ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๙๑

 
khampan.a
วันที่  19 เม.ย. 2558
หมายเลข  26467
อ่าน  2,861

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรม จากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจสั้นๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย เพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ถึงแม้ว่าจะเป็นข้อความที่สั้น แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์อยู่ในตัว ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๙๑

คนที่จะอบรมเจริญปัญญาเพื่อที่จะดับกิเลส ถ้ามีการคบหาสมาคม หรือว่ามีความประมาทในอกุศล ก็อาจจะไม่รู้สึกว่า การพิจารณาธรรมเริ่มไม่ตรง จะมีความโน้มเอียงไปสู่ทางผิด โดยไม่รู้สึกตัวเลย เพราะเหตุว่าการโน้มเอียงไปสู่ความเห็นผิด ไม่ใช่จะปรากฏในชาตินั้นก็ได้ การคบหาสมาคมแต่ละชาติๆ ก็มีโอกาสที่จะเป็นสังขารขันธ์ที่ปรุงแต่งที่จะทำให้ความโน้มเอียงไปในความเห็นผิด ปรากฏขึ้นในชาติหนึ่งชาติใด ซึ่งไม่ใช่ในปัจจุบันชาตินี้ก็ได้

ทุกสิ่งทุกอย่างควรที่จะได้พิจารณาว่า กุศลอยู่ที่จิต ไม่ใช่อยู่ที่ความประพฤติทางกาย ทางวาจาที่เห็นภายนอก ถ้าเห็นใครไม่พูดกับใคร ไม่ทักทายใคร แล้วก็จะบอกว่าเป็นกุศล หรือจะบอกว่าเป็นอกุศล เป็นสิ่งที่สามารถจะรู้ได้ไหม? เพราะเหตุว่าตามความเป็นจริงผู้ที่อบรมเจริญปัญญา ควรที่จะได้พิจารณาว่า กุศลอยู่ที่จิตใจ ไม่ใช่อยู่เพียงการกระทำภายนอก แต่ส่วนใหญ่ก็มักจะคิดแต่เรื่องการกระทำภายนอกว่าเป็นกุศล หรือเป็นอกุศล แทนที่จะคิดถึงสภาพของจิต

กุศลคือขณะที่จิตสงบจากโลภะ โทสะ โมหะ ขณะนั้นจึงเป็นกุศล ก็จะมีความสงบเพิ่มขึ้นในการกุศลที่ทำ

ถ้าทุกคนในขณะนี้ จะพิจารณาสภาพธรรมตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงโดยถอดความเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตนออกจากสภาพธรรมทั้งหลายที่กำลังปรากฏ ก็ย่อมจะพิจารณารู้ได้ว่า ที่เคยยึดถือว่าเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตน วัตถุสิ่งต่างๆ นั้นก็เป็นการเกิดดับสืบต่อกันของจิต เจตสิก รูป ซึ่งเป็นไปโดยไม่ขาดสายนั่นเอง ไม่ว่าจะทางตาที่กำลังเห็น ทางหูที่กำลังได้ยิน หรือว่าทางใจที่กำลังคิดนึก

ถ้าจะพิจารณาสภาพปรมัตถธรรม โดยที่ไม่คิดถึงเรื่องราว ไม่คิดถึงสัตว์ บุคคล ก็จะเห็นได้ว่า ทุกข์จริงๆ ก็คือทุกขเวทนาเจตสิกที่เกิดร่วมกับกายวิญญาณ อกุศลวิบากดวงเดียวเท่านั้น นอกจากนั้นแล้วก็เป็นทุกข์ที่เกิดจากกิเลส ถ้าผู้ใดดับกิเลสแล้ว ทุกข์ที่เกิดจากกิเลส ไม่มี แต่ว่าทุกขเวทนาที่เกิดกับอกุศลวิบากกายวิญญาณยังมีอยู่

เวลาที่ทุกข์ทางกายเกิดขึ้น เจ็บปวดทรมาน เหมือนกับการยิงลูกศรที่หนึ่งไป แต่ว่ายังไม่พอ โทมนัส ความกังวล ความเดือดร้อนใจ ก็อุปมาเหมือนกับยิงลูกศรซ้ำไปที่เก่าอีกดอกหนึ่ง เพิ่มความทุกข์ทรมานขึ้นอีกสักแค่ไหน

ความรู้สึกกังวล ความไม่รู้สึกไม่แช่มชื่น ความรู้สึกขัดเคืองทั้งหมดเป็นโทสมูลจิต ซึ่งอกุศลจิต เป็นทุกข์ใจ เป็นทุกข์ที่เกิดเพราะกิเลส คือ โทสะและอวิชชา ไม่ใช่เป็นกายวิญญาณซึ่งเป็นวิบากจิต

เวลาที่ท่านผู้ฟังได้ศึกษาพระธรรม และมีความเข้าใจ มีศรัทธาปสาทะ มีความรู้สึกซาบซึ้ง ในขณะนั้นก็จะเห็นได้ว่า พระธรรมรส ประเสริฐกว่ารสทั้งปวง

ทุกคนได้รสอาหารอยู่ทุกวัน แม้แต่จะเป็นรสที่ประณีตถึงขั้นอาหารทิพย์ของเทวดาก็ตาม แต่กระนั้นก็ยังเป็นปัจจัยให้สัตว์ตกไปในสังสารวัฏฏ์

ไม่ว่าจะเป็นกุศลประเภทใดทั้งสิ้น สามารถที่จะอุทิศได้ หรือว่าผู้อื่นก็สามารถจะอนุโมทนาได้

การที่จะได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม ไม่ใช่เพียงได้ฟังพระธรรมในชาติหนึ่ง แล้วสติเกิดระลึกลักษณะของสภาพธรรมบ้างเล็กๆ น้อยๆ แต่จะต้องมากมายหลายชาติทีเดียว

สิ่งใดเกิด สิ่งนั้นต้องดับไป

มีใครพ้นจากชาติไหม ถ้าไม่ใช่พระอรหันต์ เมื่อมีชาติแล้ว ต้องมีชรา ต้องมีมรณะ และต้องมีความเร่าร้อนจากทุกข์ใจและทุกข์กาย

เวลาที่มีทุกขเวทนาเกิด แล้วเป็นทุกข์เดือดร้อนใจ ให้ทราบได้ว่า เพิ่มทุกข์ให้กับตนเอง เหมือนกับถูกลูกศรดอกที่หนึ่งทางกาย แล้วก็ยังไม่พอ ยังจะต้องถูกยิงด้วยลูกศรดอกที่สอง ที่แผลเก่านั้นอีกซ้ำลงไป เพราะฉะนั้น ทุกขเวทนาก็ต้องเพิ่มขึ้น เพราะนอกจากทุกข์กายแล้วก็ยังมีทุกข์ใจด้วย ถ้ารู้อย่างนี้ จะทุกข์ใจน้อยลงไหม ไม่ว่าจะได้รับอกุศลวิบากทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น หรือทางกาย? แต่ถ้าไม่รู้ วันหนึ่งๆ ทุกข์ใจมากเหลือเกิน เพิ่มขึ้นมาอีก

เมตตา เป็นกุศลที่เจริญไม่ยาก ไม่ต้องไปแสวงหาวัตถุใดๆ มา เพียงแต่พร้อมที่จะเป็นเพื่อนกับทุกคน ในขณะนั้นก็เป็นการอบรมเจริญเมตตาแล้ว แล้วก็จะสังเกตได้ว่า ใจจริงๆ เป็นอย่างนั้นหรือเปล่า

ควรที่จะคิดถึงว่า อกุศลมากจนเกินกว่าที่จะดับได้อย่างรวดเร็ว เพราะฉะนั้นก็จะต้องอบรมเจริญกุศลทุกประการ เพื่อที่จะละอกุศลนั้นได้เป็นสมุจเฉท (ถอนขึ้นได้อย่างเด็ดขาด) ในวันหนึ่ง

ถ้ารู้ตัวเองว่า "กุศลใดๆ ที่ทำ ยังไม่พอ ยังน้อยเหลือเกิน เมื่อเทียบกับอกุศล" ก็จะเป็นกำลังใจที่จะทำให้มีศรัทธาที่จะทำกุศลมั่นคงขึ้น

ชอบ ไม่ใช่ เห็น

ชอบ ไม่ใช่ จิต

ชอบเป็นเจตสิก (โลภเจตสิก ความติดข้องต้องการ)

ปัญญา ไม่นำพาไปในทางที่ผิด

สภาพธรรมแสดงความเป็นอนัตตาอยู่ตลอด แต่อวิชชา ไม่รู้

อาศัยอะไรจึงจะรู้ธรรมได้? ฟังพระพุทธพจน์ ไม่ใช่ฟังคำของคนอื่น

ฟังพระธรรมต่อไป ฟังพระธรรมต่อไป

ผู้ที่ไม่เรียนปริยัติ ที่จะพ้นจากทุกข์ ไม่มี.

สรุปตอนท้ายของการสนทนาเรื่องปฏิบัติธรรม

ที่มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา

วันอาทิตย์ที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๕๘

มาที่ มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา เพื่อปฏิบัติใช่ไหม?

มาที่มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา ไม่ใช่มาเพื่อปฏิบัติ เพราะมีใครบังคับสติได้ว่ามาที่นี่เพื่อปฏิบัติ ไม่มีใครบังคับได้ แต่มาเพื่อที่จะได้ฟัง ได้ศึกษาพระปริยัติ คือพระธรรมคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เกิดปัญญาความเข้าใจถูกเห็นถูก และปัญญาก็จะค่อยๆ สะสมไปๆ

แต่ถ้าถามว่า ถ้ามีความเข้าใจถูกในขั้นการฟังอย่างมั่นคง แล้ว ปฏิปัตติ เกิดได้ไหม? เกิดได้ แต่ไม่ใช่มาที่่นี่เพื่อปฏิบัติ ถ้ามีความเข้าใจถูกเห็นถูก มีความเข้าใจอย่างมั่นคงในการฟัง พระปริยัติก็จะนำไปสู่ปฏิปัตติ และ ปฏิเวธ (การแทงตลอดสภาพธรรมตามความเป็นจริง) ได้ ซึ่งเป็นปัญญาคนละระดับกัน ปริยัติ ไม่ใช่ ปฏิปัตติ".

[กราบขอบพระคุณอาจารย์อรรณพ หอมจันทร์ เป็นอย่างยิ่ง ครับ]

ขอเชิญผู้ศึกษาพระธรรมร่วมกัน (สหายธรรม) ร่วมแบ่งปันธรรมด้วยครับ

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ


ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๙๐

... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paew_int
วันที่ 19 เม.ย. 2558

อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
swanjariya
วันที่ 19 เม.ย. 2558

กราบอนุโมทนาขอบพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ด้วยความเคารพอย่างยิ่ง

กราบอนุโมทนาขอบพระคุณท่านอาจารย์อรรณพ หอมจันทร์

ท่านอาจารย์คำปั่น อักษรวิลัย และคณะวิทยากรของมูลนิธิและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกท่าน

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
Boonyavee
วันที่ 19 เม.ย. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ขอกราบอนุโมทนาในกุศลวิริยะ ของอ. คำปั่น อักษรวิลัย เป็นอย่างยิ่งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ผู้มีความประมาท
วันที่ 19 เม.ย. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
thilda
วันที่ 19 เม.ย. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 19 เม.ย. 2558

"...มาที่มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา ไม่ใช่มาเพื่อปฏิบัติ

เพราะมีใครบังคับสติได้ ว่ามาที่นี่เพื่อปฏิบัติ

ไม่มีใครบังคับได้!!!

แต่มา

เพื่อที่จะได้ฟัง ได้ศึกษาพระปริยัติ คือพระธรรมคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง

เกิดปัญญาความเข้าใจถูกเห็นถูก และปัญญาก็จะค่อยๆ สะสมไปๆ "

ผศ.อรรณพ หอมจันทร์

สนทนาธรรม ณ มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา

๑๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๘

.........

กราบท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

ผศ.อรรณพ หอมจันทร์

ขอบพระคุณ และ ขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของ อ.คำปั่น อักษรวิลัย ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ใหญ่ราชบุรี
วันที่ 19 เม.ย. 2558

สาธุ อนุโมทนา และขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ms.pimpaka
วันที่ 19 เม.ย. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
Kraisorn
วันที่ 20 เม.ย. 2558

อนุโมทนาสาธุครับ ขออนุญาตแชร์แบ่งปันให้มวลมิตรด้วยนะครับผม

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
orawan.c
วันที่ 20 เม.ย. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
ธุลีพุทธบาท
วันที่ 20 เม.ย. 2558

กราบเท้าบูชาพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพอย่างสูงยิ่ง

กราบขอบพระคุณและอนุโมทนา ผศ.อรรณพ หอมจันทร์

และอาจารย์คำปั่น อักษรวิลัย ครับ.

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
j.jim
วันที่ 20 เม.ย. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
siraya
วันที่ 20 เม.ย. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
jaturong
วันที่ 20 เม.ย. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
เมตตา
วันที่ 20 เม.ย. 2558

มาที่มูลนิธิเพื่อฟังให้เกิดความเข้าใจถูกเห็นถูกในพระธรรม ธรรมคือสิ่งที่มีจริงๆ ฟังเพื่อให้รอบรู้ในปริยัติ รอบรู้ในพระพุทธพจน์ รอบรู้สิ่งที่มีจริงๆ มั่นคงในสิ่งที่กำลังปรากฏ มั่นคงในหนทางการอบรมเจริญปัญาเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก ซึ่งเป็นปัจจัยให้สติระลึกรู้ลักษณะสภาพธรรมตรงตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นธรรมปฏิบัติธรรม ไม่มีเราที่จะปฏิบัติ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงหนทางเดียวเท่านั้นคือ การอบรมอริยมรรคมีองค์ ๘

กราบเท้าบูชาพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพอย่างสูงยิ่ง

กราบอนุโมทนา ผศ.อรรณพ หอมจันทร์

ขอบพระคุณ และ ขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของ อ.คำปั่น อักษรวิลัยค่ัวยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
pulit
วันที่ 20 เม.ย. 2558

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลวิริยะ กุศลศรัทธาของ อ.คำปั่น อักษรวิลัย และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
kullawat
วันที่ 21 เม.ย. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
นิตยา
วันที่ 22 เม.ย. 2558

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
peem
วันที่ 22 เม.ย. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 20  
 
tusaneenui
วันที่ 23 เม.ย. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 21  
 
ch.
วันที่ 25 เม.ย. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ