สนทนาธรรมที่ไซ่ง่อน [เพราะไม่รู้ จึงยึดถือความเห็นซึ่งผิด จึงเป็นเรา] ตอน ๓
คนเวียดนามส่วนมากไม่ว่าพระ แม่ชี ฆาราวาส ยังไม่มีความเข้าใจพระธรรมที่พระผู้มี พระภาคทรงแสดงอย่างถ่องแท้ โดยมีความเห็นผิดว่า การที่จะรู้ธรรมจะต้องศึกษาธรรม และควบคู่กับการนั่งสมาธิ จึงไปสู่สำนักปฏิบัติด้วยความไม่รู้ แม้แต่ชาวไทยเราก็ยังนั่ง สมาธิกันไม่น้อยกว่าชาวเวียดนามเลย มีเป็นส่วนน้อยนิดอย่างพวกเราที่เริ่มเข้าใจหนทาง ที่จะรู้ความจริง ทำให้ระลึกถึงพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์เสมอ ที่เพียรอดทนชี้หนทางให้
ศิษย์ได้เข้าใจความจริงสิ่งที่กำลังปรากฏขณะนี้ เป็นสิ่งที่ควรรู้ยิ่ง ต้องเริ่มด้วยความเข้าใจ ถูกเห็นถูกก่อน ซึ่งเป็นปัญญาเป็นสัมมาทิฏฐิเป็นมรรคองค์แรกในการอบรมเจริญอริยมรรค มีองค์๘ หรือสติปัฏฐานนั่นเอง การฟังธรรมให้เข้าใจเป็นอันดับแรก พิจารณาไตร่ตรองให้ เข้าใจตรงตามพระธรรม ไม่คิดเอง แต่งต่อเติมเอง เพราะอวิชชานั้นไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่ มีจริงได้ สิ่งที่มีจริงที่พระพุทธองค์ตรัสรู้ เป็นธรรมแต่ละอย่าง ที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย เป็นอนัตตาคือไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครได้ จึงไม่ใช่สัตว์บุคคล ตัวตน เพราะ ความไม่รู้ จึงยึดถือความเห็นซึ่งผิด ยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเรา เป็นตัวตน เป็นเราที่เห็น เราได้ยิน ... ทรงแสดงที่กายนี้ที่เป็นที่ยึดถือว่าเป็นกายของเรา แท้จริงแล้ว กายคืออะไร? ที่กาย เป็นเพียงสภาพธรรมแต่ละอย่าง รูปกลุ่มต่างๆ ที่เกิดเพราะกรรม จิต อุตุ อาหาร ที่ ประกอบขึ้นเป็นกาย ทำไมพูดถึงกาย เพราะกายนี้เป็นที่ตั้งของความยึดถือ ไม่ใช่พูดแต่ เรื่องราวของกาย แต่เข้าใจกาย
ตั้งแต่เช้าทุกคนยึดถือกายว่าเป็นเราหัวจรดเท้า ฟังเพื่อเข้าใจสิ่งที่เรายึดถือกายนี้ ขณะ นี้อะไรปรากฏ ที่กล่าวถึงกาย ขณะนี้กายปรากฏไหม? แล้วอะไรปรากฏจริงๆ มีแข็ง มีเย็น มีตึงไหว ฟังเพื่อเข้าใจจริงๆ ว่า ขณะนี้กายปรากฏไหม? เพื่อความเข้าใจของตนเองจริงๆ กาย เห็น ได้ไหม? ขณะเห็นมีแต่ความทรงจำว่ามีกายนี้ มีกายคนอื่น แท้จริงไม่มีใครเห็น กายได้เลย เห็นเพียงสิ่งที่ปรากฏทางตา ถ้าไม่เข้าใจความจริงนี้ ใครว่าจะเป็นพระอรหันต์ ได้ไหม สิ่งที่ปรากฏทางตาอยู่ที่ที่มีมหาภูตรูปอยู่ ดังนั้นเมื่อเห็นจึงเห็นว่าเป็นกายนี้ หาก ความเข้าใจไม่อบรมเจริญ ก็ไม่มีโอกาสเข้าใจว่า กายนี้คืออะไร? ค่อยๆ อบรมความเข้าใจ กายนี้ และสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏทั้งหมด เป็นเพียงธรรมแต่ละอย่าง ขณะนี้ยังไม่เข้าใจ ว่ากายนี้ไม่ใช่ตัวตน เพราะความไม่รู้มีมาก
ขณะนี้มีทวารไหนบ้างที่เห็นกาย (ไม่มี) ดังนั้นตามความเป็นจริงแล้ว ไม่มีกาย มีแต่ เพียงเย็น ร้อน อ่อน แข็ง ตึง ไหว กายทั้งหมดไม่ปรากฏกับขณะที่กระทบสัมผัส จึงอบรม ความเข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏ กายนี้มีเพียงเย็นหรือร้อน อ่อนหรือแข็ง ตึงหรือไหว กายา นุปัสสนาสติปัฏฐาน สติระลึกตรงลักษณะสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ไม่มีกาย มีแต่เพียง สภาพธรรม ไม่มีตัวตนขณะนั่ง ยืน เดิน นอน แล้วคิดว่านี่คือ รูปนั่ง รูปยืน รูปเดิน รูปนอน เมื่อไม่อบรมความเข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏแต่ละทาง ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย และทางใจที่คิด ย่อมไม่สามารถละความยึดถือว่า กาย นี้ได้
กาย เห็น ได้ไหม? กาย กระทบสัมผัส ได้ไหม? ที่กาย เมื่อกระทบสัมผัส มีเพียง เย็นหรือร้อน อ่อนหรือแข็ง ตึงหรือไหว ปรากฏ ไม่มีกาย มีแต่สภาพธรรม ขณะนี้ฟังให้เข้าใจความจริง กายนี้ จนกว่าสติปัฏฐานระลึก รู้ความจริงที่กำลังปรากฏแต่ละอย่างตรงตามความเป็นจริง ความเข้าใจที่เพิ่มขึ้นจะเห็นว่า มีเพียงความเข้าใจเท่านั้นที่จะค่อยๆ ละความติดข้องว่าเป็นเรา ปัญญานำไปสู่กิจทั้งปวง ขณะนี้เข้าใจ เป็นปัญญา ซึ่งจะนำไปสู่ความเข้าใจที่ยิ่งๆ ขึ้น
...
พระอภิธรรมปิฎก ธรรมสังคณี เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 219
ขณะและสมัยในการอยู่ประพฤติพรหมจรรย์มีประการเดียวแล ดังนี้พึงทราบว่าเป็นขณะหนึ่ง. อีกอย่างหนึ่ง จักร (การถึงพร้อม) ๔ คือ ปฏิรูปเทสวาโส (การอยู่ในประเทศที่สมควร) สปฺปุริสูปนิสฺสโย (การคบสัตบุรุษ) อตฺตสมฺมาปณิธิ (การตั้งตนไว้ชอบ) ปุพฺเพกตปุญฺตา (ความเป็นผู้มีบุญทำไว้ก่อน) ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ในบาลีนี้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย จักร ๔ ประการนี้เป็นเครื่องดำเนินไปของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายผู้ประกอบแล้ว ดังนี้ พึงทราบว่า เป็นขณะ ด้วยอรรถว่าเป็นโอกาสรวมจักร ๔ เหล่านั้นเป็นอันเดียวกัน.
ด้วยว่า จักร ๔ เหล่านั้นเป็นโอกาสในการยังกุศลให้เกิดขึ้น
...
ไม่มีเราที่จะไปทำอะไรได้เลย ไปสำนักปฎิบัติ ไปนั่งสมาธิ ไปดูรูปยืน เดิน นั่ง นอน ทั้งหมดไม่ใช่หนทางที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่เคยสอนให้มีตัว ตนไปทำอะไร ด้วยความไม่รู้ ท่านอาจารย์กล่าวว่า ที่พวกเรามาฟังธรรมกัน ก็เพื่อรู้ความ จริงตามที่ทรงแสดงไว้ ต้องเป็นผู้ตรงต่อความจริง ไม่ว่าสนทนาธรรมที่เวียดนาม หรือที่ ประเทศไทย ท่านคอยเตือนเสมอๆ ด้วยความเมตตาที่จะเกื้อกูลศิษย์ให้เข้าใจความจริงว่า ฟังธรรมเพื่อเข้าใจธรรม ท่านเป็นกัลยาณมิตร ที่ให้ความเข้าใจธรรมตามความเป็นจริง เป็นผู้ควรแก่ศิษย์จะต้อนรับกราบไหว้
(คุณวันชัย ภู่งาม เสื้อยืดดำ คุกเข่าอยู่)
เป็นบุญที่ได้กระทำไว้แล้วแต่ปางก่อนเป็นเหตุให้ได้พบสัตบุรุษ ให้ได้อยู่ในที่ๆ สมควรได้ ฟังพระสัทธรรม ให้ได้พิจารณาถูกต้องตามธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงตลอด ๔๕ พรรษา
ขออนุญาตนำภาพและข้อความบางตอนจากพระสูตรของคุณ วันชัย ภู่งาม ที่ลงไว้ใน ความคิดเห็นที่ ๘กระทู้ สนทนาธรรมข้ามปีที่ไซ่ง่อน 11 มาลง ณ.ที่นี้ด้วยค่ะ
... กราบเท้า บูชาพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพอย่างยิ่งค่ะ.
กราบนอบน้อมพระรัตนตรัยด้วยเศียรเกล้า
กราบแทบเท้าบูชาพระคุณ ท่านอ.สุจินต์ ด้วยความเคารพยิ่ง
กราบขอบพระคุณและอนุโมทนา อ.กาญจนา คุณพี่เมตตา คุณวันชัย และกัลยาณมิตรทุกท่านที่ถ่ายทอดบรรยากาศและสาระธรรม
ชีวิตที่เกิดมาเป็นมนุษย์สิ่งที่ประเสริฐที่สุดคือ ได้ศึกษาพระธรรมเพื่อเข้าใจความจริงที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ แม้ขณะนี้ พระพุทธองค์ปรินิพพานแล้วกว่า 2500 ปี แต่พระธรรมยังคงอยู่ ซึ่งท่าน อ.สุจินต์ ได้ศึกษาและเข้าใจอย่างถ่องแท้ และนำมาถ่ายทอดได้อย่างถูกต้องชัดเจน การได้พบ ได้ฟัง ได้สนทนาธรรม จากท่านอ.สุจินต์ จึงเป็นความประเสริฐสุดค่ะ
กราบอนุโมทนา และสำนึกพระคุณในความเมตตาของท่านอ.เป็นอย่างสูงค่ะ