ฐานะและอฐานะ
เรียนอาจารย์ทั้งสองท่าน
"ฐานะและอฐานะ" ขอความอนุเคราะห์อาจารย์ช่วยกรุณาให้คำอธิบายในคำทั้งสองนี้ด้วยครับ ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ฐานะ คือ เหตุที่จะมีได้เป็นไปได้ อฐานะ คือ ไม่ใช่เหตุ ไม่ใช่จะเกิดขึ้นได้ครับ
ยกตัวอย่าง ครับ
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 172
วรรคที่ ๓ ว่าด้วยฐานะและอฐานะ
[๑๗๐] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ข้อที่วิบากอันไม่น่าปรารถนา ไม่น่าใคร่ ไม่น่าพอใจ แห่งกายสุจริตจะพึงเกิดขึ้นนั้น มิใช่ฐานะ มิใช่โอกาสที่จะมีได้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แต่ข้อที่วิบากอันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ แห่งกายสุจริตจะพึงเกิดขึ้นนั้น เป็นฐานะที่จะมีได้.
[๑๗๑] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ข้อที่วิบากอันไม่น่าปรารถนา
ทุกครั้งที่ได้ฟังพระธรรม ย่อมเกิดประโยชน์ ความรู้ความเข้าใจ ก็จะค่อยๆ เจริญขึ้น เพิ่มขึ้น บุคคลผู้มีโอกาสได้ฟัง ได้ศึกษาและมีความเข้าใจไปตามลำดับเท่านั้น ที่จะเป็นอย่างนี้ได้ กล่าวคือ ได้รับประโยชน์จากพระธรรม อย่างแท้จริง เพราะฉะนั้น จึงสำคัญที่การมีโอกาสได้ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมที่เป็นพระธรรมคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงจริงๆ ที่จะเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูลต่อความเข้าใจถูกเห็นถูก เกื้อกูลต่อความเจริญขึ้นของกุศลธรรม ซึ่งเป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย แต่ถ้าไปฟังอย่างอื่น ไปฟังคำสอนของคนอื่น ที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ เป็นความเห็นผิดทั้งหลายนั้น ไม่มีทางที่จะทำให้ปัญญาเจริญขึ้นได้เลย มีแต่จะเพิ่มความไม่รู้ ความติดข้องและความเห็นผิดให้มากขึ้น ขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอเชิญคลิกศึกษาเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ
ถอดคำบรรยายธรรม 09947 “ ฐานะ อฐานะ “ (05.38 น.)
ธรรม เป็นเรื่องที่ละเอียด ลึกซึ้ง ทั้งหมดทั้งปวง แสดงถึงความเป็นจริงของชีวิตแต่ละขณะ เพราะเหตุว่าชีวิตแต่ละขณะ เป็นธรรม ไม่พ้นไปจากธรรม ไม่พ้นไปจากนามธรรม รูปธรรม เพราะฉะนั้นแล้ว จึงเป็นไปไม่ได้ (ไม่อยู่ในฐานะที่จะเป็นไปได้) สำหรับผู้ที่ไม่ได้ฟังพระธรรม ไม่ศึกษาพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง เลย แล้วจะเกิดปัญญา เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน แต่เป็นไปได้ที่ผู้ที่ได้ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมบ่อยๆ เนืองๆ ไม่ขาดการพิจารณาไตร่ตรองพระธรรม ที่ได้ยินได้ฟังมาแล้ว ความเข้าใจถูก เห็นถูก จะค่อยๆ เจริญขึ้นไปตามลำดับ นี้เป็นฐานะที่จะเป็นไปได้ ซึ่งก็เป็นความเข้าใจพระธรรม ตามกำลังปัญญาของแต่ละบุคคล นั่นเอง จึงควรอย่างยิ่งที่จะเห็นประโยชน์สูงสุดของปัญญา ที่สามารถเริ่มอบรมเจริญได้ในชีวิตประจำวันโดยไม่ขาดการฟังพระธรรม ครับ.
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
หากขาดซึ่งการฟังพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระกรุณาแสดง จะไม่อยู่ในฐานะที่จะทำให้เข้าใจสัจจธรรม จะเป็นการคิดเองเสียส่วนมาก คนที่คิดก็มีมากมายหลายคน บ้างคิดเพราะหวังลาภสักการะ ทรัพย์ สรรเสริญ สุข มีใครบ้างที่จะสอนให้ละทุกสิ่ง เพราะเป็นอนัตตา หวังแม้พระนิพพาน อ้างตนเป็นพระอรหันต์ ขณะที่อ้างตนก็ไม่รู้ว่ามีความเป็นตัวตนมากมายแล้วนี่หรือถึงพระนิพพาน
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การที่ตถาคตรู้ชัดซึ่งฐานะโดยเป็นฐานะ และอฐานะโดยเป็นอฐานะ ตามเป็นจริง นี้เป็นกำลังของตถาคต ที่ตถาคตอาศัยปฏิญาณฐานะของฐานะที่องอาจ บันลือสีหนาทประกาศพรหมจักรในบริษัท.
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต [เล่มที่ 38]
ปฐมปัณณาสก์ มหาวรรคที่ ๓
๑. สีหสูตร ว่าด้วยกําลังของพระตถาคต ๑๐ ประการ
กราบนอบน้อมพระรัตนตรัยด้วยเศียรเกล้า
กราบเท้าบูชาพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง
กราบขอบพระคุณยินดีในกุศลธรรมทานทุกท่านค่ะ