ความเข้าใจว่า
ความเข้าใจว่า "เป็นแต่เพียงธรรม ไม่ใช่เรา" เกี่ยวเนื่องไปสู่ความรู้แจ้งในอริยสัจจ์ 4 อย่างไร ขอบพระคุณครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ความหมายของอริยสัจจะ
1. ความจริงที่ประเสริฐ ชื่อว่า อริยสัจจะ
2. พระอริยะทั้งหลาย ย่อมแทงตลอดอริยสัจจะเหล่านี้ เพราะฉะนั้น เราจึงเรียกว่า อริยสัจจะ
3. ธรรมที่ทำให้ถึงความเป็น พระอริยะ ชื่อ อริยสัจ
4. ที่ชื่อว่า อริยสัจ เพราะอรรถว่า เป็นสัจจะของพระอริยะดังนี้บ้าง
5. ที่ชื่อว่า อริยสัจ เพราะความที่อริยสัจจะเหล่านั้น อันพระอริยะตรัสรู้แล้วบ้าง
ดังนั้น การเข้าใจถูกว่าเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา จึงเป็นอริยสัจจะ ด้วยเหตุที่ว่าเป็นคำจริง เป็นสัจจะความจริง เพราะความจริงเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา และ พระอริยะทั้งหลาย ย่อมแทงตลอดความจริงเช่นนี้ ว่าเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา ก็เป็นอริยสัจจะเช่นกัน และ การเข้าใจถูกว่าเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา เป็นปัญญาที่รู้ความจริง จึงเป็นอริยสัจจะ ที่เป็น มรรคสัจจะ หนทางการดับกิเลสด้วยเช่นกัน ครับ นี่คือความเกี่ยวข้องกันของอริยสัจจะ และ การเข้าใจถูกว่าเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา ครับ
ซึ่งการเข้าใจถูกว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ย่อมเป็นการเข้าใจความจริงอันประเสริฐอันเป็นความรู้ที่แท้จริงในอริยสัจจะ ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ความเข้าใจถูก เป็นประโยชน์ตั้งแต่ในขั้นการฟัง กล่าวได้ว่าปัญญา ความเข้าใจถูกเห็นถูกเป็นประโยชน์เกื้อกูล ทุกระดับขั้น ถ้าไม่ฟังพระธรรม จะมีความเข้าใจถูกได้ไหมว่ามีแต่ธรรมเท่านั้นที่เกิดขึ้นทำหน้าที่ ไม่มีสัตว์บุคคลตัวตน ทุกขณะของชีวิต แต่สภาพธรรมเท่านั้นที่กำลังเป็นของจริงที่ปรากฏ เคยคิดว่าเป็นเรา เป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นวัตถุ เป็นสิ่งต่างๆ แต่ว่าตามความเป็นจริงแล้ว ล้วนเป็นสภาพธรรมแต่ละอย่างทั้งหมดที่กำลังปรากฏ และสภาพธรรมนั้นมี ๒ ประเภท คือสภาพธรรมที่สามารถรู้อารมณ์ คือ จิต และ เจตสิก กับธรรมที่ไม่รู้อะไรเลย ได้แก่ รูปธรรม ความไม่รู้ได้สะสมมาอย่างเนิ่นนานในสังสารวัฏฏ์ ที่จะเข้าใจถูกตรงตามความเป็นจริงของสภาพธรรม จึงเป็นเรื่องของปัญญาที่จะต้องค่อยๆ เกิดขึ้น ค่อยๆ อบรมขึ้น เมื่อเห็นประโยชน์ของการฟังพระธรรม เห็นประโยชน์ของการได้เข้าใจความจริง ไม่ขาดการฟังพระธรรม ซึ่งจะต้องอาศัยกาลเวลาที่ยาวนานในการอบรมเจริญปัญญา เมื่อเห็นประโยชน์ของพระธรรม ฟังพระธรรมต่อไปๆ ความเข้าใจก็จะค่อยๆ เจริญขึ้นจนกว่าจะถึงความสมบูรณ์พร้อมในที่สุด เมื่อนั้นก็สามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ดับกิเลสตามลำดับขั้นได้ ทั้งหมดเป็นเรื่องของปัญญา ที่จะต้องค่อยๆ อบรมเจริญขึ้นไปตามลำดับ ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺสฺส ฯ
(ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น)
----------
สภาพธรรมที่ขึ้นและดับไปทุกอย่าง เป็นแต่เพียงธรรม ไม่ใช่เรา เป็น "ทุกขอริยสัจจะ"
"โลภะ" ความยินดี ติดข้อง พอใจ ในสิ่งที่ เป็นแต่เพียงธรรม ไม่ใช่เรา เป็น "สมุทัยอริยสัจจ์"
ปัญญาที่ประจักษ์แจ้งสภาพธรรมที่ เป็นแต่เพียงธรรม ไม่ใช่เราไปตามลำดับ
ย่อมถึงการตรัสรู้ธรรมที่ดับทุกข์ ดับกิเลส คือ "พระนิพพาน"
เป็น "นิโรธอริยสัจจ์"
หนทางอบรมเจริญปัญญา เพื่อรู้ความจริงของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ
ตามพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ว่า เป็นแต่เพียงธรรม ไม่ใช่เรา
เป็น "ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจจ์ "
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
ด้วยเหตุนี้ ความเข้าใจว่า "เป็นแต่เพียงธรรม ไม่ใช่เรา"
จึงเป็นปัญญาที่เกี่ยวเนื่องไปสู่ความรู้แจ้งใน "อริยสัจจ์ ๔"
ขอกราบนมัสการอย่างสูงสุดแด่พระรัตนตรัย
กราบขอบพระคุณและอนุโมทนาอาจารย์ทั้งสองท่านเป็นอย่างยิ่ง ครับ.
----------
.ขณะอย่าได้ล่วงเลยท่านทั้งหลายไปเสีย.
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาอาจารย์ทั้งสองท่านและคุณธุลีพุทธบาทค่ะ
ประโยคสั้นๆ อย่างนี้ ถ้ากิเลสยังหนาแน่น เป็นตัวตน ก็ไม่มีทางเข้าใจคำจริงนี้ได้ นี่คือพระปัญญาธิคุณ พระมหากรุณาคุณ และพระบริสุทธิคุณ ต่อสัตว์
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
อาจกล่าวได้ว่า ข้อความว่า "เป็นแต่เพียงธรรม ไม่ใช่เรา" ในภาษาบาลีคือ "สัพเพ ธัมมา อนัตตา" ดังนั้น "ความเข้าใจถูกว่า เป็นแต่เพียงธรรม ไม่ใช่เรา" ก็คือ สัมมาทิฏฐิ ในมรรคอริยสัจ ส่วนการอบรมโดยการฟังเพื่อให้เกิดความเข้าใจถูก ก็เป็นส่วนหนึ่งในมรรคอริยสัจ เช่น สัมมาวายามะ
..ดังนั้น การอบรมเพื่อให้เกิดความเข้าใจถูกว่า เป็นแต่เพียงธรรม ไม่ใช่เรา จึงเป็นมรรค ซึ่งเจริญโดยการอบรม (อริยสัจจ์ที่หนึ่งเจริญโดยการรอบรู้ อริยสัจจ์ที่สองเจริญด้วยการละ อริยสัจจ์ที่สามเจริญโดยการทำให้แจ้ง อริยสัจจ์ที่สี่เจริญโดยการอบรม...อริยสัจจ์)
ขอขอบพระคุณ