ขณะนอนหลับสนิท

 
azide
วันที่  23 มี.ค. 2558
หมายเลข  26355
อ่าน  911

ขณะนอนหลับสนิท เป็น กุศลหรือ อกุศล ครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 23 มี.ค. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง มีหลายหลายนัย แสดงตามความเป็นจริงของสภาพธรรมที่มีโทษและไม่มีโทษ เป็นต้น ครับ

ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนครับว่า สภาพธรรมที่เป็นจิต มี 4 ประเภท คือ กุศลจิต อกุศลจิต วิบากจิต (ผลของกรรม) และกิริยาจิต

สำหรับสภาพธรรมทีไม่ดี มีโทษเพราะมีสภาพธรรมที่ไม่ดี คือ เจตสิกที่ไม่ดี มีโลภะ โทสะเกิดร่วมด้วย จึงเป็นจิตที่มีโทษ ไม่เป็นประโยชน์กับตัวเองและผู้อื่นเมื่อเกิดขึ้นครับ นั่นคือ สภาพธรรมที่เป็น จิต ประเภท อกุศลจิต ซึ่งอกุศลจิตไม่ดี ส่วนสภาพธรรมที่เป็นวิบากที่เป็นผลของกรรม ที่เป็น จิต เจตสิก ขณะที่หลับนั้นเป็นจิตชาติวิบาก เป็นผลของกรรม เรียกว่า ภวังคจิต คือ จิตที่ ทำกิจดำรงภพชาติ หลังจากเกิดจนถึงก่อนตาย ในขณะที่ไม่มีการเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การลิ้มรส การกระทบสัมผัสทางกาย และการคิดนึกทางใจ เช่น ในขณะที่หลับสนิท ดังนั้นขณะที่หลับสนิท จิตไม่เป็นอกุศลเลยในขณะนั้น จึงไม่มีโทษในขณะนั้นเพราะไม่เป็นอกุศล

ขณะที่หลับสนิท เป็นภวังคจิต เป็นวิบากจิตที่เกิดขึ้นทำกิจดำรงภพชาติความเป็นบุคคลนี้ไว้ ไม่ได้เห็น ไม่ได้ยิน ไม่ได้กลิ่น ไม่ได้ลิ้มรส ไม่ได้รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสกาย ไม่ได้คิดนึก ไม่ได้เป็นกุศล ไม่ได้เป็นอกุศล ใดๆ เลย และที่น่าพิจารณา คือ ขณะที่หลับสนิท กุศลไม่เกิดขึ้น บุญไม่เจริญ, ในชีวิตประจำวัน หลัง เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น เป็นต้น สภาพจิตที่เกิดขึ้นต่อจากนั้น ขึ้นอยู่กับการสะสมของแต่ละบุคคล กุศลจิต หรือ อกุศลจิต? นี้เป็นสิ่งที่ควรพิจารณา เพราะเหตุว่าปกติ หลังจากที่ได้รับผลของกรรม ไม่ว่าจะเป็น กุศลวิบาก คือ ได้รับอารมณ์ที่น่าพอใจ หรือ เป็นอกุศลวิบาก คือ ได้รับอารมณ์ที่ไม่น่าพอใจ หลังจากนั้นแล้ว โดยมากจิตเป็นอกุศลหวั่นไหวไปแล้วด้วยอำนาจของกิเลส มีโลภะโทสะ โมหะ เป็นต้น โดยที่ไม่รู้ตัวเลย เป็นไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เห็นเลยว่า อกุศลจิตของเรานั้นเกิดมากมายแค่ไหน เพราะไม่ว่าจิตจะมีอารมณ์ใดมากระทบ ทั้งที่ดี และที่ไม่ดี จิตของเราก็เป็นอกุศล เสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งถ้าไม่ได้ฟังพระธรรมโดยละเอียด ก็จะไม่มีทางรู้อย่างนี้ได้เลย ครับ

เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ ... ขณะหลับสนิทเป็นภวังคจิต

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 23 มี.ค. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ไม่ว่าจะหลับ หรือ ตื่น ก็ไม่เคยขาดจิตเลยแม้แต่ขณะเดียว แต่ในขณะที่หลับสนิทนั้น จิตเป็นภวังค์ โลกนี้ไม่ปรากฏเลยไม่รู้อารมณ์ของโลกนี้เลย ไม่รู้อารมณ์ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย และทางใจ ความเข้าใจเบื้องต้นคือภวังคจิต เป็นวิบากจิต ไม่ใช่กุศล ไม่ใช่อกุศล ไม่ใช่กิริยา ดังนั้น จะเป็นกุศลไม่ได้ จะเป็นอกุศลไม่ได้ ขณะที่หลับสนิท หรือในขณะที่เป็นภวังคจิต ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
kullawat
วันที่ 23 มี.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
Chuapaeng
วันที่ 23 มี.ค. 2558

การใด้ฟังธรรมทำให้รู้จักตัวเองมากขึ้นขอกราบอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
peem
วันที่ 23 มี.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
wannee.s
วันที่ 23 มี.ค. 2558

ขณะที่หลับสนิทไม่ฝัน เป็นชาติวิบาก แต่ถ้าฝันเป็นวิถีจิตถึงจะเป็นกุศล หรือ อกุศล ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Jarunee.A
วันที่ 5 ม.ค. 2567

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ