อาชีพขายตรง อาชีพเสริมสวย อาชีพขายเครื่องราง
เคยอ่านตาลปุตตสูตร ก็เลยสงสัยว่า หากว่าเป็นอาชีพขายตรง ที่ชักชวนคนมาทำธุรกิจ กระตุ้นให้เค้าเกิดความฝัน และจุดมุ่งหมายที่อยากจะมีเงินเยอะๆ มีทรัพย์สมบัติเยอะๆ ขึ้นชื่อว่าสำเร็จ อาชีพเสริม สวยหรือขายเครื่องสำอาง ที่ช่วยทำให้คนอื่นรักและหวงแหนร่างกายมากคอยจะให้รูป ลักษณ์สวยงามตลอด หมกมุ่นกับการทำให้ร่างกายสวยงาม และอาชีพขายเครื่องราง ต่างๆ เช่น ขายอัญมณีเสริมดวง ขายพวกเครื่องรางฮวงจุ้ยต่างๆ ทำให้ถือมงคลนำวัตถุ เหล่านี้มายึดเหนี่ยวจิตใจ อาชีพเหล่านี้ เป็นลักษณะแบบเดียวกับอาชีพในตาลปุตตสูตร หรือเปล่าคะ คือกระตุ้น ตัณหาราคะและความเห็นผิดให้คนอื่น ผลกรรมหนัก เท่าอาชีพในตาลปุตตสูตรมั้ยคะ ขออนุญาตถามค่ะ
การประกอบอาชีพทั่วไปที่ไม่ขัดกับศีล ๕ เช่นการกระทำอาหารที่อร่อยๆ การผลิตเสื้อผ้าของใช้ของประดับของตกแต่งที่สวยๆ เครื่องสำอาง เป็นต้น ประเภทต่างๆ ที่ดี และสวยงาม ล้วนแต่เป็มสัมมาอาชีพ เพราะไม่ขัดกับศีลและไม่เบียดเบียนผู้อื่นย่อมไม่ มีโทษแต่ประการใดและไม่ใช่การกระตุ้นตัณหาของผู้อื่น ส่วนบางอาชีพที่กล่าวถึง เช่น ขายอัญญมณีเสริมดวง เป็นต้น ถ้าหากมีความเชื่ออย่างนั้นจริงๆ และแนะนำผู้อื่น ให้เชื่อตามย่อมมีโทษ เพราะจะทำให้ห่างไกลจากสัมมาทิฏฐิมากยิ่งขึ้น ถ้าเป็นอุบาสก อุบาสิกาผู้มั่นคงในเรื่องของกรรมไม่ควรกระทำอาชีพที่สนับสนุนมงคลตื่นข่าวและการ ระทำที่ทำให้ผู้อื่นเชื่อในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
อาชีพใดก็ตาม ที่ทำให้เกิดความเห็นผิดที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ ทำให้มีความเห็นที่ คลาดเคลื่อนจากควาามเข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง นอกจากมีโทษมาก แล้ว ยังทำให้ตัวเองห่างไกล จากความเข้าใจพระธรรม ไม่มีศรัทธาในพระรัตนตรัย ยิ่งทำให้ผู้คนเป็นจำนวนมาก หลงเชื่อในความเห็นผิดนั้นด้วย ยิ่งมีโทษมากมายอย่าง นับประมาณมิได้ เฉกเช่น ครูทั้ง ๖ ในครั้งพุทธกาลที่สั่งสอนความเห็นผิด ทำให้ตัว เอง และผู้หลงเชื่อ ตกนรกเป็นจำนวนมาก
อาชีพที่อุบาสกอุบาสิกาไม่ควรทำ ๕ ข้อ
1. ค้าขายศัสตรา
2. ค้าขายมนุษย์
3. ค้าขายเนื้อสัตว์ (เลี้ยงเป็ด ไก่ หมู ไว้เพื่อฆ่าขาย)
4. ค้าขายน้ำเมา
5. ค้าขายยาพิษ
บุญ และบาป อยู่ในชีวิตประจำวัน เพราะเหตุใด เพราะบุญ อยู่ที่จิต บาป อยู่ที่จิต ซึ่งแสดงออกมา ๓ ทาง คือ กาย วาจา ใจ ซึ่งไม่ว่าจะประกอบอาชีพอะไร ก็ไม่พ้น จากการแสดงออกทางกาย วาจา ใจ แม้ประกอบอาชีพที่สุจริต แต่การแสดงออกทาง กาย วาจา ใจเป็นอย่างไร เป็นกุศล หรืออกุศลก็ได้ ดังตัวอย่างอาชีพที่คุณยกมานั้น เราก็สามรถแสดงออกมาทาง กาย วาจา ใจที่ดีได้ เช่น มีจิตหวังประโยชน์กับเขา ทำให้เขามีความสุข ดังนั้นอยู่ที่จิตและเจตนาเป็นสำคัญ เจตนาจะเป็นสิ่งที่บอกได้ว่า เป็นกุศลและอกุศลครับ แต่อาชีพที่ทุจริต ชื่อก็บอกอยู่แล้ว ย่อมเอื้อที่จะล่วงศีลได้ ง่ายกว่าอาชีพสุจริต ดังนั้นอาชีพที่ไม่ควรประกอบ พระพุทธเจ้าจึงทรงแสดงไว้ครับ
ขอเชิญรับฟังเพิ่มเติม ....
ชุด แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 0331
นาทีที่ 19.17 - 23.23
ข้อความบางตอน...
สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค ตาลปุตตสูตร มีข้อความว่า
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวัน กลันทกนิวาปสถานใกล้พระนครราชคฤห์ ครั้งนั้นแล พ่อบ้านนักเต้นรำนามว่า ตาลบุตร เข้าไปเฝ้า พระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์เคยได้ยินคำของนักเต้นรำ ผู้เป็นอาจารย์และปาจารย์ก่อนๆ กล่าวว่า นักเต้นรำคนใด ทำให้คนหัวเราะ รื่นเริง ด้วยคำจริงบ้าง คำเท็จบ้าง ในท่ามกลางสถานเต้นรำ ในท่ามกลางสถานมหรสพ ผู้นั้นเมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาผู้ร่าเริง ในข้อนี้พระผู้มีพระภาคตรัสอย่างไร
ชุด แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 0332
นาทีที่ 00.00 - 07.10
ข้อความบางตอน...
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกร นายคามณี เราห้ามท่านไม่ได้แล้วว่า อย่าเลยนายคามณี ขอพักข้อนี้เสียเถิด ท่านอย่าถามข้อนี้แก่เราเลย แต่เราจักพยากรณ์ให้ท่าน
ดูกร นายคามณี เมื่อก่อนสัตว์ทั้งหลายยังไม่ปราศจากราคะ อันกิเลสเครื่องผูกคือราคะผูกไว้ นักเต้นรำรวบรวมเข้าไว้ซึ่งธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด ในท่ามกลางสถานเต้นรำ ในท่ามกลางสถานมหรสพ แก่สัตว์เหล่านั้นมากยิ่งขึ้น
เมื่อก่อนสัตว์ทั้งหลายยังไม่ปราศจากโทสะ อันกิเลสเครื่องผูกคือโทสะผูกไว้ นักเต้นรำรวบรวมเข้าไว้ซึ่งธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งโทสะ ในท่ามกลางสถานเต้นรำ ในท่ามกลางสถานมหรสพ แก่สัตว์เหล่านั้นมากยิ่งขึ้น