ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๗๓

 
khampan.a
วันที่  14 ธ.ค. 2557
หมายเลข  25897
อ่าน  1,889

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรม จากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจสั้นๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย เพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ถึงแม้ว่าจะเป็นข้อความที่สั้น แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์อยู่ในตัว ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๗๓

สัจจะ หมายความถึง กุศลจิตซึ่งตรงต่อการอบรมเจริญกุศล เพื่อเป็นบารมี ยิ่งขึ้น ไม่คลาดเคลื่อนจากความคิดที่เป็นไปในกุศลว่า จะละเว้นการเบียดเบียนผู้ อื่นด้วยวาจาที่ไม่น่าฟัง เพราะรู้ว่าทำให้คนอื่นเสียใจ แต่ว่าบางครั้งเวลาโกรธ ก็ลืม สัจจะนั้นเสียแล้ว หรือว่าไม่ตรงต่อการยับยั้งที่จะไม่พูดวาจาที่ไม่น่าฟังนั้น แต่ละคนที่กล่าวคำไม่จริง คนอื่นยังไม่รู้เลยว่า คำนั้นจริงหรือเปล่า แต่ว่า คนกล่าวนั้นรู้ก่อนว่า คำที่จะกล่าวนั้นจริงหรือไม่จริง

เรื่องของความโลภ ความติดในทรัพย์สมบัติ ในกามวัตถุ ในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในโผฏฐัพพะ ในลาภ ไม่มีวันพอ

โกรธกับไม่โกรธ อย่างไหนดี เห็นโทษหรือยังว่า โกรธไม่ดีแน่ ไม่โกรธดีกว่า ถ้าเห็นประโยชน์จริงๆ ด้วยปัญญา ผู้นั้นก็จะค่อยๆ ละคลายความโกรธ และเห็น ประโยชน์ของความสงบ มั่นคงในความสงบ

ชาตินี้ทุกคนมีปัญญาคนละนิดคนละหน่อย แล้วจะเพิ่มขึ้นๆ ต่อไปอีกชาติหนึ่งๆ ก็จะมีปัญญาเพิ่มขึ้นอีกๆ เพราะฉะนั้นก็เป็นเรื่องของปัญญาซึ่งเจริญขึ้น ไม่ใช่ว่า ปัญญาซึ่งสามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรม จะเกิดมีได้ฉับพลันโดยไม่ได้สะสมปัญญา และไม่มีการเจริญปัญญาในอดีต

ท่านผู้ฟังในขณะนี้กำลังหลีกเร้นด้วยการฟังพระธรรม เพราะเหตุว่าไม่ได้ คล้อยตามไปกับรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ เหมือนในขณะอื่นซึ่งไม่ได้ฟังพระธรร

เรื่องของสัจจธรรม เป็นความจริงที่น่ารู้ น่าเข้าใจให้ถูกต้อง เพราะเหตุว่า ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน เพราะฉะนั้นสภาพธรรมที่เป็นปรมัตถธรรม เป็นสัจจธรรมนั้น แม้ว่าจะเป็นอกุศลหรือเป็นกุศล ก็เป็นสิ่งที่ปัญญาจะต้อง ระลึกรู้พิจารณาประจักษ์แจ้งว่า ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน

แน่นอนที่สุดที่ทุกคนจะต้องยอมรับว่า ถ้าไม่มีความติดข้องในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในโผฏฐัพพะแล้ว จะสงบจริงๆ เป็นความสุขที่เกิดจากวิเวกสงัด จากความติดข้องในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ แต่ทำอย่างไรจึงจะพลิกใจ จากความติดข้องไปสู่การละความติดข้องได้ ซึ่งก็จะต้องอาศัยหลายทางที่จะสะ สมกุศลเป็นบารมี จนกว่าสามารถละได้จริงๆ

ถ้าไม่เป็นกุศล ต้องเป็นอกุศล เพราะว่าอกุศลมีหลายอย่าง อกุศลที่ทุก คนไม่ชอบ คือ โทสะ ความหยาบกระด้างของจิตใจ เวลาเกิดโทสะแล้ว ความนุ่ม นวล ความอ่อนโยน หรือความเป็นมิตร จะไม่มีเลย ในขณะที่โทสะเกิด ไม่ว่าจะกับ มารดาหรือบิดา หรือกับผู้ที่เคยเคารพนับถืออย่างไรก็ตาม พอโทสะเกิดลักษณะ ความหยาบกระด้างของจิตจะเกิดขุ่นเคืองแสดงออกมา

เวลาที่ร้อนมาก ก็เกิดหงุดหงิด ไม่สบาย ขณะนั้นไม่ชื่อว่าขันติ เพราะเหตุว่า อกุศลจิตเกิด แต่ถ้าสามารถที่จะมีกุศลจิตเกิดขณะใด ก็ชื่อว่า มีความอดทนต่อ อารมณ์ที่ไม่น่าพอใจทั้งหลาย แต่ไม่เพียงเท่านั้น จะต้องอดทนต่ออารมณ์ที่น่าพอ ใจทั้งหลายด้วย เพราะฉะนั้น เวลาที่เห็นอารมณ์ที่น่าพอใจ แล้วหวั่นไหวไปแล้ว ขณะนั้นก็เป็นอกุศล เพราะฉะนั้น ไม่ชื่อว่า ขันติ เพราะอดทนต่ออารมณ์ที่น่าพอใจ ไม่ได้

ในขณะที่กุศลจิตเกิด ต้องไม่มีโลภะ ไม่มีโทสะ แต่มีอโลภะ อโทสเจตสิก เจตสิกที่เป็นโสภณธรรมจะต้องเกิดกับกุศลจิตอย่างน้อยที่สุด ๑๙ ดวง ๑๙ ประเภท เช่น สติก็ต้องเกิด หิริต้องเกิด โอตตัปปะต้องเกิด อโลภะต้องเกิด อโทสะต้องเกิด ไม่มีใครสามารถที่จะยับยั้งการเกิดขึ้นได้เลย ไม่อยากจะเกิด ไม่มีทาง ใครจะ บอกว่าไม่อยากจะเห็นอีก ไม่อยากจะได้ยินอีก ไม่อยากจะเกิดอีก เป็นสิ่งที่เป็นไป ไม่ได้เลย เพราะเหตุว่ามีปัจจัยที่จะเกิดก็ต้องเกิดแล้วปัจจัยนั้นก็คืออวิชชา ความไม่รู้ลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏทางตาทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ

วันหนึ่งๆ อยู่ไปอย่างไรก่อนที่จะตายจากโลกนี้ คือ ทุกคนเกิดมาแล้วตายไม่ได้ ถ้ายังไม่ถึงเวลาที่จะตาย ใครจะทำให้ตายก็ตายไม่ได้ เพราะเหตุว่าจุติจิตเป็นผล ของกรรม จุติจิตเป็นวิบากจิต เพราะฉะนั้นคนที่เกิดมาแล้วก็ต้องอยู่ไป แต่ว่าการ อยู่ไปแต่ละวันๆ จะอยู่ไปอย่างไรก่อนที่จะตายจากโลกนี้

รู้คุณค่าของปัญญา รู้ว่าปัญญาประเสริฐสุด ทรัพย์สมบัติทั้งหลายก็ไม่ ประเสริฐเท่าปัญญา

ชีวิตของเราจะดำเนินไปอย่างไร เราก็ไม่ทิ้งการสะสมอบรมเจริญปัญญา ความจริง มี จะรู้หรือไม่รู้ ก็ตามการสะสมของแต่ละบุคคล

ถ้าไม่มีการฟังพระธรรม จะไม่มีความเข้าใจสิ่งที่มีจริงในขณะนี้ได้เลย

พึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยการฟังคำของพระองค์ให้เข้าใจ กราบนมัสการบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสูงสุด เมื่อได้ฟังความจริง ไม่ว่า จะอยู่ ณ ที่ใดก็ตาม

ไม่มีทางที่จะละอกุศลได้ด้วยความไม่รู้

ไม่มีเรา แต่มีธรรม มีแต่ธรรม ไม่มีเรา (ความหมายอย่างเดียวกัน)

อาศัยพระธรรม จึงจะมีที่พึ่ง

ทวนกระแส (ของกิเลส) เพราะปัญญาเข้าใจความจริง

เห็น เกิดเพราะอาศัยที่เกิดคือจักขุปสาทะ (ตา) มีสีเป็นอารมณ์ มีเจตสิก เกิดร่วมด้วย และมีกรรม เป็นปัจจัยทำให้จิตเห็นเกิดขึ้น พอที่จะเห็นถึงความเป็น อนัตตาของสภาพธรรม ได้ไหมว่า เป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจ บังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น

ความเข้าใจ ที่ไม่เคยมี ก็ค่อยๆ เกิดขึ้น เมื่อเริ่มฟังพระธรรม

ขอเชิญผู้ศึกษาพระธรรมร่วมกัน (สหายธรรม) ร่วมแบ่งปันธรรมด้วยครับ

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๗๒

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
swanjariya
วันที่ 14 ธ.ค. 2557

กราบอนุโมทนาขอบพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ด้วยความเคารพยิ่ง

กราบอนุโมทนาขอยพระคุณคณะวิทยากรและท่านผู้เกี่ยวข้องทุกท่าน

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
Boonyavee
วันที่ 14 ธ.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ขอกราบอนุโมทนาในกุศลวิริยะ ของอ. คำปั่น อักษรวิไล เป็นอย่างยิ่ง

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
paew_int
วันที่ 14 ธ.ค. 2557

อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
paderm
วันที่ 14 ธ.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
thilda
วันที่ 14 ธ.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 14 ธ.ค. 2557

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของ อ.คำปั่น อักษรวิลัย ด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
pulit
วันที่ 15 ธ.ค. 2557

กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของ อ.คำปั่น อักษรวิลัย เป็นอย่างยิ่ง

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
siraya
วันที่ 15 ธ.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
ใหญ่ราชบุรี
วันที่ 15 ธ.ค. 2557

สาธุ อนุโมทนา และ ขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
jaturong
วันที่ 15 ธ.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
ladawal
วันที่ 17 ธ.ค. 2557

ขอบพระคุณและอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
nong
วันที่ 18 ธ.ค. 2557

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
เมตตา
วันที่ 18 ธ.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
ch.
วันที่ 19 ธ.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
เจียมจิต
วันที่ 9 ธ.ค. 2563

อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
chatchai.k
วันที่ 11 ธ.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ