ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๐๐
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรม จากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจสั้นๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย เพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ถึงแม้ว่าจะเป็นข้อความที่สั้น แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์อยู่ในตัว ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๐๐
# ควรที่จะคิดถึงว่า อกุศลมากจนเกินกว่าที่จะดับได้อย่างรวดเร็ว เพราะฉะนั้น ก็จะต้องอบรมเจริญกุศลทุกประการ เพื่อที่จะละอกุศลนั้นได้เป็นสมุจเฉท (ถอนขึ้นได้อย่างเด็ดขาด) ในวันหนึ่ง
# เรื่องของคำพูด ต้องเป็นเรื่องระวังจริงๆ และให้เป็นประโยชน์จริงๆ มิฉะนั้นท่านไม่ทราบเลยว่า จะเกิดความเสียหายกับคนอื่นมากน้อยสักแค่ไหน อาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิตก็ได้ อาจจะมีเรื่องใหญ่โตร้ายแรงเกิดขึ้นก็ได้ จากคำพูดเพียงไม่กี่คำโดยไม่ระวังของท่าน
# การศึกษาปริยัติธรรมก็มีมาก แต่การปฏิบัติผิดก็มีมากด้วย นี่ก็แสดงให้เห็นถึงการศึกษาโดยขาดการพิจารณาไตร่ตรองด้วยปัญญา เพราะฉะนั้น ผู้ที่จะศึกษาธรรมต้องเข้าใจจุดประสงค์จริงๆ ว่า ศึกษาเพื่ออะไร และธรรมคืออะไร ธรรมคือสิ่งที่กำลังปรากฏ การศึกษา คือการฟังให้เข้าใจชัดในลักษณะของสิ่งที่ปรากฏ
# ธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้และทรงแสดง คือ ธรรมที่มีจริง ที่กำลังปรากฏรอบตัว เพราะฉะนั้น ที่จะศึกษาเรื่องของธรรม คือ ศึกษาเรื่องสภาพธรรมที่เห็น สภาพธรรมที่ได้ยิน สภาพธรรมที่ได้กลิ่น สภาพธรรมที่ลิ้มรส สภาพธรรมที่รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส ที่คิดนึก ที่เกิดขึ้นเป็นปกติ เพราะเหตุปัจจัย ตามความเป็นจริง
# ถ้าเป็นข้อปฏิบัติที่ผิด ทำให้ข้อปฏิบัติที่ถูกไม่เกิดขึ้น แล้วก็ยังเป็นการเผยแพร่ในข้อปฏิบัติที่ผิด ก็ย่อมจะเป็นการทำลายข้อปฏิบัติที่ถูก ซึ่งก็เป็นโทษมากสำหรับตนเอง กับทั้งผู้อื่นด้วย
# สำหรับเรื่องมารในภาษาไทยง่ายๆ ก็คือผู้ที่ขัดขวางความเจริญ กิเลสของตนเองเป็นมารหรือเปล่า? นอกจากจะเป็นคนอื่นที่ขัดขวางความเจริญแล้ว แม้แต่กิเลสของตนเองก็เป็นกิเลสมาร
# ไม่รู้ เป็นเรื่องของไม่รู้ ซึ่งไม่ควรทำแน่นอน ทำอะไรแล้วไม่รู้ แล้วอย่าทำ เพราะทำเท่าไรๆ ก็ไม่รู้
# ไม่มีใครจะได้กระทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสัตว์โลกเท่าพระผู้มีพระภาค แต่อย่าลืมว่าที่ทรงพระมหากรุณากระทำอย่างนั้น เพื่อประโยชน์แก่สัตว์โลก เพราะฉะนั้นผู้ที่ได้รับฟังพระธรรม ก็ควรที่จะน้อมระลึกถึงพระมหากรุณาคุณที่ได้ทรงแสดงพระธรรมไว้เป็นอันมาก เพื่อให้ทุกท่านเป็นผู้ที่ว่าง่ายต่อการที่กุศลจิตเกิด เป็นผู้ที่อดทน เป็นผู้ที่ไม่ว่ายากในการที่จะประพฤติปฏิบัติธรรม
# เวลาที่ถูกเหลือบ ยุง ลม แดดกระทบสัมผัส ก็ควรที่จะได้พิจารณาถึงชาติที่เกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉาน ไม่มีเสื้อผ้าป้องกัน ไม่มีบ้าน ไม่มีมุ้งม่าน ที่อยู่อาศัย ซึ่งก็มองเห็นอยู่ว่าจะลำบากสักแค่ไหน แต่ว่าในเมื่อทุกคนเกิดเป็นมนุษย์ ก็มีบ้านที่อยู่อาศัย มีเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มที่จะป้องกันเหลือบ ยุง ลม แดด กระทบสัมผัสร่างกายได้ เพราะฉะนั้นบางกาลที่มีเหลือบบ้าง ยุงบ้าง แดดบ้าง ลมบ้างกระทบสัมผัส ก็ควรที่จะระลึกถึงชาติที่เกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉาน ซึ่งไม่มีเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม บ้านเรือนที่อยู่อาศัยสำหรับจะป้องกันสิ่งต่างๆ เหล่านี้เลย ก็จะทำให้เป็นผู้ที่อดทนได้มากขึ้น
# ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเรื่องของโทสะทั้งนั้น ที่ทำให้เป็นคนว่ายาก เพราะเหตุว่าในขณะนั้นเป็นจิตที่หยาบกระด้าง
# ฟังธรรมเพื่อที่จะให้เข้าใจ เพราะฉะนั้นเมื่อฟังแล้วเข้าใจ ชื่อว่า เคารพในธรรม แต่ถ้าไม่ตั้งใจฟังและก็ไม่ได้พิจารณาให้เข้าใจ เพียงแต่ฟัง อย่างนั้นก็ไม่ชื่อว่า ฟังโดยเคารพ เพราะเหตุว่าไม่รู้จุดประสงค์ว่า การฟังธรรมนั้นเพื่อให้เข้าใจ
# ใครก็ตามที่เข้าใจแล้ว ฟังแล้ว เฉพาะตัวแล้วก็ตายไป ก็หมดไป เสื่อมไป แต่ถ้าสามารถที่จะเผยแพร่สั่งสอน หรือว่าแสดงธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้วต่อๆ กันไปอีก ก็เป็นทางที่จะทำให้พระธรรมไม่เสื่อมสูญ
# ตัวท่านเองก็จะเป็นบุคคลนี้อยู่อีกไม่นานเลย บุคคลนี้ในชาตินี้เป็นอย่างไร ย่อมประจักษ์แจ้งกับตัวของท่านเองว่า ชาตินี้ท่านเป็นอย่างนี้ ตั้งแต่เกิดมาจนกระทั่งถึงเดี๋ยวนี้ มีการเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การลิ้มรส การรู้สิ่งที่กระทบสัมผัส การที่ได้รับผลของกรรมที่เป็นกุศลวิบาก อกุศลวิบากอย่างไร แต่ว่าก็ไม่นานเลย ก็จะเป็นบุคคลอื่น พ้นสภาพความเป็นบุคคลนี้
# การสะสมความไม่โกรธ ซึ่งเป็นขันติ สามารถที่จะไม่โกรธได้ทุกสถานการณ์ นั่นคงจะเป็นอีกนานแสนนานของแต่ละชีวิต ของแต่ละท่าน แต่ว่าถ้าเริ่ม เริ่มเดี๋ยวนี้ ที่จะรู้สึกว่า เวลาที่ความโกรธเกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะคนอื่น แต่เป็นเพราะกิเลสของท่านเองเท่านั้น และก็ที่จะดับกิเลสได้หมดเป็นสมุจเฉท (ถอนขึ้นได้อย่างเด็ดขาด) ก็ต้องอบรมเจริญสติปัฏฐาน (ระลึกรู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง)
# พระธรรมที่ทรงแสดงมากมายจริงๆ ไม่มีใครที่จะได้กระทำกิจทางพระพุทธศาสนาเทียบเท่ากับพระองค์ได้ อย่างวันหนึ่งที่จะได้ฟังธรรมและก็สนทนา และพิจารณาธรรม วันหนึ่งก็อาจจะมีเพียงครึ่งชั่วโมงบ้าง หรือว่าตอนเช้าครึ่งชั่วโมง ตอนค่ำครึ่งชั่วโมงจากการฟังรายการธรรมต่างๆ หรือบางท่านก็อาจจะเป็นในวันพระ เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่า พระธรรมที่ทรงแสดงไว้มากพอสำหรับชีวิตของแต่ละคนที่จะศึกษาและค้นคว้าจริงๆ เพื่อประโยชน์
# พระพุทธศาสนา เป็นคำสอนของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นคำสอนเรื่องของปัญญา เรื่องของการอบรมเจริญปัญญา ให้รู้ลักษณะของสภาพธรรมในชีวิตประจำวัน ตามปกติ ตามความเป็นจริง ซึ่งทุกคนเกิดมาด้วยความไม่รู้ เพราะฉะนั้น ถ้าไม่มีพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ทรงตรัสรู้และทรงแสดงธรรม ทุกคนก็ยังคงไม่รู้ แม้ว่าเห็นก็ไม่รู้ ได้ยินก็ไม่รู้ ได้กลิ่น คิดนึก สุขทุกข์ในวันหนึ่งๆ เหมือนกันทุกคน ตั้งแต่เกิดจนตาย ด้วยความไม่รู้
# ลึกที่สุดคือการยึดถือธรรมว่าเป็นเรา
# ทุกคำที่แสดงถึงสิ่งที่มีจริงๆ แต่ละหนึ่งๆ เปลี่ยนแปลงไม่ได้
# พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงตลอด ๔๕ พรรษา แสดงให้เห็นถึงความละเอียดของพระพุทธวจนะทุกคำ ถ้าเราไม่เผิน มีการพิจารณาไตร่ตรองเราก็จะค่อยๆ เข้าใจธรรมขึ้น
# พระพุทธพจน์สำหรับท่อง หรือ เข้าใจ?
ขอเชิญผู้ศึกษาพระธรรมร่วมกัน (สหายธรรม) ร่วมแบ่งปันธรรมด้วยครับ
ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๙๙
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
กราบอนุโมทนาขอบพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ด้วยความเคารพยิ่ง
กราบอนุโมทนาขอบพระคุณท่านอาจารย์คำปั่น อักษรวิลัย ท่านวิทยากรทุกท่านและท่านผู้เกี่ยวข้อง
กราบนอบน้อมพระรันตรัยด้วยเศียรเกล้า
กราบบูชาพระคุณท่านอ.สุจินต์ บริหารวนเขตต์ด้วยความเคารพเป็นอย่างสูง
ทุกประโยคที่ท่าน อ.กล่าว มีค่ายิ่งในการอบรมเจริญปัญญา ละความไม่รู้ ละความเห็นผิด ทุกครั้งที่ได้อ่าน ได้ฟัง ยิ่งเข้าใจในพระมหากรุณาคุณของพระพุทธองค์ เป็นบุญยิ่งที่ได้ฟังพระธรรมของพระพุทธองค์จากท่านผู้รู้จริง เข้าใจจริง
กราบอนุโมทนาขอบพระคุณท่านอ.คำปั่น อักษรวิลัยด้วยค่ะ
ขอบพระคุณ และ ขออนุโมทนาในกุศลวิริยะ ของ อ.คำปั่น อักษรวิลัย ด้วยครับ
...ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของ อ.คำปั่น อย่างยิ่งค่ะ...
เห็นด้วยทุกอย่างที่อ่านมา ทุกอย่างเริ่มต้นที่ตนเอง ดีก็ที่ตนเองก่อน จึงจะเผื่อแผ่สิ่งดีๆ ให้ผู้อื่นรอบข้างได้อย่างเบิกบานใจ ซาบซึ้งในพระมหากรุณาคุณจากพระอรหันต์ที่เลิศที่สุดในทุกโลกคือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกๆ พระองค์ ขอบคุณที่เปิดเผยความจริงให้ผู้ฟังเกิดปัญญาทีละเล็กทีละน้อย และมั่นใจในการเดินทางแห่งจิตใจเส้นทางนี้ เส้นทางเดียวเท่านั้น
ขออนุโมทนาครับ