ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๑๓
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๑๓
~ ความเห็นถูก ความอ่อนน้อมในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จะทำให้บุคคลนั้นละคลายอกุศลได้ แต่ต้องเป็นปัญญาที่เข้าใจในพระธรรมจริงๆ มิฉะนั้นแล้ว ถึงแม้ว่าจะได้ติดตามพระผู้มีพระภาคเวลาที่พระองค์เสด็จไปในที่ต่างๆ ก็ยังเป็นผู้ที่มีความเห็นผิด มีความเข้าใจผิด เพราะเหตุว่าไม่เข้าใจในพระธรรมได้
~ บางคนเข้าใจว่า อกุศลจิตก็เป็นวิบาก ทำกรรมมาไม่ดี จึงต้องคิดไม่ดี เป็นโลภะบ้าง เป็นโทสะบ้าง แต่ไม่ใช่ เพราะเหตุว่ากรรมไม่ดี คือ อกุศลกรรม ทำให้วิบากจิตเกิดขึ้นเห็น ขณะที่เห็นเป็นวิบาก แต่ว่าขณะที่ชอบหรือไม่ชอบในสิ่งที่เห็น ที่ชอบหรือไม่ชอบนั้นไม่ใช่วิบาก แต่ว่าเป็นตัวเหตุที่จะให้เกิดกรรม ซึ่งจะทำให้เกิดผล คือ วิบาก
~ การที่ไถ่ถอนความสำคัญที่ยึดถือสิ่งที่ปรากฏว่า เป็นสัตว์ เป็นบุคคล จึงไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย โดยขั้นของปริยัติ คือ การฟัง ซึ่งการฟังมากๆ เป็นพหูสูต ก็จะทำให้เข้าใจชัดถึงความต่างกันของจิตแต่ละประเภทที่เกิดในขณะที่เห็น หรือในขณะที่นึกถึงสิ่งที่เห็น
~ เกิดมาทั้งชาติ ทุกชาติๆ หวั่นไหวมากเหลือเกินในเรื่องสุขและทุกข์ จนกว่าจะถึงวาระที่ไม่หวั่นไหวในสุขและทุกข์ ก็ลองคิดดูว่า เมื่อไรจะถึงอย่างนั้น ถ้าไม่ได้อบรมเจริญปัญญาจริงๆ
~ สัตว์โลกเป็นที่ดูบุญและบาป เพราะฉะนั้นน่าจะพิจารณาจิตที่เป็นเหตุในขณะนี้ด้วยว่า วันหนึ่งๆ นั้นกุศลจิตเกิดมากไหม ถ้ากุศลจิตเกิดน้อยกว่าอกุศลจิตก็ต้องพิจารณาอีกว่า เป็นอกุศลกรรมหรือไม่ เพราะเหตุว่าเพียงความยินดีพอใจในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในโผฏฐัพพะ เป็นสมโลภะ เป็นความยินดีพอใจที่ไม่ถึงกับให้เกิดกระทำทุจริตกรรม เพราะฉะนั้นแม้ว่ายังเป็นผู้ที่ยังมีโลภะอยู่ ก็จะต้องระวังที่จะไม่ทำอกุศลกรรม เพราะเหตุว่าถ้ากระทำอกุศลกรรมแล้วก็ไม่แน่ว่าจะเกิดในกำเนิดใด
~ พระเถระ ชื่อว่า ย่อมประกาศตามธรรมจักร (ธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง) คือ ไม่ใช่พระเถระทั้งหลายตรัสรู้ธรรมใหม่อื่น แล้วมาแสดง แต่ว่าพระเถระทั้งหลายที่เป็นสาวกนั้นประกาศตามธรรมจักร ที่พระศาสดาประกาศไว้ก่อนแล้ว เหมือนเมื่อพระศาสดาเสด็จไปข้างหน้า พระเถระเดินไปข้างหลัง ชื่อว่า เดินตามพระศาสดานั้นฉะนั้น ทุกท่านกำลังเดินตามพระผู้มีพระภาคเวลาที่ฟังพระธรรม เข้าใจหนทางที่จะประพฤติปฏิบัติที่จะอบรมเจริญปัญญา
~ เรื่องอกุศลเป็นเรื่องที่ยิ่งออกจากอกุศลเร็วเท่าไร ยิ่งดีเท่านั้น
~ ปัญญา หมายความว่า เข้าใจลักษณะของสภาพธรรมที่เกิดขึ้นแล้วกำลังปรากฏตามความเป็นจริง ไม่ใช่ให้ไปทำอย่างอื่น แต่อบรมเจริญความรู้ความเข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏ
~ ปกติของปุถุชน เห็นแล้ว หลงลืมสติ ทันทีที่ตื่นลืมตา หลงแล้ว มีโลภะเกิดขึ้น มีความต้องการติดตามไปตลอดวันที่โทสะไม่เกิด หรือกุศลจิตไม่เกิด
~ วันหนึ่งๆ ของคนที่มีกิเลสเห็นแล้วก็เป็นอกุศลโดยตลอด แต่คนที่สะสมปัญญามา เห็นแล้วเป็นปัญญาจึงดับกิเลสได้ มิฉะนั้นแล้วจะดับไม่ได้เลย เพราะอะไร เพราะเมื่อเห็นแล้วกิเลสเกิด เพราะฉะนั้นจะดับกิเลสได้ เมื่อเห็นแล้วปัญญาเกิด เวลาได้ยินแล้วกิเลสเกิด เพราะฉะนั้นจะดับกิเลสได้ก็ต่อเมื่อกำลังได้ยินนั้นแหละ ปัญญาเกิดจึงดับกิเลสในขณะนั้นได้ จนกระทั่งไม่มีกิเลสเหลือเลย
~ กุศลทั้งหลายจะเจริญขึ้นด้วยความอดทนที่จะต้องศึกษาให้เข้าใจสภาพธรรมให้ถูกต้อง ไม่ให้คลาดเคลื่อน ไม่ให้เห็นผิด ไม่ให้เข้าใจผิด มิฉะนั้นบางคนเข้าใจว่า ตนเองหมดกิเลสแล้ว เพียงแต่ไปปฏิบัติโดยที่ปัญญาไม่ได้เกิดเลย แต่คิดว่าหมดกิเลส นี่ก็จะทำให้กุศลธรรมเจริญขึ้นไม่ได้เลย เพราะเหตุว่ายังเต็มไปด้วยความไม่รู้และความเห็นผิดในหนทางปฏิบัติที่จะดับกิเลส
~ การแสดงพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคได้ทรงแสดง เพื่อประโยชน์แก่สัตว์โลกนั้น ดุจวางสิ่งของนับพันอย่างลงทุกประตูเรือนที่พระธรรมไปถึง แล้วแต่ใครจะเปิดประตูรับสมบัติมหาศาลที่กองไว้ให้ที่หน้าประตูเรือน หรือบางคนอาจจะไม่เปิดประตูเลย เพราะเหตุว่า ไม่เห็นคุณของพระธรรม ทั้งนั้นก็แล้วแต่อวิชชาและปัญญาของแต่ละบุคคล เพราะเหตุว่าการฟังพระธรรมจะมีประโยชน์ทั้งหมด ทุกกาล บางทีโอกาสนี้อาจจะไม่สามารถประพฤติปฏิบัติตามได้ แต่เมื่อฟังไปๆ ก็ย่อมมีปัจจัยที่จะทำให้กุศลธรรมเจริญขึ้น และอกุศลก็ค่อยๆ ลดลง แต่ให้เห็นคุณประโยชน์ของผู้แสดงพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคได้ทรงแสดง เพราะเหตุว่าเปรียบเสมือดุจวางสิ่งของนับพันอย่างลงทุกประตูเรือนที่พระธรรมไปถึง
~ สภาพที่ทำให้ต้องเกิดอีกนั้นมีอยู่อย่างเดียว คือ กิเลสทั้งหลาย ถ้าดับกิเลส จะดับทุกข์ทั้งหมด ไม่ต้องลำบาก หรือเห็นภัยต่างๆ ของชีวิต เพราะเหตุว่าไม่ต้องเกิด ไม่ต้องเห็น ไม่ต้องได้ยิน ไม่ต้องลำบาก ไม่ต้องทุกข์ยาก ไม่ต้องวิตก ไม่ต้องกังวลใดๆ ทั้งสิ้น แต่ว่าต้องเป็นผู้ฟังพระธรรม มิฉะนั้นแล้วก็ไม่สามารถเห็นภัยของกิเลสได้เลย
~ ไม่มีเราเลย มีแต่ธรรม ไม่ว่าจะเห็น ได้ยิน คิดนึก สุข ทุกข์ เป็นต้น เป็นธรรมที่ไม่มีใครทำให้เกิดขึ้นได้ แต่เมื่อมีเหตุปัจจัยที่จะเกิดขึ้น ก็เกิดขึ้น
~ ถ้าไม่ฟังพระธรรมแล้วจะเข้าใจสิ่งที่มีจริงได้อย่างไร
~ ความเห็นผิดไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่มีจริงตามความเป็นจริงได้เลย
~ กุศล ความดี ทั้งหมด เป็นเรื่องของเนกขัมมะ คือ การก้าวออกไปจากอกุศล
~ เมตตา เป็นความหวังดี ไม่โกรธ
~ เมตตา ความเป็นมิตรเป็นเพื่อน ไม่เป็นโทษกับใครเลย ทั้งเรา ทั้งเขา
~ สิ่งที่ถูก ต้องเป็นสิ่งที่ถูก สิ่งที่ผิด ต้องเป็นสิ่งที่ผิด
~ โลภะ เกิดบ่อยๆ โลภะก็มาก
โทสะเกิดบ่อยๆ โทสะก็มาก
ปัญญาเกิดบ่อยๆ ปัญญาก็มาก.
ขอเชิญผู้ศึกษาพระธรรมร่วมกัน (สหายธรรม) ร่วมแบ่งปันธรรมด้วยครับ
ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม...ครั้งที่ ๒๑๒
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์และขอบพระคุณอาจารย์คำปั่น อักษรวิลัยอย่างยิ่งค่ะ เพิ่งตระหนักจริงๆ เมื่อวานว่าควรจะอบรมเจริญปัญญาเพื่อขัดเกลากิเลสไปทีละเล็กละน้อย เพราะกิเลสมีมากเหลือเกินตลอดชีวิต ไม่ใช่แสวงหาวิธีบรรลุธรรม ซึ่งคิดว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดและแสวงหามาโดยตลอด (แต่ไม่เคยแน่ใจว่าหาเจอ) ค่ะ
~ สิ่งที่ถูก ต้องเป็นสิ่งที่ถูก สิ่งที่ผิด ต้องเป็นสิ่งที่ผิด
~ ความเห็นผิดไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่มีจริงตามความเป็นจริงได้เลย
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ