สีลัพพตประมาสกายคันถะ
เรียนอาจารย์ทั้งสองท่าน
"สีลัพพตประมาสกายคันถะ" สีลัพพตประมาส กระผมพอเข้าใจ แต่ "กายคันถะ" หมายความว่าอย่างไรครับ ขอความอนุเคราะห์ด้วยครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สีลัพพตปรามาส คือ ความยึดถือ ด้วยข้อวัตรปฏิบัติที่ผิด ที่สำคัญว่า ข้อปฏิบัติ-วัตรนั้นจะทำให้ถึงความบริสุทธิ์ครับ สีลัพพตปรามาส โดยองค์ธรรม ก็คือ ความเห็นผิดนั่นเอง คือ ทิฏฐิเจตสิก สีลัพพตปรามาส เป็นความเห็นผิด-ที่ยึดถือ-ลูบคลำในข้อวัตรปฏิบัติ
คันถะ เป็นกิเลสที่ร้อยรัด หรือ รึงรัดหมู่สัตว์ ไว้ไม่ให้ออกไปจากวัฏฏะ สำหรับ อิทังสัจจาภินิเวสกายคันถะ เป็นหนึ่งในคันถะ ๔ อย่าง (อภิชฌากายคันถะ กิเลสเป็นเครื่องร้อยรัด รึงรัดหมู่สัตว์ไว้ คือ โลภะ ๑ พยาปาทกายคันถะ กิเลสเป็นเครื่องร้อยรัด รึงรัดหมู่สัตว์ไว้ คือ พยาบาท ปองร้าย โกรธ ไม่พอใจ ซึ่งเป็นลักษณะของโทสะ ๑ สีลัพพตปรามาสกายคันถะ กิเลสเป็นเครื่องร้อยรัด รึงรัดหมู่สัตว์ไว้ คือ การลูบคลำยึดมั่น ถือมั่นในข้อวัตรปฏิบัติที่ผิด ๑ และ อิทังสัจจาภินิเวสกายคันถะ กิเลสเป็นเครื่องร้อยรัด รึงรัดหมู่สัตว์ไว้ คือ ความเห็นผิดว่าสิ่งนี้เท่านั้นจริง สิ่งอื่นเปล่า ๑)
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ธรรม เป็นสิ่งที่มีจริง ไม่ว่าจะกล่าวถึงอะไร ก็ไม่พ้นไปจากสภาพธรรมที่มีจริงเลยไม่ว่าจะเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส ติดข้อง โกรธ เป็นต้น รวมไปถึงความเห็นผิดที่ลูบคลำยึดถือในข้อวัตรปฏิบัติที่ผิด (ทิฏฐิเจตสิก) ก็เป็นธรรมที่มีจริง เวลาเกิดก็เกิดร่วมกับจิตที่เป็นอกุศลประเภทโลภมูลจิตที่มีความเห็นผิดเกิดร่วมด้วย นี่คือความเป็นจริงของสภาพธรรมที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ซึ่งตราบใดที่ยังไม่ได้ดับความเห็ดผิดได้อย่างเด็ดขาด ก็ยังมีเหตุปัจจัยทำให้ความเห็นผิดประเภทนี้เกิดขึ้นได้ ตามความเป็นจริงแล้วก็เป็นความเกิดขึ้นเป็นไปของอกุศล ซึ่งจะต้องเข้าใจว่า ขณะที่อกุศลเกิดขึ้น กุศลจะเกิดขึ้นไม่ได้ แต่ถ้าเป็นกุศลจิตเกิดขึ้น จะเป็นกุศลที่ประกอบด้วยปัญญาหรือไม่ประกอบด้วยปัญญาก็ตาม ขณะนั้นอกุศลก็เกิดไม่ได้ ความเห็นผิดก็เกิดไม่ได้ในขณะนั้น
จากที่เคยเป็นอกุศลมากๆ ถ้าหากว่าไม่อาศัยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงเลย ก็ไม่มีทางที่จะมีความเข้าใจถูกเห็นถูกแล้วละคลายความเห็นผิดได้ แต่ถ้าได้ฟังพระธรรม สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูก ก็สามารถขัดเกลาละคลายความเห็นผิดและความไม่รู้ได้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าในสมัยพุทธกาล ผู้ที่เคยมีความเห็นผิดมาก่อน เคยยึดถือลูบคลำในข้อวัตรปฏิบัติที่ผิด แต่พอเหตุปัจจัยพร้อมได้ฟังพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เกิดความเข้าใจถูกเห็นถูกเป็นปัญญาของตนเอง ก็สามารถขัดเกลาละคลาย จนกระทั่งสามารถดับความเห็นผิดได้ ถึงความเป็นพระโสดาบัน ตลอดจนถึงสามารถดับกิเลสทั้งหลายทั้งปวงได้อย่างหมดสิ้น ถึงความเป็นพระอรหันต์ได้ ซึ่งจะมีเหตุที่สำคัญ คือ การฟังพระธรรม อบรมเจริญปัญญา นี้คือ คุณของพระธรรม ครับ
ขอเชิญคลิกฟังคำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ได้ที่นี่ครับ
... ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ ...
ความเห็นผิด แล้วพาไปผิดๆ ก็เสียวสันหลังวาบ แต่โดยมากไม่เข้าใจ แล้วกระทำผิดๆ ไป จึงนำสัตว์ไปในที่ต่างๆ ทุกข์ โศกเศร้าอยู่รำ่ไป
สาธุ
กายคันถะ เป็นชื่อของอกุศล หรือ กิเลส คือประกอบไว้ในสังสารวัฏฏ์ ทำให้เวียนว่ายตายเกิด จนกว่าจะเจริญอริยมรรคมีองค์แปดจึงจะเป็นหนทางพ้นทุกข์ค่ะ