สนทนาธรรมที่ไซ่ง่อน [สังขารเกิดเพราะอวิชชาเป็นปัจจัย] ตอน ๖
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
มีคำถามจากชาวเวียดนามท่านหนึ่ง กราบเรียนถามท่านอาจารย์ว่า สังขารที่เกิดเพราะ มีอวิชชาเป็นปัจจัย นั้น มีปุญญาภิสังขาร อปุญญาภิสังขาร เป็นต้น อวิชชาความไม่รู้เป็น ปัจจัยให้มีเจตนากระทำอกุศลกรรม สำหรับอวิชชาเป็นปัจจัยให้เจตนากระทำกุศลกรรมนั้น เกิดขึ้นได้อย่างไร? ท่านอาจารย์ตอบว่า อวิชชาดับแล้วหรือยัง? ตราบใดที่อวิชชายังไม่ได้ดับเป็นสมุจเฉท ก็ยังมีปัจจัยให้เจตนาจงใจกระทำกุศล และอกุศลโดยปกตูปนิสสยปัจจัย อารัมมนูปนิสสยปัจจัย แต่ขณะที่อวิชชายังมีอยู่ ยังไม่ได้ดับก็ยังเป็นปกตูปนิสสยปัจจัยให้กระทำกุศล อกุศล เป็นปกตูปนิสสยปัจจัยให้เกิด กุศล แต่ขณะกุศลเกิดขึ้นนั้นไม่มี อวิชชาเกิดร่วมด้วย
หลายครั้งระหว่างสนทนาธรรมกันก็มียกตัวอย่างหลายตัวอย่างที่อธิบายถึงความเป็นปัจจัย โดยปกตูปนิสสยปัจจัย ท่านอาจารย์ คุณซาร่า ก็ได้กรุณาสนทนาธรรมให้ได้เข้าใจความเป็น เหตุและผลให้ได้เข้าใจกัน ท่านอาจารย์กล่าวว่า ปกตูปนิสสยปัจจัยเป็นปัจจัยที่กว้างขวางมาก ไม่ว่าจะกล่าวธรรมใด ก็ศึกษาให้เข้าใจทีละคำให้เข้าใจจริงๆ ทุกคำในพระไตรปิฎก ก็เพื่อให้เข้าใจความเป็นธรรม ก็คือขณะนี้เอง ขณะนี้เป็นสิ่งที่มีจริง สามารถรู้ได้ แต่สิ่งที่ล่วง ไปแล้ว กับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นย่อมไม่สามารถรู้ได้ ความเป็นปัจจัยจึงได้แก่สภาพธรรมที่มีจริง ทั้งหลาย กุศลเป็นปัจจัยให้เกิดกุศล กุศลเป็นปัจจัยให้เกิดอกุศล อกุศลเป็นปัจจัยให้เกิด อกุศล อกุศลเป็นเหตุให้เกิดกุศล เป็นต้น เช่นเคยสะสมความเข้าใจธรรมมาแล้วในอดีต เมื่อมาฟังธรรม พิจารณาตามที่ได้ฟังด้วยอำนาจของกุศลความเข้าใจในกาลก่อนเป็นปกตูปนิสสยปัจัยเป็นที่อาศัยที่มีกำลังให้เกิดความเข้าใจขณะนี้เกิดขึ้น ความเป็นปัจจัยเป็นที่อาศัยที่มี กำลังโดยปกติที่ได้กระทำ ซึ่งเคยสะสมมาแล้วในอดีตอุปการะให้เกิดความเข้าใจ แม้แต่ อกุศลเป็นปัจจัยให้เกิดอกุศล เช่น เห็นดอกไม้แล้วก็ติดข้อง ความติดข้องที่ดับไปแล้วก็สะสมสืบต่อในจิต เคยติดในรสอาหาร รสสุรา ก็สะสมมีกำลังที่จะให้ความติดข้องนั้นเกิดขึ้นอีก แต่ละคนมีความพอใจ มีอัธยาศัยต่างๆ กันไป เพราะสะสมมาต่างๆ กัน อากาศร้อนอบอ้าว ก็เกิดโทสะทันที ก็เพราะเคยสะสมมาเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นกุศล อกุศลที่เคยเกิดแล้ว เช่น มานะความสำคัญตน ริษยา เมตตา ศรัทธา เกิดดับสะสมอยู่ในจิต ไม่สูญหายไปไหน เป็นปัจจัยให้ขณะนี้เกิดความสำคัญตน หรือเมตตาเกิด ก็ตามการสะสมโดยนัยของปกตูปนิสสย ปัจจัยปัจจัย
4/01/2558 ไปสนทนาธรรมนอกโรงแรม
(หญิงสาวสวยชาวเวียดนามที่ร้องไห้)
หญิงสาวสวยชาวเวียดนามซึ่งฟังธรรมแล้วร้องไห้ เธอบอกว่าได้ฟังธรรมว่าทุกอย่างที่มี จริงเป็นธาตุ เป็นธรรมะ ไม่มีสัตว์ บุคคล ตัวตน เธอทำใจไม่ได้ เธอยังมีพ่อ มีแม่ มีคนที่เธอ รักอยู่ ทั้งหมดก็เพราะความไม่รู้ ท่านอาจารย์กล่าวว่า ถ้าเป็นความรู้ คือปัญญาจะไม่ร้องไห้ ปัญญาที่รู้ความจริงจะไม่เศร้าโศก ... อาจหาญที่จะเข้าใจความจริง เสียใจก็เป็นธรรม เข้าใจ ก็เป็นธรรม ไม่เข้าใจก็เป็นธรรม ไม่ใช่เรา ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนมีเหตุปัจจัยให้เกิด เป็นธรรม ไม่ใช่เราแม้ขณะเดียว ฟังธรรมเพื่อเข้าใจความจริงที่กำลังมีขณะนี้ตามความเป็น จริง ขณะเห็นเกิดขึ้นเห็นเพียงสิ่งที่ปรากฏทางตา เป็นเพียงสีที่อยู่ที่มหาภูตรูป จะเป็นคนได้ อย่างไร ฟังเพื่อเข้าใจความจริง ความจริงที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงไว้ เห็นเป็นธรรม ได้ ยินเป็นธรรม เสียงเป็นธรรม ไม่ใช่พูดตามได้ว่า สิ่งที่ปรากฏทางตาเป็นธรรมไม่ใช่เรา โดยไม่ ได้พิจารณาให้เข้าใจถึงลักษณะของสิ่งที่เพียงปรากฏทางตา แม้ขณะนี้ยังไม่สามารถรู้ได้ เพราะความไม่รู้มีมาก แม้ขณะนี้ฟังเข้าใจ แต่ก็ยังเห็นเป็นคน เป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง แต่ความจริงย่อมเป็นความจริง ไม่เปลี่ยนแปลงลักษณะ อบรมความเข้าใจขึ้นทีละ น้อยจนเป็นที่อาศัยที่มีกำลังอุปการะให้เพื่อสักวันหนึ่ง สามารถถึงเฉพาะลักษณะสภาพธรรม ที่กำลังปรากฏได้ เมื่ออบรมเจริญปัญญาต่อไปจนวิปัสสนาญาณเกิดเห็นการเกิดขึ้น และ ดับไปของสภาพธรรมแต่ละอย่าง จึงรู้ว่า เป็นเพียงธรรม ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน หากไม่มี การตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สัตว์ทั้งหลายก็ยังต้องเวียนเกิดอยู่ในสังสารวัฏฏ์ เพราะ ความไม่รู้ จึงหลงยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเรา ไม่สามารถดับกิเลสใดๆ ได้
ขอเชิญคลิกฟังเพราะไม่รู้ และเพราะรู้ได้ที่นี่ค่ะ ...
เพราะไม่รู้และเพราะรู้ ... เพลงประจำมูลนิธิฯ
กราบเท้า บูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพอย่างยิ่งค่ะ ...