ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๙๙

 
khampan.a
วันที่  14 มิ.ย. 2558
หมายเลข  26634
อ่าน  2,512

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรม จากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจสั้นๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย เพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ถึงแม้ว่าจะเป็นข้อความที่สั้น แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์อยู่ในตัว ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๙๙

@ เวลาที่อกุศลกรรมเกิดขึ้น ทำลายทุกอย่าง การรบราฆ่าฟัน การเบียนเบียด การประทุษร้าย ไม่ว่าจะเป็นด้วยกาย ด้วยวาจา เวลาที่อกุศลกรรมเกิดแล้วย่อมหักประโยชน์ ทำลายทุกอย่าง ถ้ามีทรัพย์สมบัติข้าวของ เวลาโกรธจัดๆ บางคนก็อาจจะทำลายทรัพย์สมบัติข้าวของที่มีอยู่ เพราะฉะนั้น เวลาที่อกุศลกรรมเกิด ทรัพย์สมบัติข้าวของนั้นจะยังเป็นของตนอยู่ได้ไหม ในเมื่ออกุศลกรรมนั้นทำลายสิ่งที่เคยเป็นของของตนแล้ว

@ ผู้ที่ไม่ได้กระทำกุศลกรรมไว้ ก็ย่อมจะต้องผ่านทางทุรกันดารของชีวิตไปด้วยความยากลำบาก

@ กุศลทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นกุศลที่ดูเหมือนว่าจะเล็กน้อยสักเพียงไร ก็จะต้องมีอโลภเจตสิก (ความไม่ติดข้อง) เกิดร่วมด้วย

@ ขณะใดที่ไม่มีโลภะ โทสะ โมหะ ขณะใดที่เป็นไปในทาน ในศีล ในสมถะ (ความสงบของจิต) ในสติปัฏฐาน (ระลึกรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง) ขณะนั้นเป็นกุศล เพราะฉะนั้น พระผู้มีพระภาคจึงได้ทรงแสดงเรื่องของกุศลไว้โดยบท โดยพยัญชนะ โดยธรรมเทศนา หาประมาณมิได้ แม้ในเรื่องของอกุศลก็โดยนัยเดียวกัน

@ บางท่านอาจจะมีมดเกาะ และก็ด้วยความตกใจก็สลัดไปแรงๆ แต่ก็ลืมว่าในขณะที่ตกใจ สลัดไปแรงๆ ลืมระวังว่า การสลัดแรงๆ นั้น ก็จะทำให้มดนั้นไปกระทบกับสิ่งอื่นแล้วก็เจ็บหรือถึงตายได้

@ ขณะใดที่กุศลจิตไม่เกิด ขณะนั้นมืดมัวด้วยโมหะ แต่อาจจะไม่รู้ ใช่ไหม? เพราะสิ่งนั้นก็สวย สิ่งนี้ก็อร่อย แต่ว่าขณะนั้นก็ลืมแล้วว่า กำลังเห็นว่าสวย กำลังเห็นว่าอร่อย ขณะนั้นมืดมัวด้วยโมหะ ไม่รู้ความจริงของนามธรรมและรูปธรรม ซึ่งมีปัจจัยเกิดขึ้นเป็นไปชั่วขณะจิตเดียว แล้วก็ดับไป

@ การแสวงหาธรรม การฟังธรรม หรือว่าพยายามที่จะได้เข้าใจธรรม ย่อมมีมานานแล้ว ไม่ใช่แต่เฉพาะที่ประเทศไทยเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นที่อื่นก็จะต้องมีผู้ที่สนใจใคร่ที่จะเข้าใจความจริงของชีวิต แต่ว่าก็ย่อมแล้วแต่บุญกรรมว่า ท่านผู้ใดมีโอกาสที่จะได้ฟังพระธรรมที่ประกอบด้วยเหตุผล ที่จะเกื้อกูลให้สติปัญญาเจริญขึ้นมากน้อยแค่ไหน

@ จุดประสงค์สำคัญที่ว่า ถ้าผู้ใดรู้ว่า ศึกษาธรรมเพื่อความเข้าใจลักษณะของธรรมที่มีจริงๆ ที่กำลังปรากฏ แล้วจะได้เข้าถึงอรรถที่ว่า สภาพธรรมไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ที่ใช้คำว่า ธรรม ก็แสดงอยู่แล้วว่า ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน เป็นธรรม เพราะฉะนั้น เพียงศัพท์หรือเพียงคำที่ได้ยินคำเดียวว่าธรรม ก็จะต้องเข้าถึงความหมายของธรรม คือ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล

@ การฟังธรรม ไม่ใช่เพื่อลาภ เพื่อยศ เพื่อชื่อเสียง หรือเพื่ออะไรเลยทั้งสิ้น แต่เพื่อมีความเห็นถูกต้อง มีความเข้าใจถูกต้องในสิ่งที่มี ซึ่งไม่สามารถเข้าใจได้ถูกต้องถ้าไม่ได้ฟังพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้และทรงแสดงด้วยพระมหากรุณา

@ ทั้งหมดเป็นธรรมะที่จริงและตรง ไม่มีสักคำเดียวที่ผู้เป็นกัลยาณมิตรสูงสุด คือ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจะให้เกิดโทษและอกุศลกับบุคคลหนึ่งบุคคลใด

@ การฟังธรรม พระผู้มีพระภาคทรงแสดงโดยละเอียดอย่างยิ่งตั้งแต่ขั้นต้นจนถึงขั้นสูงที่สุด เพราะรู้ว่า จากต้นจนกระทั่งถึงสูงที่สุด ไม่มีทางที่จะเป็นได้โดยง่ายเลย เพราะอกุศลมีปัจจัยที่จะเกิดมากและบ่อย ด้วยเหตุนี้จึงได้ทรงแสดงธรรมะไว้โดยละเอียดทุกประการเพื่อเป็นอารักขโคจร คือ รักษาให้พ้นจากอกุศล

@ ขณะใดที่เป็นกุศล ขณะนั้นเว้นจากอกุศล อกุศลเกิดไม่ได้ ชั่วขณะที่กุศลจิตเกิด

@ การฟังธรรมที่ละเอียดขึ้นๆ ก็เพื่อให้เข้าใจชัดเจนขึ้นแม้ในขั้นการฟังว่าเป็นธรรมซึ่งไม่ใช่ใครเลย เพียงมีปัจจัยเกิดแล้วดับ แค่นี้เอง ทั้งหมดในสังสารวัฏฏ์แต่ละขณะก็เป็นอย่างนี้ เกิดมาเป็นคนนี้นานไหม? จนถึงเดี๋ยวนี้ ก็ต้องจากโลกนี้ไป

@ เกิดเป็นมนุษย์ มีโอกาสได้ฟังธรรม เป็นคนดีพอหรือยัง หรือว่าควรทำความดีให้มากกว่านี้อีก โดยเฉพาะการเข้าใจธรรม

@ ทางที่จะละคลายความยึดมั่นในความเห็นว่า มีสัตว์ มีบุคคล มีตัวตน ก็โดยการที่ระลึกได้ว่า สภาพปรมัตถธรรมเพียงปรากฏ ทางตาบ้าง ทางหูบ้าง ทางจมูกบ้าง ทางลิ้นบ้าง ทางกายบ้าง โดยไม่ได้มีเรื่องราวต่างๆ มาปะปน เพราะฉะนั้น ถ้าคิดถึงเรื่องหนึ่งเรื่องใด ก็ให้ทราบว่าขณะนั้นไม่ใช่การรู้ลักษณะของปรมัตถธรรมซึ่งเกิดแล้วดับแล้ว เพราะฉะนั้น ทุกคนจะอยู่ในโลกของเรื่องสมมติบัญญัติของสิ่งที่เพียงปรากฏสั้นๆ และก็ดับไปอย่างรวดเร็ว

@ ก่อนอื่นก็จะต้องทราบว่า โทสะ ไม่ใช่ในขณะที่โกรธ หรือไม่พอใจเท่านั้น พอได้ยินคำว่า โทสะ ทุกคนก็คิดถึงความขุ่นเคืองใจ ความไม่พอใจ หรือความโกรธ แต่ให้ทราบว่า ในขณะใดที่รู้สึกไม่สบายใจ เป็นโทมนัสเวทนา เวทนา ความรู้สึกนี้ ทุกข์ โทมนัส ไม่ดี ไม่สบายใจ ขณะนั้นต้องมีโทสเจตสิกเกิดร่วมด้วยทุกครั้ง

@ ขณะที่มีชีวิตอยู่ทุกวันนี้ ทุกคนก็อยู่ภายใต้ลมฟ้าอากาศ ถูกแดด เป็นอย่างไร? ร้อน ไม่พอใจแล้ว หรือว่าพายุฝนต่างๆ เหล่านี้ ก็แสดงให้เห็นว่า ความไม่พอใจ ความขุ่นเคืองใจนี้ มีปัจจัยที่จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจริงๆ ถ้าไม่สังเกตจะคิดว่า เป็นแต่เพียงในขณะที่โกรธเคืองขุ่นข้องใจกับสัตว์บุคคลต่างๆ เท่านั้น แต่ความจริงไม่ใช่อย่างนั้นเลย จะต้องเป็นผู้ละเอียด ที่จะรู้ลักษณะของโทสะจริงๆ ว่า แม้ในอารมณ์ที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล โทสะก็เกิดขึ้นได้

@ จิตแต่ละขณะเกิดขึ้นกระทำกิจชั่วขณะหนึ่งๆ ตามสภาพ ตามฐานะ ตามโอกาสของจิตนั้นๆ โดยความไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล แม้แต่กุศลจิตอยากจะให้เกิดก็ยังเกิดไม่ได้ ถ้าไม่มีการสะสมมา

@ การอบรมเจริญกุศลไปทุกประการทีละเล็กทีละน้อย วันหนึ่งก็จะมีกำลังที่จะทำให้อกุศลอ่อนกำลังลง

@ ถ้าในวันหนึ่งๆ เป็นผู้ที่ละเอียด จะสังเกตลักษณะของความไม่พอใจ แม้เพียงเล็กน้อยได้เช่น ทุกคนจะต้องบริโภคอาหารเป็นประจำ ขณะที่เห็นผักหรือเห็นผลไม้เสีย ขณะนั้นเป็นอย่างไร เป็นอกุศลจิตไหม ชอบหรือไม่ชอบ? ไม่ใช่คน ไม่ใช่สัตว์ เพียงแต่เห็นสิ่งที่ไม่น่าพอใจ เป็นผักหรือผลไม้ที่ไม่น่ารับประทานเท่านั้น ความรู้สึกเป็นอย่างไร จิตในขณะนั้น เป็นอกุศลประเภทไหน? ก็ต้องเป็นโทสมูลจิต (จิตที่มีโทสะเป็นมูล) มีโทสเจตสิกเกิดร่วมด้วย ถ้าเป็นอย่างนี้ลองคิดดู จะดับโทสะ ดับง่ายหรือดับยาก เพียงทันทีที่เห็นสิ่งที่ไม่น่าพอใจ แม้แต่ผลไม้เสียนิดเดียว โทสเจตสิกก็เกิดกับอกุศลจิตนั้น ทำให้เป็นโทสมูลจิต

@ โทสะเป็นอกุศล ฉันใด โลภะก็เป็นอกุศล ฉันนั้น แล้วโทสะก็ยังแสดงตัวปรากฏให้เห็นง่าย แต่โลภะยากที่จะเห็นได้ เพราะทุกคนต้องการโลภะ ซึ่งไม่มีวันพอ @ ถ้าจะเปรียบลักษณะของอโทสะ (ความไม่โกรธ) ก็เหมือนมิตรที่คอยช่วยเหลือ เพราะเหตุว่าเวลาโกรธ ไม่ช่วย ใช่ไหม? แต่ว่าเวลาไม่โกรธถึงจะช่วย เพราะฉะนั้น ลักษณะของอโทสะก็เป็นสภาพที่ไม่แค้นเคือง เปรียบเหมือนมิตรที่คอยช่วยเหลือ

@ ขณะที่อยากจะช่วยใคร ต้องการที่จะให้เขาเป็นสุข มีอะไรที่จะเป็นประโยชน์แก่เขาทำในขณะนั้นจิตในขณะนั้นอ่อนโยน ตรงกันข้ามกับขณะที่กำลังโกรธ กำลังขุ่นเคือง ขณะที่กำลังโกรธนั้นใจลักษณะนั้นจะหยาบจริงๆ กระด้างจริงๆ มีลักษณะเหมือนกับความแข็งความดุร้าย

@ ฟังพระธรรมเพื่อเข้าใจ คนอื่นไม่สามารถทำให้เราเข้าใจจริงได้ แต่เพราะได้ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง จึงมีความเข้าใจถูกเห็นถูก

@ ก็ยังดีที่รู้ตัวว่ายังไม่รู้ @ ฟังคำของผู้ที่ทรงตรัสรู้ความจริง เพื่อที่จะได้เข้าใจตามพระองค์

@ ปัญญา ไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อนเลยสักขณะเดียว.


ขอเชิญผู้ศึกษาพระธรรมร่วมกัน (สหายธรรม) ร่วมแบ่งปันธรรมด้วยครับ

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๙๘

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
swanjariya
วันที่ 14 มิ.ย. 2558

กราบอนุโมทนาขอบพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ด้วยความเคารพยิ่ง

กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์คำปั่น อักษรวิลัย ท่านวิทยากรทุกท่านและท่านผู้ซึ่งเกี่ยวข้อง

ขออนุโมทนาขอบคุณเจ้าหน้าซึ่งดำเนินการปรับตัวอักษรใหม่ทำให้อ่านสบายตามากๆ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
thilda
วันที่ 14 มิ.ย. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
paew_int
วันที่ 14 มิ.ย. 2558

อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
Jans
วันที่ 14 มิ.ย. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Wisaka
วันที่ 14 มิ.ย. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Boonyavee
วันที่ 14 มิ.ย. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ขอกราบอนุโมทนาในกุศลวิริยะ ของอ. คำปั่น อักษรวิลัย เป็นอย่างยิ่งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
Noparat
วันที่ 14 มิ.ย. 2558

ปัญญา ไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อนเลยสักขณะเดียว.

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 14 มิ.ย. 2558

"...จุดประสงค์จริงๆ ของการฟัง คือ เพื่อให้เข้าถึงความเป็นธรรมะ ในขณะนี้..."

กราบเท้าท่านอาจารย์

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของ อ.คำปั่น อักษรวิลัย เป็นอย่างยิ่ง ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
nong
วันที่ 15 มิ.ย. 2558

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
j.jim
วันที่ 15 มิ.ย. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
siraya
วันที่ 15 มิ.ย. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
orawan.c
วันที่ 15 มิ.ย. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
เมตตา
วันที่ 15 มิ.ย. 2558

... ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลของ อ.คำปั่น ด้วยค่ะ ...

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
pulit
วันที่ 15 มิ.ย. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบเท้าบูช่าคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลวิริยะ ของ อ.คำปั่น อักษรวิลัย และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
jaturong
วันที่ 15 มิ.ย. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
dawhan
วันที่ 16 มิ.ย. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
ใหญ่ราชบุรี
วันที่ 17 มิ.ย. 2558
สาธุ อนุโมทนา และขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
nvrath
วันที่ 31 ก.ค. 2558

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ด้วยความเคารพยิ่ง และขออนุโมทนาในกุศลจิตที่แสดงพระธรรมแก่สมาชิกธรรมะ เป็นเรื่องละเอียดลึกซึ้งจริงๆ ค่ะ ได้ฟังธรรม online มาเป็นลำดับ เห็นด้วยอย่างยิ่งว่าการเจริญปัญญา ด้วยการทำความเข้าใจสภาพธรรมที่มีจริงๆ และกำลังปรากฎ เป็นการเริ่มต้นที่ถูกต้องและดียิ่ง กว่าจะเข้าใจได้ย่อมต้องมีเหตุปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดความเข้าใจสภาพธรรมะ นั้นๆ ขอขอบพระคุณและอนุโมทนาในกุศลจิตแห่งการแบ่งปัน ของ อ.คำปั่นฯ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน ด้วยค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ