ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๘๓

 
khampan.a
วันที่  22 ก.พ. 2558
หมายเลข  26204
อ่าน  2,616

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรม จากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจสั้นๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย เพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ถึงแม้ว่าจะเป็นข้อความที่สั้น แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์อยู่ในตัว ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๘๓

# ถ้าพิจารณาถึงเหตุที่จะนำมาซึ่งทุกข์ ก็คือทุกข์ของการเกิดขึ้น ทุกข์ของภพชาติ ถ้าไม่มีการเกิดขึ้นเลย ทุกข์ทั้งหลายในชาตินี้ย่อมมีไม่ได้ หรือในชาติก่อนๆ ก็เหมือนกัน ถ้าชาติก่อนๆ ไม่มีการเกิดเป็นบุคคลนั้นบุคคลนี้ ทุกข์ทั้งหลายในชาติก่อนๆ ก็มีไม่ได้ หรือในชาติต่อไปก็เช่นเดียวกัน ถ้าจะไม่มีการเกิดอีกเลย ทุกข์ทั้งหลายก็ย่อมจะเกิดขึ้นอีกไม่ได้เลย

# ทุกข์ของชาติก่อนๆ ผ่านไปหมด จำไม่ได้ ไม่เดือดร้อน ใช่ไหม หรือใครยังเป็นทุกข์อยู่ว่า ชาติก่อนๆ โน้นเป็นทุกข์มากมายอย่างนั้นอย่างนี้ เคยเป็นเปรต เคยตกนรก นั่นก็เป็นเรื่องที่ไม่ใช่ทุกข์ที่กำลังเป็นอยู่ในขณะนี้

# ตัวเองก็ทำให้ตัวเองเป็นทุกข์ได้ ถ้ามีความเห็นผิด ก็ทรมานตัวให้ลำบากด้วยประการต่างๆ หรือว่าอาจจะถึงกับฆ่าตัวตายก็เป็นได้

# ในขณะนี้ไม่มีสัตว์ บุคคลใดๆ ทั้งสิ้น เป็นแต่ละขันธ์ ซึ่งเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ซึ่งไม่เหมือนกันเลยในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นสังขารขันธ์ของใครก็ตาม การคิดนึกของแต่ละคนในขณะนี้ ย่อมเป็นไปตามการปรุงแต่งของการสะสมของแต่ละบุคคล

# ขณะที่ตื่นมาแล้วก็ขุ่นข้องหมองใจ เดือดร้อน กังวล ความรู้สึกเป็นอย่างไร? ไม่สบาย เพราะฉะนั้น ต่อไปนี้ไม่ต้องถามใคร หรือไม่ต้องให้ใครบอกว่า นี่เป็นโลภมูลจิต (จิตที่มีโลภะเป็นมูล) หรือนี่โทสมูลจิต (จิตที่มีโทสะเป็นมูล) แต่สามารถจะพิจารณาจากความรู้สึก ซึ่งเป็นเวทนาเจตสิกได้ว่า ถ้าขณะใดไม่สบายใจ ไม่พอใจแม้เพียงเล็กน้อย ขณะนั้นเป็นโทสมูลจิต

# การฟังพระธรรม แล้วก็เข้าใจสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ จะเป็นปัจจัยปรุงแต่งให้สติระลึกลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏได้ถูกต้อง

# โกรธใครแล้วไม่หมด แล้วก็เกิดอีก แล้วก็ยังโกรธบุคคลนั้นต่อไป อันนั้นก็เป็นความผูกโกรธ

# การอบรมเจริญปัญญาต้องเป็นเรื่องที่ค่อยๆ ละคลายการที่เคยยึดถือสภาพธรรมว่า เป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นตัวตน จนกว่าสภาพธรรมจะปรากฏเพียงอย่างเดียว ไม่มีอย่างอื่นปะปนด้วย นั่นแสดงให้เห็นว่า ปัญญาและสติมีกำลังที่มั่นคง

# อัตภาพของคนชราแล้ว ย่อมทุรพลดุจเกวียนคร่ำคร่า เมื่อพยายามจะยืน จะเดิน หรือจะนั่ง ย่อมเกิดทุกข์ทางกายอย่างเหลือเกิน

# การที่จะคิดถึงคนอื่น คิดถึงการกระทำของคนอื่น หรือว่าพิจารณาการกระทำของคนอื่น ถ้าเป็นไปในทางที่จะให้กุศลจิตเกิด แทนที่จะพิจารณาในทางที่จะทำให้อกุศลจิตเกิด ย่อมเป็นประโยชน์กว่า เพราะเหตุว่าทุกคนมีจิตใจต่างๆ กันมีความประพฤติทางกาย ทางวาจาต่างๆ กัน

# “ปุถุ” ความหนาแน่นด้วยกิเลส เพราะฉะนั้น จะชวนกันให้ละกิเลสจะเป็นเรื่องยาก แต่ว่าชักชวนให้เห็นประโยชน์ของพระธรรม ให้ศึกษาและเข้าใจ เมื่อมีความเข้าใจเพิ่มขึ้น ก็เป็นสังขารขันธ์ที่ปรุงแต่งให้สติระลึกลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏโดยไม่ต้องมีใครชักชวน เพราะเหตุว่าสภาพธรรมทั้งหลายต้องมีเหตุปัจจัยที่จะเกิด จึงจะเกิดขึ้นได้ ถ้ามีญาติพี่น้องที่กำลังมีชีวิตเพลิดเพลินในทางโลก แล้วจะบอกให้เขาไปนิพพาน หรือจะบอกให้เขาดับกิเลส เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลย แต่ว่าชักชวนให้ฟังธรรม ให้เข้าใจเสียก่อน แล้วก็แล้วแต่ว่าใครจะมีปัจจัยที่จะเจริญหนทางข้อปฏิบัติที่จะรู้ลักษณะของสภาพธรรม ก็ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป เพราะเหตุว่าไม่ใช่ต้องถึงนิพพาน เพียงให้รู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนี้ มีฉันทะ มีความพอใจหรือยัง ที่จะเป็นผู้ที่รู้ ดีกว่าไม่รู้ ลักษณะของสภาพธรรมปรากฏแล้วรู้ ย่อมดีกว่าไม่รู้ เพียงเท่านี้ก็ยาก ถ้าผู้นั้นไม่ได้ฟังพระธรรม ย่อมไม่เห็นว่าเป็นประโยชน์

# เหตุของความทุกข์ย่อมมาจากความยินดีพอใจในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในโผฏฐัพพะ ผู้ที่ดับความยินดีพอใจในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในโผฏฐัพพะแล้ว จะดับโทสมูลจิตได้ แต่ถ้ายังเป็นผู้ที่ยินดีพอใจในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในโผฏฐัพพะ ย่อมหนีทุกข์ไม่พ้น เพราะเหตุว่าความยินดีพอใจในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ เป็นเหตุทำให้โทสมูลจิตเกิด ถ้าไม่ได้สิ่งที่ปรารถนา

# ความพินาศซึ่งเกิดแต่ศีล คือ ความทุศีลย่อมทำให้ศีลสิ้นไป เวลาที่มีทุจริตกรรม คือ การล่วงศีลเกิดขึ้น ย่อมได้รับทุกข์ด้วยประการต่างๆ ตั้งแต่เสื่อมเสียชื่อเสียง และไม่มีใครคบหาสมาคม แล้วก็ยังได้รับผลของอกุศลกรรมในการล่วงศีลนั้นๆ ตามควรแก่กาลเวลา และความหนักเบาของทุจริตกรรมนั้นๆ ด้วย

# ความเสื่อมหรือความพินาศซึ่งเกิดจากความเห็นผิด อันนี้ก็เป็นอันตรายมาก เพราะเหตุว่าไม่สามารถจะทำให้เกิดการคิด การพิจารณาที่ถูกต้องในเหตุผลของสภาพธรรม ตามความเป็นจริงได้ เพราะฉะนั้น ก็ย่อมนำโทษภัยอย่างใหญ่หลวงมาให้ตลอดในสังสารวัฏฏ์ฏ์ เพราะเหตุว่าตราบใดที่ยังไม่พ้นจากความเห็นผิด สังสารวัฏฏ์ฏ์ก็ไม่สามารถที่จะจบสิ้นได้

# หน้าตาของคนที่กำลังเสียใจก็เป็นอย่างหนึ่ง ซึ่งสามารถที่จะมองเห็นได้ว่า ขณะนี้ต้องไม่สบายใจแน่ๆ หรือว่าต้องมีความทุกข์อย่างมากทีเดียว

# พระธรรมมีไว้สำหรับให้พิจารณา แล้วก็ใคร่ครวญ แล้วก็น้อมประพฤติปฏิบัติตามตามความสามารถ ไม่ใช่เพียงแต่ได้ฟังแล้วก็ผ่านไป

# เป็นคนดี โดยไม่ต้องบวช ก็ได้

# ทาน การให้วัตถุสิ่งของที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น ก็เป็นพรหมจรรย์ เพราะเป็นการสละสิ่งซึ่งเคยยึดถือว่าเป็นของของเรา

# ประโยชน์ของการฟังพระธรรม คือ ความเข้าใจถูกเห็นถูก

# พรหมจรรย์ทั้งหมด คือ ความดี และ ดีที่สุด ก็คือ ได้สามารถเข้าใจสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ โดยได้ฟังพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ดีแล้ว ไม่ใช่คิดเอง

# คำพูดเกิดจากจิต ถ้าเข้าใจผิด ก็พูดผิด ถ้าจะเข้าใจถูก ก็พูดถูก

# ในเมื่อยังไม่เข้าใจธรรม ก็จะต้องฟังพระธรรมจนกว่าจะเข้าใจ

# เมื่อไม่เข้าใจ ก็จะไปทำอะไรด้วยความไม่เข้าใจอย่างแน่นอน

# กิเลสจะค่อยๆ หมดไปได้ เมื่อมีปัญญาที่ค่อยๆ เจริญขึ้น

# ปฏิบัติธรรม เป็นเรื่องของปัญญา ปัญญาเป็นเรื่องละ ไม่ใช่เรื่องความติดข้อง

# ผู้ที่มีความเห็นผิด แล้วไม่กล้าหรือไม่ยอมที่จะสละความเห็นผิด มาสู่ความเข้าใจถูกเห็นถูก เพราะความไม่รู้ ความติดข้อง และ ความเห็นผิด.

ขอเชิญผู้ศึกษาพระธรรมร่วมกัน (สหายธรรม) ร่วมแบ่งปันธรรมด้วยครับ

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๘๒

... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 22 ก.พ. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paew_int
วันที่ 22 ก.พ. 2558

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
Boonyavee
วันที่ 22 ก.พ. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 22 ก.พ. 2558

ขอบพระคุณ และ ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
swanjariya
วันที่ 22 ก.พ. 2558

กราบอนุโมทนาขอบพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ด้วยความเคารพยิ่ง

กราบอนุโมทนาขอบพระคุณท่านวิทยากรและผู้เกี่ยวข้องทุกท่าน

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ms.pimpaka
วันที่ 22 ก.พ. 2558

ขอขอบคุณและอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
thilda
วันที่ 22 ก.พ. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 23 ก.พ. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
siraya
วันที่ 23 ก.พ. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
นิตยา
วันที่ 23 ก.พ. 2558

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
ใหญ่ราชบุรี
วันที่ 23 ก.พ. 2558

สาธุ อนุโมทนา และ ขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
aurasa
วันที่ 23 ก.พ. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
j.jim
วันที่ 23 ก.พ. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
jaturong
วันที่ 24 ก.พ. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
pulit
วันที่ 26 ก.พ. 2558

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
ms.pimpaka
วันที่ 1 มี.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
นิตยา
วันที่ 23 เม.ย. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
kullawat
วันที่ 12 พ.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
สิริพรรณ
วันที่ 9 เม.ย. 2560

กราบอนุโมทนาขอบพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ คณะวิทยากร และผู้เผยแพร่พระธรรมทุกท่านด้วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 20  
 
Sottipa
วันที่ 28 ก.ย. 2564

กราบเท้าท่านอาจารย์ สุจินต์ และท่านวิทยากร

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ