วันนี้วันพระ น้อมนำธรรมสู่ชีวิต
เมื่อถึงวันพระจะได้รับฟังคำเชิญชวนทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยในข่าวเจ็ดโมงเช้า ขอเรียนถามว่า อย่างไรจึงเป็นการ น้อมนำธรรมสู่ชีวิต
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาัสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ละเอียดลึกซึ้ง สุขุม ลุ่มลึก ดังนั้น เมื่อได้ยินพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง จึงไม่ควรเป็นผู้เผิน แต่เป็นผู้มีความละเอียด ที่จะพิจารณาไตร่ตรองในคำที่ได้ยิน โดยละเอียดรอบคอบ แม้แต่คำว่า วันนี้วันพระ น้อมนำธรรมสู่ชีวิต ก็ต้องเข้าใจพื้นฐานว่า ในความเป็นจริง มีเรา มีสัตว์ บุคคล หรือมีแต่ธรรม เมื่อมีแต่ธรรม ไม่ใช่เรา ก็เป็นหน้าที่ของธรรมที่ทำกิจหน้าที่เป็นไปในแต่ละวัน ไม่มีเรา ตัวเราที่จะจัดการ จะน้อม จะทำให้เป็นไปตามที่คิด ที่ต้องการได้เลย ขณะนี้ คิดจะทำดี แต่อกุศลเกิดแล้วโดยไม่รู้ตัว อยากจะไม่เห็น ก็เห็นแล้ว จะไม่ให้เห็น ไม่ดับไปก็ไม่ได้ ก็ดับไปแล้วทุกขณะ แสดงถึงความเป็นจริงของสภาพธรรมที่เป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้เลย เพราะฉะนั้น วันนี้วันพระน้อมนำธรรมสู่ชีวิต ไม่มีตัวเราที่จะทำ ที่จะน้อมธรรมที่ดีเข้ามาสู่ชีวิต เพราะยังไม่มีธรรมที่ดี ที่ได้สะสม อบรมมา จะให้สภาพธรรมที่ดี มีกุศลประการต่างๆ เกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะสภาพธรรมต้องอาศัยเหตุปัจจัยจึงเกิดขึ้น แต่แม้ว่าเป็นผู้อบรมเหตุ คือ การฟัง ศึกษาพระธรรม ขณะใดที่เข้าใจถูก ขณะนั้นกุศลจิตเกิดแล้ว ไม่มีใครไปน้อม ไปเอาธรรมฝ่ายดีเกิด แต่ธรรมเกิดปรุงแต่ง ทำหน้าที่เองในขณะนั้น นี่แสดงให้เห็นถึงความเป็นอนัตตาของสภาพธรรม ที่ไม่มีเราไปจัดการให้สภาพธรรมอะไรเกิดเลย เพราะเป็นไปตามเหตุปัจจัยทั้งสิ้น
วันนี้วันพระ น้อมนำธรรมสู่ชีวิต จึงควรเข้าใจใหม่ว่า ไม่ว่าวันไหนๆ แม้เพียงชั่วขณะจิตนี้ มีธรรมอะไรเกิดขึ้นเป็นปกติ คือ อกุศลเป็นปกติโดยมาก ผู้ที่เข้าใจถูกเช่นนี้ที่มีจากการฟัง ศึกษาพระธรรม จึงเห็นประโยชน์ของการศึกษา อบรมปัญญา เพื่อเข้าใจถูก ในสภาพธรรมที่เกิดแล้วในชีวิตประจำวัน ว่าไม่ใช่เรา และ เจริญกุศลทุกๆ ประการ ตามเหตุปัจจัยที่กุศลจะเกิด โดยเบาสบายที่จะไม่ไปจัดการ จะทำ จะน้อม เข้ามาในวันไหน เพราะวันไหนๆ ก็คือ ขณะเพียงจิตเกิดทีละขณะ และ เป็นไปตามเหตปุัจจัยไม่ใช่เรา ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ทุกๆ วัน (ไม่ใช่เฉพาะวันพระเท่านั้น) ควรที่จะได้เตือนตนเองอยู่เสมอว่า ชีวิตอาจจะอยู่ไม่ถึงพรุ่งนี้ก็ได้ อาจจะสิ้นชีวิตก่อนถึงวันพรุ่งนี้ก็ได้ มีโอกาสที่จะฟังพระธรรม ก็ควรรีบฟัง รีบสะสมปัญญาในทันที มีโอกาสที่จะได้สะสมกุศล ก็สะสมทันที เจริญทันที เป็นการเติมกุศลทุกๆ วัน เพื่อชำระล้างอกุศล เพราะถ้าไม่คอยเติมกุศลแล้ว ก็ย่อมเป็นเหตุให้อกุศลเพิ่มพูนเรื่อยๆ
ทุกครั้งที่ได้ฟังพระธรรม ย่อมเกิดประโยชน์ ความรู้ความเข้าใจ ก็จะค่อยๆ เจริญขึ้น เพิ่มขึ้น บุคคลผู้มีโอกาสได้ฟัง ได้ศึกษาและมีความเข้าใจไปตามลำดับเท่านั้น ที่จะเป็นอย่างนี้ได้ กล่าวคือ ได้รับประโยชน์จากพระธรรม อย่างแท้จริง เพราะฉะนั้น จึงสำคัญที่การมีโอกาสได้ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมที่เป็นพระธรรมคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงจริงๆ ที่จะเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูลต่อความเข้าใจถูกเห็นถูก เกื้อกูลต่อความเจริญขึ้นของกุศลธรรม ซึ่งเป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย แต่ถ้าไปฟังอย่างอื่น ไปฟังคำสอนของคนอื่น ที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ เป็นความเห็นผิดทั้งหลาย นั้น ไม่มีทางที่จะทำให้ปัญญาเจริญขึ้นได้เลย มีแต่จะเพิ่มความไม่รู้ ความติดข้อง และความเห็นผิดให้มากขึ้น ครับ .
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
เมื่อได้ฟังพระธรรมถึงรู้ว่าอะไรควรเสพอะไรควรละแต่ก็เลือกไม่ได้ เพราะสภาพธรรมเกิดจากเหตุปัจจัย
ขออนุโมทนาครับ
ขอนมัสการพระคุณเจ้า และท่านผู้อ่านทุกท่าน
สืบเนื่องจากกระทู้ฯ ผมมีความเห็นในเชิงกลยุทธิ์ด้านการสื่อสาร เพียงต้องการน้อมนำท่านผู้ฟังรายการวิทยุให้สะดุดใจฟัง คิดตาม และเน้นให้จดจำว่าวันนี้ เราชาวพุทธอย่าลืมเลือนว่าเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งที่ต้องกระทำกิจสำคัญของชาวพุทธตามแต่วิถีที่แต่ละคนจะปฏิบัติดีปฏิบัติชอบได้..ก่อนจะถึงคำว่า "วันนี้วันพระ น้อมนำธรรม (ทำ-มะ) สู่ชีวิต ยังมีคำนำก่อนนี้ที่เป็นรูปถ้อยคำซึ้ง
ๆ หากผมจำไม่เป็น มีถ้อยคำว่า
"ชีวิตมนุษย์ มีสุข-มีทุกข์ ดีใจ-เสียใจ
ผ่านอุปสรรค และปัญหามากมายในแต่ละวัน
สงบนิ่ง และ ย้อนมองตัวเอง
..."วันนี้วันพระน้อมนำธรรมะสู่ชีวิต..." ครับ
โดย อ.คำปั่น อักษรวิไล
ทุกๆ วัน (ไม่ใช่เฉพาะวันพระเท่านั้น) ควรที่จะได้เตือนตนเองอยู่เสมอว่า ชีวิตอาจจะอยู่ไม่ถึงพรุ่งนี้ก็ได้ อาจจะสิ้นชีวิตก่อนถึงวันพรุ่งนี้ก็ได้ มีโอกาสที่จะฟังพระธรรม ก็ควรรีบฟัง รีบสะสมปัญญาในทันที มีโอกาสที่จะได้สะสมกุศล ก็สะสมทันที เจริญทันที เป็นการเติมกุศลทุกๆ วัน เพื่อชำระล้างอกุศล เพราะถ้าไม่คอยเติมกุศลแล้ว ก็ย่อมเป็นเหตุให้อกุศลเพิ่มพูนเรื่อยๆ
ทุกครั้งที่ได้ฟังพระธรรม ย่อมเกิดประโยชน์ ความรู้ความเข้าใจ ก็จะค่อยๆ เจริญขึ้น เพิ่มขึ้น บุคคลผู้มีโอกาสได้ฟัง ได้ศึกษาและมีความเข้าใจไปตามลำดับเท่านั้น ที่จะเป็นอย่างนี้ได้ กล่าวคือ ได้รับประโยชน์จากพระธรรม อย่างแท้จริง เพราะฉะนั้น จึงสำคัญที่การมีโอกาสได้ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมที่เป็นพระธรรมคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงจริงๆ ที่จะเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูลต่อความเข้าใจถูกเห็นถูก เกื้อกูลต่อความเจริญขึ้นของกุศลธรรม ซึ่งเป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย แต่ถ้าไปฟังอย่างอื่น ไปฟังคำสอนของคนอื่น ที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ เป็นความเห็นผิดทั้งหลาย นั้น ไม่มีทางที่จะทำให้ปัญญาเจริญขึ้นได้เลย มีแต่จะเพิ่มความไม่รู้ ความติดข้อง และความเห็นผิดให้มากขึ้น ครับ
ที่มา .. คลิกที่นี่
