใจในสิ่งที่ฟัง การฟัง พระธรรมไม่มีเราที่จะไปทำ หรือไปตั้งจิตไว้ชอบได้เพราะนั่นเป็นความต้องการ เป็น ความหวัง เป็นกิเลส เป็นอกุศลจิต การตั้งจิตไว้ชอบเป็นไปในกุศลเท่านั้นและเพื่อ ขัดเกลากิเลส

@ ลืมทุกที ลืมว่าขณะนี้สิ่งที่มีขณะนี้เป็นธรรมะ เห็นขณะนี้เป็นธรรมะ สิ่งที่ปรากฏให้ เห็นเป็นธรรมะ ไม่มีใครทำเห็น ทำได้ยิน ให้เกิดขึ้นได้เพราะสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏ เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยได้ยินขณะนี้เป็นธรรมะ ลืมอีกแล้ว

@ ขณะนี้ธรรมะกำลังปรากฏ ให้พิสูจน์ ไม่ต้องไปแสวงหาธรรมะที่อื่นเลย ในชีวิต ประจำวันมีธรรมะเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาทั้งทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย และทางใจ เช่น เสียงเป็นธรรมะอย่างหนึ่ง เป็นธาตุที่มีจริง เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป เสียง มีจริงๆ จิตได้ยินเป็นธาตุรู้เป็นนามธรรม เป็นธาตุที่มีจริงๆ เกิดขึ้นทำกิจเพียงได้ยิน เสียงเท่านั้น ค่อยๆ เข้าใจในลักษณะสภาพธรรมแต่ละอย่างจริงๆ ที่เกิดขึ้นไม่ใช่คิด.. เห็นแล้วก็คิด ได้ยินแล้วก็คิด ... หรือเห็นแล้วเข้าใจ ได้ยินแล้วเข้าใจ หรือเห็นแล้วไม่ เข้าใจ ได้ยินแล้วไม่เข้าใจ แล้วแต่แต่ละท่านที่สะสมความเข้าใจมา ความเข้าใจ เป็นปัญญา ค่อยๆ เข้าใจทีละนิดๆ ปัญญาก็จะค่อยๆ เจริญขึ้น ค่อยๆ ละความ ไม่รู้ มีธรรมะปรากฏอยู่ตลอดเวลา รอให้สติระลึกรู้ ไม่ใช่เราไประลึก

@ พระธรรมคำสอนที่จะให้พ้นไปจากการถูกหลอกถูกลวง ให้หายจากโรคร้าย ให้ตื่น จากการหลับ ให้พ้นไปจากการถูกจองจำ ก็ต้องไม่ใช่เพียงการฟังอย่างเดียว แต่ต้อง น้อมประพฤติปฏิบัติด้วย น้อมไปคือ ศึกษา เข้าใจ ซึ่งเป็นสังสารขันธ์ ไม่ใช่ตัวตน ไม่ ใช่ขั้นคิด แต่เป็นขั้นอบรมความรู้ ความเข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง ซึ่งเป็น ปัญญา กุศลที่ประเสริฐที่สุดคือ ปัญญา

@ ฟังธรรมะให้เข้าใจว่าเป็นธรรมะ ก่อนอื่นต้องรู้ว่าสิ่งที่กำลังปรากฏเป็นธรรมะ เพราะฉะนั้น ค่อยๆ ฟังค่อยๆ เข้าใจเพื่อละความไม่รู้ที่มีอยู่มากมาย ฟังจนกว่าจะรู้ จริงๆ ว่าเป็นธรรมะ ขณะที่ฟังแล้วเข้าใจขณะนั้นมีศรัทธาเป็นเพื่อนสอง ถ้าไม่มี ศรัทธาที่จะฟังธรรม สติ และปัญญาก็เกิดไม่ได้ การอบรมเจริญกุศลทุกประการไม่ ว่าทาน ศีล ภาวนา ก็ต้องมีศรัทธา และการได้เกิดเป็นมนุษย์ในขณะนี้ก็มีศรัทธา เป็นเพื่อนมาด้วย เพราะฉะนั้น จึงกล่าวได้ว่าศรัทธาเป็นเพื่อนสองของคน

@ การฟังและพิจารณาสิ่งที่มีจริงที่ปรากฏในชีวิตประจำวันให้เข้าใจถึงตัวธรรมะ บ่อยๆ จึงเป็นเหตุปัจจัยที่สำคัญ ให้สังขารขันธ์ปรุงแต่งให้สติปัฏฐานเกิดรู้ตรง ลักษณะนามธรรม หรือรูปธรรมตามความเป็นจริง ต้องมั่นคงในความเป็นอนัตตา ของสภาพธรรม ไม่มีตัวตนที่ไปจัดการให้สภาพธรรมใดเกิดได้ แม้สติก็เป็นธรรม อย่างหนึ่งเป็นอนัตตา เกิดขึ้นตามเหตุปัจจัย ไม่ใช่มีแต่ความอยากให้สติเกิดหรือ มีตัวเราที่จะไประลึกโดยไม่ได้

@ ไม่มีอุบายหรือเคล็ดลับใดๆ ที่จะเป็นเหตุให้สติปัฏฐานเกิดได้เลย มีแต่เพียง ความเข้าใจความจริงของสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏ ไม่ว่าทางตา ทางหูและทางใจ การฟังพระธรรม และพิจารณาธรรมบ่อยๆ เท่านั้น ที่จะทำให้ความเข้าใจเพิ่มขึ้นที ละน้อยๆ จนเป็นปัจจัยให้สติมีกำลังที่จะระลึกรู้ตรงลักษณะสภาพธรรม ไม่มีตัวตน ไม่มีเราที่ไประลึก ต้องมั่นคงความเป็นอนัตตาของสภาพธรรม แม้สติก็เป็นธรรม อย่างหนึ่งเป็นอนัตตา หนทางปฏิบัติที่จะให้ละกิเลสได้ มีทางเดียว คือการเจริญ สติปัฏฐาน ไม่ใช่การทำ แต่เป็นการอบรมเจริญเนืองๆ บ่อยๆ เพื่อให้มีมากเพื่อให้ เป็นกำลังอบรมเหตุ

@ ประโยชน์สูงสุดของการได้เกิดมาเป็นมนุษย์ก็คือ การได้เข้าใจพระธรรม การศึกษา พระธรรมต้องมีความเข้าใจเป็นลำดับขั้น ขั้นการฟังเพื่อให้เข้าใจในสิ่งที่มีอยู่จริงต้อง มีความเห็นถูกในสภาพธรรมที่กำลังปรากฏขณะนี้ ไม่ใช่ไปรู้เรื่องราวของธรรมหรือจำ ชื่อได้มากมาย เมื่อมีความเห็นถูกต้องในลักษณะสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง ค่อยๆ อบรมเจริญความเห็นถูกในสภาพธรรมจนกว่าจะประจักษ์แจ้ง เพราะฉะนั้น ความเห็นถูกเป็นเบื้องต้น เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้สามารถประพฤติปฏิบัติ ต่อไปจนรู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้ ความเห็นถูกต้องในสภาพธรรมก็คือสัมมาทิฏฐิ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 14 ก.ย. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของ อ.คำปั่น อักษรวิลัย และ อ.เผดิม ยี่สมบุญ เป็นอย่างยิ่ง ครับ

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
napachant
วันที่ 14 ก.ย. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
namarupa
วันที่ 14 ก.ย. 2557

อนุโมทนาในกุศลจิตของทั้งอ.คำปั่นและคุณเผดิมค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
kullawat
วันที่ 14 ก.ย. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Jans
วันที่ 14 ก.ย. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
thilda
วันที่ 14 ก.ย. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
เมตตา
วันที่ 14 ก.ย. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
j.jim
วันที่ 15 ก.ย. 2557

ขออนุโมทนา

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
Noparat
วันที่ 15 ก.ย. 2557

อกุศลเท่านั้นที่นำความทุกข์ความเดือดร้อนมาให้ กุศล ไม่ได้นำความทุกข์ความเดือดร้อนมาให้เลยแม้แต่น้อย

... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ ...

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
jaturong
วันที่ 15 ก.ย. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
orawan.c
วันที่ 15 ก.ย. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของ อ.คำปั่น อักษรวิลัย และ อ.เผดิม ยี่สมบุญ เป็นอย่างยิ่ง ค่ะ

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
pulit
วันที่ 16 ก.ย. 2557

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
chamaikorn
วันที่ 16 ก.ย. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
ใหญ่ราชบุรี
วันที่ 16 ก.ย. 2557

ขอบพระคุณ สาธุ อนุโมทนา ค่ะ

ด้วยความเคารพยิ่ง จาก ใหญ่ราชบุรี – ธิดารัตน์ เดื่อมขันมณี

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
ch.
วันที่ 20 ก.ย. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
สิริพรรณ
วันที่ 24 พ.ย. 2557

กราบนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นด้วยเศียรเกล้า

กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของ อ.คำปั่น อักษรวิลัย และ อ.เผดิม ยี่สมบุญ

พระธรรมเท่านี้น ที่สามารถ ขัดเกลากิเลส ด้วยการเข้าใจ และประจักษ์ความจริง จนละคลายความติดข้องและความไม่รู้ ทีละเล็กทีละน้อย ก็เบิกบานยิ่ง จึงควรศึกษาพระธรรมให้ถึงที่สุดในชีวิตที่เหลืออยู่

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ