ประเด็น บรรลุอรหัตตผลแล้วต้องบวชภายใน 7 วัน

 
DustInTheWind
วันที่  19 มี.ค. 2558
หมายเลข  26338
อ่าน  3,667

สวัสดีครับ

มีข้อสงสัยถามความคิดเห็นของสหายธรรมผู้รู้ ในกรณีว่า คฤหัสถ์ถ้าบรรลุเป็นพระอรหันต์แล้ว จะต้องบวชเป็นพระภิกษุภายใน 7 วัน (เสฏฐธัมมปัญหา ของมิลินทปัญหา) ส่วนในคัมภีร์ของพระไตรปิฎกนั้น พระพุทธองค์ไม่ได้ตรัสไว้อย่างชัดเจน เพียงแต่โดยพฤตินัยว่ามีบางท่าน เช่นสันตติมหาอำมาตย์ที่บรรลุแล้ว ก็นิพพานภายในวันนั้น หรือพระพาหิยะ (อันนี้เป็นกรณีวิบากมาตัดรอน) เป็นต้น จึงสงสัยว่า

1.เมื่อจิตบรรลุเข้าอรหัตตมรรค อรหัตตผลแล้ว ยังไม่ได้เข้าอุปสมบทเป็นพระภิกษุ จะต้องนิพพานภายใน 7 วัน จริงหรือไม่? เพราะเหตุใด? (เมื่อจิตนั้น ไม่มีเพศหญิงชาย เป็นเพียงสภาพธรรม)

2.ถ้าบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์แล้ว ต้องบวชเป็นพระภิกษุภายใน 7 วันจริง เช่นนี้แล้ว แสดงว่าในปัจจุบัน ผู้หญิงที่บรรลุธรรมขั้นสูงสุด จะเสียชีวิตภายใน 7 วันหลังจากบรรลุ เช่นนั้นหรือไม่? เนื่องจากภิกษุณีวงศ์นั้น ก็หายสาบสูญไปแล้ว ทั้งจะให้ทำการบวชเองก็ไม่ได้ เพราะจะเป็นไถยสังวาส (ดังที่พระนาคเสนกล่าวกับพระยามิลินทร์) ส่วนที่ว่าบวชเป็นแม่ชีนั้น เชื่อว่าในสมัยพุทธกาล คงไม่มี "แม่ชี" แบบที่เมืองไทยมีกันแน่ และ แม่ชี กับ ภิกษุณี ก็คงมิใช่สิ่งเดียวกันแน่

ขอความเมตตาผู้รู้ และขออนุโมทนากับทุกท่าน


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 19 มี.ค. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สำหรับในภพภูมิมนุษย์ ผู้ที่บรรลุเป็นพระอรหันต์ในเพศคฤหัสถ์ หากไม่บวชในวันนั้นก็ต้องปรินิพพานในวันนั้นเลยครับ ไม่ใช่ 7 วันครับแล้วค่อยบวช แต่ถ้าจะมีชีวิตดำรงต่อไปได้ ก็ด้วยการบวชเป็นเพศบรรพชิตครับในวันนั้นครับ ซึ่งตัวอย่างของบุคคลที่บรรลุเป็นพระอรหันต์ในเพศคฤหัสถ์ เช่น ท่านสันตติมหาอำมาตย์ แต่ท่านไม่บวชในวันนั้น ท่านก็ปรินิพพานในวันนั้นนั่นเองครับ

ซึ่งเหตุผลดังนี้ครับ การบรรลุเป็นพระอรหันต์ พระอรหันต์เป็นคุณธรรมที่สูงสุุด ดังนั้น เพศที่รองรับคุณธรรมก็ต้องเหมาะกับการรองรับคุณธรรมนี้ คือเพศบรรพชิตในภพภูมิมนุษย์ครับ

ส่วนเพศฆราวาสเป็นเพศที่ต่ำ ไม่สามารถรองรับคุณธรรมคือความเป็นพระอรหันต์ได้ครับ เปรียบเหมือนว่า หญ้า ไม่สามารถรองรับก้อนหินใหญ่ได้ฉันใด แม้เพศคฤหัสถ์ก็ไม่สามารถรองรับคุณธรรมคือความเป็นพระอรหันต์ได้ เปรียบเหมือนคนที่มีบุญน้อยแต่ได้ปราบดาได้เป็นกษัตริย์ เพราะความที่ตนมีบุญน้อย ไม่มีความสามารถ ก็ไม่สามารถปกครองราชสมบัติและเกิดความเดือดร้อนตามมามากมาย จะโทษสมบัติก็ไม่ได้ ต้องโทษความที่ตนมีบุญน้อย ฉันใด ผู้ที่มีเพศต่ำคือคฤหัสถ์ไม่สามารถรองรับคุณธรรมคือความเป็นพระอรหันต์ หากไม่บวชก็ต้องปรินิพพานในวันนั้น จะโทษความเป็นพระอรหันต์ไม่ได้ เพราะเพศนั้นคือเป็นเพศคฤหัสถ์ไม่เพียงพอที่จะรองรับคุณธรรมขั้นสูงได้ครับ ดังนั้นผู้ที่ไม่บวชเมื่อเป็นมนุษย์แล้วย่อมปรินิพพานในวันนั้น แต่ถ้าบวชก็สามารถดำรง มีชีวิตอยู่ได้เพราะเพศบรรพชิต สามารถดำรงคุณธรรมความเป็นพระอรหันต์ได้ครับ ซึ่งตัวอย่างผู้ที่บรรลุเป็นพระอรหันต์ในเพศฆราวาสแล้วไม่ได้บวชปรินิพพานในวันนั้นก็เป็นท่านสันตติมหาอำมาตย์ ส่วนผู้ที่บรรลุเป็นพระอรหันต์ในเพศฆราวาสแล้วบวช สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ เช่น พระภัททชิเถระครับ

เชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่ครับ

ฆราวาสได้เป็นพระอรหัตหากไม่บวชต้องเข้าสู่พระนิพพาน [มิลินทปัญหา]

------------------------------------------------------------

พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ เล่ม ๒ ภาค ๑- หน้าที่ 445 บทว่า นตฺถิ โข วจฺฉ ดูก่อนวัจฉะ ไม่มีเลย คือ ผู้ยังไม่ละคิหิสังโยชน์ ชื่อว่าจะทำที่สุดทุกข์ย่อมไม่มี.แม้บุคคลเหล่าใดดำรงเพศคฤหัสถ์คือ สันตติมหาอำมาตย์ อุคคเสนะ เศรษฐีบุตร วีตโสกธารกะ ก็บรรลุพระอรหัตได้. แม้บุคคลเหล่านั้น ก็ยังความใคร่ในสังขารทั้งปวงให้แห้งไปด้วยมรรคแล้วบรรลุได้. แต่เมื่อบรรลุแล้วก็ไม่ตั้งอยู่ด้วยเพศนั้น. ชื่อว่าเพศคฤหัสถ์นี้เลว ไม่สามารถทรงคุณอันสูงสุดไว้ได้. เพราะฉะนั้น ผู้ตั้งอยู่ในเพศคฤหัสถ์นั้นบรรลุพระอรหัตแล้วย่อมบวช หรือปรินิพพานในวันนั้นเอง

-------------------------------------------------------------------

และจากคำถามที่ว่า

พระอริยบุคคลที่ไปเกิดในพรหมโลก และปรินิพพานที่พรหมโลกนั้น นิพพานในเพศบรรพชิตหรือเพศคฤหัสถ์ หรือว่าไม่มีเพศ?

---------------------------------------------------------------------

ในเทวโลก และพรหมโลก ไม่มีการบวช จึงไม่มีเพศบรรพชิตและคฤหัสถ์ครับ สำหรับพระอรหันต์สามารถอยู่ในเทวโลกชั้นจาตุมหาราชิกาได้ แต่เป็นเทวดาภาคพื้นที่เป็นภุมมเทวดา เช่น มีวิมานอยู่่ในต้นไม้ เพราะมีที่หลีกเร้นได้ของพระอรหันต์ครับ แต่เทวโลกชั้นอื่นย่อมไม่สมควรกับพระอรหันต์และไม่มีที่หลีกเร้นอันสมควร และเต็มไปด้วยการละเล่น เป็นต้น ส่วนพรหมโลกก็มีพระอรหันต์ได้ครับ ยกเว้น อสัญญสัตตาพรหมครับ ขออนุโมทนา

พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้าที่ 445

ผู้ตั้งอยู่ในเพศคฤหัสถ์นั้นบรรลุพระอรหัตแล้วย่อมบวช หรือปรินิพพานในวันนั้นเอง แต่ภุมมเทวดายังดำรงอยู่ได้. เพราะเหตุไร. เพราะมีโอกาสที่จะแฝงตัวอยู่ได้. ในกามภพที่เหลือ พระอริยบุคคล ๓ จำพวกมีพระโสดาบันเป็นต้น ยังดำรงอยู่ได้ในมนุษยโลก. ในกามาวจรเทวโลก พระโสดาบันและพระสกทาคามียังดำรงอยู่ได้. แต่พระอนาคามีและพระขีณาสพจะดำรงอยู่ในกามาวจรเทวโลกนี้ไม่ได้. เพราะเหตุไร. เพราะที่นั้นมิใช่เป็นที่อยู่ของชนผู้ละอายแล้ว. และที่นั้นมิใช่เป็นที่ปกปิดที่สมควรแก่วิเวกของพระขีณาสพเหล่านั้น.

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
DustInTheWind
วันที่ 19 มี.ค. 2558

ขอบพระคุณและอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 19 มี.ค. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระอรหันต์ เป็นผู้ที่ห่างไกลจากกิเลสทั้งหลายทั้งปวง เป็นผู้ทำลายข้าศึก คือ กิเลสได้หมดสิ้น เป็นผู้ไม่มีภพใหม่อีกต่อไป หลังจากที่ดับขันธปรินิพพานแล้ว ไม่มีการเกิดอีก จึงเป็นผู้ดับวัฏฏะได้อย่างเด็ดขาด, การบรรลุถึงความเป็นพระอริยบุคคลขั้นต่างๆ เริ่มตั้งแต่พระโสดาบันบุคคล ถึง ความเป็นพระอรหันต์นั้น ต้องเป็นผู้ที่สะสมอบรมเจริญปัญญา สะสมการสดับตรับฟังพระธรรมจากพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ มาเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน และต้องเป็นผู้ดำเนินตามทางที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงไว้ คือ การอบรมเจริญอริยมรรค ถ้าไม่มีปัญญาแล้วก็ไม่สามารถบรรลุถึงความเป็นพระอริยบุคคลได้เลย

เมื่อได้ศึกษาพระธรรมทางพระพุทธศาสนา ก็จะพบข้อความที่แสดงถึงการบรรลุเป็นพระอรหันต์ว่า เมื่อได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ในเพศคฤหัสถ์แล้ว จะต้องบวช เมื่อไม่ได้บวชก็จะต้องปรินิพพานในวันนั้น เพราะเพศคฤหัสถ์ไม่สามารถรองรับคุณธรรมอันสูงยิ่งนี้ไว้ได้ จะเห็นได้ว่าในสมัยพุทธกาล ท่านพระยสกุลบุตร เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดว่า ท่านบรรลุเป็นพระอรหันต์ ในขณะที่เป็นคฤหัสถ์ และได้อุปสมบทในวันนั้นและอีกหลายท่าน เช่น ภัททชิกุมาร (ตามที่ปรากฏใน ภัททชิเถรคาถา) เป็นต้น ก็ต้องได้อุปสมบทในวันนั้น ส่วนผู้ที่บรรลุเป็นพระอรหันต์ในเพศคฤหัสถ์แล้ว ไม่ได้บวชและปรินิพพานในวันนั้น ซึ่งมีหลายท่านด้วยกัน มีสันตติมหาอำมาตย์ เป็นต้น

เมื่อกล่าวโดยสภาพธรรมแล้ว ไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคล ไม่มีตัวตน มีแต่ธรรมเท่านั้น แม้แต่ความเป็นอรหันต์ ก็เพราะมีความเจริญขึ้นของปัญญาจนกระทั่งถึงขณะที่อรหัตตมัคคจิตเกิดขึ้นดับไป แล้วเป็นปัจจัยให้อรหัตตผลจิตเกิดขึ้น สามารถดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างไม่มีเหลือ เมื่อได้บรรลุถึงความเป็นพระอรหันต์แล้ว ความเป็นไปของท่านก็ดำเนินไปตามปกติของผู้ที่เป็นพระอรหันต์ แต่ไม่มีจิตและเจตสิกที่เป็นไปกับด้วยกิเลสเกิดขึ้นอีกเลย จนกว่าจะถึงการดับขันธปรินิพพาน เมื่อดับขันธปรินิพพานแล้ว ก็ไม่มีปัจจัยที่จะให้ขันธ์หรือสภาพธรรมใดๆ เกิดขึ้นอีกเลย ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
nopwong
วันที่ 19 มี.ค. 2558

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
peem
วันที่ 22 มี.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Jarunee.A
วันที่ 14 ม.ค. 2567

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ