ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๖๖

 
khampan.a
วันที่  26 ต.ค. 2557
หมายเลข  25686
อ่าน  1,809

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรม จากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจสั้นๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย เพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ถึงแม้ว่าจะเป็นข้อความที่สั้น แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์อยู่ในตัว ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๖๖

- กุศลเป็นเหตุ กุศลวิบากเป็นผล เป็นจิตคนละดวง กุศลจิตเกิดแล้วดับไป เป็นปัจจัยที่จะให้กุศลวิบากจิตเกิดภายหลัง อกุศลจิตเกิดแล้วดับไป เป็นปัจจัยให้อกุศลวิบากจิตเกิดภายหลัง เพราะฉะนั้น กุศลจึงไม่ใช่กุศลวิบาก อกุศลจึงไม่ใช่อกุศลวิบาก

- ความสำคัญอยู่ที่ว่ารู้จักตัวเองตามความเป็นจริง ธรรมเป็นเรื่องจริง แล้วก็เป็นเรื่องตรง เมื่อไม่รู้คือไม่รู้ เมื่อไม่เข้าใจคือยังไม่เข้าใจ เมื่อฟังแล้วเริ่มเข้าใจ คือเริ่มเข้าใจขึ้น ไม่ต้องไปคิดถึงว่าอยากมีสติมากๆ หรือว่าอยากจะเป็นอย่างท่านผู้นั้น เพราะว่าเป็นไปไม่ได้ เมื่อเป็นไปไม่ได้ก็คือตัวจริง ความจริงเป็นอย่างไร ก็เข้าใจสภาพธรรม ที่มีจริงๆ อย่างนั้น แล้วก็ค่อยๆ อบรมความรู้ความเข้าใจตรงตามความเป็นจริงของตนเองขึ้น ไม่มีการเปรียบเทียบว่า คนโน้นทำไมเข้าใจเยอะแยะ ไม่มีตัวทั้งเราทั้งเขา มีแต่ธรรม เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ ความเข้าใจของเราน้อยนิดสักแค่ไหน เมื่อเทียบกับเมื่อฟังสิ่งซึ่งพระผู้มีพระภาคทรงแสดงว่า ทุกอย่างเป็นธรรม

- ประโยชน์ของการที่จะรู้เรื่องจิตประเภทต่างๆ ก็เพื่อที่จะให้สามารถรู้ความจริง ว่า ขณะนี้ไม่ใช่ตัวตน เพราะว่าชื่อว่า จิตเป็นสภาพรู้ หรือเป็นธาตุรู้

- ประเสริฐจริงๆ ต้องเป็นผู้ที่ละคลายอกุศล แล้วก็มีความเจริญทางด้าน จิตใจ จนถึงระดับที่เป็นพระอริยบุคคล คือผู้เจริญในธรรมจริงๆ

- เป็นสิ่งที่มีประโยชน์มาก ถ้าท่านผู้ศึกษาพระธรรมไม่รีบร้อน แล้วก็รู้ว่ากิเลส มีเยอะ แล้วก็จะต้องอาศัยศรัทธา การที่จะต้องฟังธรรมต่อไป แล้วก็เป็นผู้ที่จะขัดเกลา คือเริ่มมีความเห็นถูก แล้วก็ตั้งตนไว้ถูกในจุดประสงค์ของการฟังว่า เพื่อขัดเกลากิเลส ก็จะมีความใกล้ชิดต่อพระศาสนา เป็นอุบาสก อุบาสิกาที่แท้จริง

- บุญ คือ สภาพของจิตที่เป็นกุศล เป็นสภาพจิตที่ดีงาม ขณะนั้นไม่มี ความเห็นแก่ตัว ไม่มีโลภะ ไม่มีโทสะ ไม่มีโมหะ

- ผู้ที่จะเห็นพระคุณของพระธรรมได้ ต้องเป็นผู้ที่เริ่มศึกษาพระธรรม

- สภาพธรรมที่เกิดขึ้นนั้น เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยทั้งสิ้น เมื่อเป็นสภาพธรรม แต่ละชนิด ซึ่งเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยแล้ว จึงไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน แล้วจะเห็น ตามความเป็นจริงว่า พระธรรมที่ทรงแสดงไว้ทั้งหมด เกื้อกูลต่อการที่จะละการยึดถือ สภาพธรรมว่าเป็นตัวตน และข้อความที่ทรงแสดงไว้ทั้งหมดสามารถที่จะพิสูจน์ได้

- ไม่ประมาทในการฟังพระธรรม

- อัตถบัญญัติ คือ การรู้ความหมายของสิ่งที่ปรากฏ เช่น ทางตากำลังเห็น ไม่มี เสียง แต่ก็รู้ว่า สิ่งที่ปรากฏนั้นเป็นอะไร แต่ในขณะที่ได้ยินเสียง แล้วก็รู้ความหมาย ของเสียงขณะนั้นเป็น สัททบัญญัติ

- จะจากโลกนี้ไปวันไหน ไม่มีใครทราบได้ ในเมื่อเกิดมาแล้วก็ต้องจากโลกนี้ไป ในระหว่างที่ยังไม่จากโลกนี้ไป ประโยชน์ จริงๆ คือ อะไร?

- เกิดมาด้วยความไม่รู้ และก็จากไปด้วยความไม่รู้ ถ้าไม่ได้มีการอบรมเจริญปัญญา ถ้าเราไม่มีโอกาสได้ฟังพระธรรมเลยตลอดชีวิต ชาติหน้าต่อไปเราก็ไม่สามารถที่จะเข้าใจความจริงของสิ่งที่มีจริงตั้งแต่เกิดจนตายได้

- ไม่มีใครทำอะไรได้ แต่ธรรม เกิด และทำกิจของธรรมแต่ละขณะ จิต เกิดขึ้น ทำกิจของจิต เจตสิกเกิดขึ้นทำกิจของเจตสิก

- ในขณะที่ฟังพระธรรม ไม่มีใคร แต่มีจิตและเจตสิก ที่กำลังได้ยิน ได้ฟังพระธรรม และเจตสิกที่เป็นสังขารขันธ์ ก็ปรุงแต่งเมื่อมีความเข้าใจเพิ่มขึ้น สำหรับขณะต่อไป สำหรับวันต่อไป และสำหรับชาติต่อไป

- ฟังพระธรรมเพื่อเข้าใจ แล้วจะรู้ว่า ธรรม เป็นสิ่งที่มีจริง เดี๋ยวนี้

อกุศลที่มีมาก จะว่าเป็นอกุศลที่ควรละได้ไหม ในเมื่อกำลังของปัญญายังไม่เพียงพอ

- ขณะนี้เป็นแต่เพียงธรรมที่เกิดชั่วขณะ

- ธรรม แม้คำเดียว ก็ประมาทไม่ได้

- ความไม่รู้ มีมากเท่าไหร่ แล้วยังจะติดตามต่อไปถึงวันต่อๆ ไปอีกด้วย

- ทุกข์ เพราะไม่รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง

- สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกจากคำที่ได้ยินได้ฟัง

- กิเลสน้อยลง เมื่อมีความเข้าใจถูกเห็นถูกยิ่งขึ้น

- กิเลส นี้เอง เป็นมาร ที่ขัดขวางความดี

- ชาติหน้า อาจจะเป็นเย็นนี้ หรือ พรุ่งนี้ก็ได้

- มีความมั่นคงที่จะฟังพระธรรมยิ่งขึ้นไหม เพราะไม่รู้ว่าโอกาสที่จะได้ฟังพระธรรมในชาตินี้จะสิ้นสุดลงเมื่อใด

- ถ้าเห็นประโยชน์ จะไม่ขาดการฟ้งพระธรรม ก่อนฟัง ไม่เคยเข้าใจธรรมเลย

- เข้าใจผิดเมื่อไหร่ หันหลังให้กับพระสัทธรรมเมื่อนั้น

- แต่ละขณะที่ได้ฟังพระธรรม มีค่าที่สุด

- วันนี้จะทำอะไร? ฟังพระธรรม.

ขอเชิญผู้ศึกษาพระธรรมร่วมกัน (สหายธรรม) ร่วมแบ่งปันธรรมด้วยครับ

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม... ครั้งที่ ๑๖๕

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
nattawan
วันที่ 26 ต.ค. 2557

ขอบคุณและอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 26 ต.ค. 2557

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
thilda
วันที่ 26 ต.ค. 2557

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาอาจารย์คำปั่น อักษรวิลัยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
pulit
วันที่ 27 ต.ค. 2557

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของ อ.คำปั่น อักษรวิลัย เป็นอย่างยิ่ง และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
siraya
วันที่ 27 ต.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
j.jim
วันที่ 27 ต.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
เมตตา
วันที่ 27 ต.ค. 2557

- ความไม่รู้ มีมากเท่าไหร่ แล้วยังจะติดตามต่อไปถึงวันต่อๆ ไปอีกด้วย

- ทุกข์ เพราะไม่รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง...

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของ อ.คำปั่น และทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
napachant
วันที่ 27 ต.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 27 ต.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ทุกข์ในสังสารวัฏฏ์ ไม่ทุกข์อย่างนี้ ก็ทุกข์อย่างนั้น เพราะเหตุว่า "ไม่รู้"


กราบท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

ขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของ อ. คำปั่น อักษรวิลัย

และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
jaturong
วันที่ 27 ต.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
peem
วันที่ 27 ต.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 27 ต.ค. 2557

ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
ใหญ่ราชบุรี
วันที่ 27 ต.ค. 2557

ขอบพระคุณ และ อนุโมทนา ในกุศลทุกประการของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
rosemary
วันที่ 27 ต.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
ปวีร์
วันที่ 28 ต.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
orawan.c
วันที่ 28 ต.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
Jans
วันที่ 28 ต.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
Jans
วันที่ 28 ต.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
paew_int
วันที่ 31 ต.ค. 2557

อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 20  
 
มังกรทอง
วันที่ 8 มี.ค. 2565

กุศลเป็นเหตุ กุศลวิบากเป็นผล เป็นจิตคนละดวง กุศลจิตเกิดแล้วดับไป เป็นปัจจัยที่จะให้กุศลวิบากจิตเกิดภายหลัง อกุศลจิตเกิดแล้วดับไป เป็นปัจจัยให้อกุศลวิบากจิตเกิดภายหลัง เพราะฉะนั้นกุศลจึงไม่ใช่กุศลวิบาก อกุศลจึงไม่ใช่อกุศลวิบากความสำคัญอยู่ที่ว่ารู้จักตัวเองตามความเป็นจริง ธรรมเป็นเรื่องจริงแล้วก็เป็นเรื่องตรง

น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ

 
  ความคิดเห็นที่ 21  
 
chatchai.k
วันที่ 8 มี.ค. 2565

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 22  
 
มังกรทอง
วันที่ 8 มี.ค. 2565

ประโยชน์ของการที่จะรู้เรื่องจิตประเภทต่างๆ ก็เพื่อที่จะให้สามารถรู้ความจริง ว่า ขณะนี้ไม่ใช่ตัวตน เพราะว่าชื่อว่า จิตเป็นสภาพรู้ หรือเป็นธาตุรู้

น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ