ของหาย เจ็บป่วย ได้ข่าวร้ายต่างๆ เป็นอกุศลวิบากทั้งหมดหรือไม่หรือเป็นเรื่องราวครับ

 
rukawa119
วันที่  4 พ.ย. 2558
หมายเลข  27179
อ่าน  1,131

เรียนถามท่านอาจารย์ประจำมูลนิธิทุกท่าน

1. สมมติว่าได้รับข่าวร้ายว่าสัตว์เลี้ยงตาย ญาติเจ็บป่วย ของหาย ไปไม่ทันขึ้นเครื่องบิน ฯลฯ ขอเรียนสอบถามว่าขณะใดเป็นอกุศลวิบาก ขณะใดเป็นเรื่องราว ขณะใดเป็นอกุศลจิตครับ เพราะว่าทุกคนคงได้เคยประสบกับเหตุการณ์แบบนี้มาไม่มากก็น้อย แสดงว่าแต่ละท่านก็เคยสร้างเหตุคืออกุศลกรรมมาเหมือนกันหรือเปล่า จึงได้พบเจอเหตุการณ์คล้ายๆ กันดังที่กล่าวข้างต้น ครับ

2. สติที่ระลึกสามารถระลึกได้ทีละขณะ ทีละอย่าง ใช่หรือไม่ครับ เช่น หากสติระลึกในลักษณะที่เป็นรูป เช่นเสียง ก็มีสภาพรู้ รู้เสียง ในขณะนั้น ก็เป็นการรู้ลักษณะของรูป หากสติระลึกรู้ลักษณะของนามได้ยิน ก็คือมีสติระลึกรู้ในสภาพได้ยินที่เป็นสภาพรู้ ซึ่งไม่ใช่รูปธรรม คนละขณะ แล้วแต่ว่าสติจะระลึกอะไร ใช่หรือไม่ครับ

ขอกราบอนุโมทนาครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 4 พ.ย. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

-ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม ก็จะไม่สามารถเข้าใจถูกได้เลยว่า ขณะไหนเป็นวิบาก ขณะไหนไม่ใช่วิบาก เพราะฉะนั้น ก็ต้องกลับมาที่การฟังพระธรรมให้เข้าใจจริงๆ ว่า วิบากในชีวิตประจำวัน คือขณะที่เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสทางกาย ที่ดี บ้าง ไม่ดี บ้าง ตามควรแก่กรรมที่ได้กระทำแล้ว ถ้าเป็นผลของอกุศลกรรม ก็ทำให้ได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสทางกาย ที่ไม่ดี ไม่น่าปรารถนาไม่น่าใคร่ไม่น่าพอใจ ในทางตรงกันข้าม ถ้าเป็นผลของกุศลกรรมก็ทำให้ได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสทางกาย ที่ดี น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ โดยไม่ปะปนกันเลย เพราะฉะนั้นเรื่องของธรรมต้องเป็นแต่ละขณะ ขณะที่ได้ยิน เป็นผลของกรรม เป็นวิบาก แต่ขณะที่เกิดความเศร้าโศก ไม่พอใจ ไม่สบายใจ ตามเรื่องที่ได้ยินได้ฟัง เป็นต้น ขณะนั้น ไม่ใช่วิบาก แต่เป็นการสะสมอกุศล เป็นอกุศลจิตที่เกิดขึ้นเป็นไป ซึ่งไม่สามารถบังคับบัญชาได้ จะเห็นได้จริงๆ ว่า แต่ละคนเป็นแต่ละหนึ่ง และทำกรรมมาอย่างมากมายในสังสารวัฏฏ์ ทั้งกุศลกรรมและอกุศลกรรม เมื่อถึงคราวที่กรรมจะให้ผล ใครๆ ก็ยับยั้งไม่ได้ และที่สำคัญ เป็นธรรม ทั้งหมด ทั้งกรรม (เจตนา) ทั้งวิบาก (จิตและเจตสิก ชาติวิบาก) อกุศล (อกุศลจิตและเจตสิกที่เกิดร่วมด้วย) และ กุศล (กุศลจิตและเจตสิกที่เกิดร่วมด้วย) ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน เป็นแต่เพียงสภาพธรรมที่เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ของธรรมเท่านั้น ไม่มีเราแทรกอยู่ในสภาพธรรมนั้นๆ เลย

-การระลึกรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง เป็นเรื่องของการอบรมเจริญปัญญาที่เข้าใจถูกเห็นถูกในสภาพธรรมที่มีจริงๆ ทั้งที่เป็นรูปธรรม และ นามธรรม ถ้าไม่มีความเข้าใจในเรื่องของสภาพธรรม ก็ไม่สามารถที่จะมีเหตุปัจจัยให้สติพร้อมปัญญาเกิดขึ้นระลึกรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงได้เลย ขณะที่ระลึกรู้รูปธรรม รูปธรรม นั้นๆ ก็เป็นอารมณ์ของสติปัญญาและสภาพธรรมที่เกิดร่วมด้วย เช่น ระลึกรู้เสียง ก็มีเสียงเป็นอารมณ์ ขณะที่ระลึกรู้นามธรรม เช่น จิตได้ยิน ก็มีนามธรรม คือ จิตได้ยิน เป็นอารมณ์ของสติปัญญาและสภาพธรรมที่เกิดร่วมด้วย ต้องเป็นแต่ละหนึ่งขณะๆ ไม่ใช่รู้อารมณ์หลายๆ อย่างพร้อมๆ กัน ซึ่งถ้าไม่มีรากฐานที่สำคัญ คือ การฟังพระธรรมแล้ว ไม่มีทางที่ปัญญาจะเจริญขึ้นไปตามลำดับได้เลย เพราะฉะนั้น เรื่องของการอบรมเจริญปัญญา เป็นเรื่องที่ต้องอาศัยกาลเวลาที่ยาวนาน จึงต้องค่อยๆ ฟังค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย ยังไม่ต้องกล่าวถึงกาละที่สติปัฏฐานจะเกิดก็ได้ แต่ขณะนี้ได้เริ่มสะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกในเรื่องของสภาพธรรมที่มีจริงๆ หรือยัง นี้คือสิ่งที่จะต้องพิจารณาเป็นอย่างยิ่ง ครับ

ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ

ขณะไหนบ้างเป็นผลของกรรม

ในชีวิตประจำวันของเรานี้ ขณะไหนบ้างเป็นผลของกรรม

ระลึกรู้สิ่งที่ปรากฏตามความเป็นจริง

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
tanrat
วันที่ 4 พ.ย. 2558

ฟังไว้ พิจารณาไว้ เข้าใจไว้ สะสมไป

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
rukawa119
วันที่ 5 พ.ย. 2558

เรียน อาจารย์ประจำมูลนิธิทุกท่าน ครับ

พอดีได้มาอ่านสิ่งที่ทางอาจารย์ได้ตอบ คิดว่ายังไม่ตรงประเด็นสักเท่าไหร่นะครับ ผมขออธิบายคำถามและยกตัวอย่างให้ชัดเจนนะครับ ดังนี้

1. สมมติว่าได้รับข่าวไม่ดี เช่น ได้ยินเสียงว่า "แมว เธอ ถูก รถ ชน ตาย" หรือ อื่นๆ ก็ตาม จะเรียนถามว่าขณะไหนเป็นอกุศลวิบากครับ เพราะเสียงที่ว่า "แมว เธอ ถูก รถ ชน ตาย" ก็เป็นแต่เพียงเสียงที่ได้ยิน แต่เมื่อได้ฟังแล้วก็เกิดความเศร้า ดังนั้นจะเรียนถามว่า เสียงที่ได้ยินว่า "แมว เธอ ถูก รถ ชน ตาย" เป็นอกุศลวิบากหรือไม่ครับ ช่วยตอบให้ชัดเจนด้วยครับ

2. ถ้าการได้ยินเสียงที่เป็นข่าวร้าย ข่าวไม่ดี เช่นการพลัดพรากจากสิ่งที่รัก แสดงว่าทุกคนก็ล้วนสร้างอกุศลกรรมมาเหมือนๆ กันใช่หรือไม่ครับ จึงได้ประสบกับเสียง หรือ เห็น ได้รับรู้ข่าวไม่ดี

3. ทุกชีวิตเกิดมาแล้วต้องตาย การตายของบุคคลที่เป็นที่รัก การที่เราได้ยิน ได้รับรู้ว่าเค้าเสียชีวิตแล้วนะ เป็นอกุศลวิบากหรือไม่ ถ้าเป็นอกุศลวิบาก แสดงว่าทุกๆ คนก็สร้างเหตุมาเหมือนกันจึงต้องได้ยิน ได้รับทราบข่าวไม่ดี ว่าสิ่งอันเป็นที่รักของตนหมดไป จากไป เพราะคนเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปไม่ได้ ต้องมีการตายจากกันทุกคน ทุกครอบครัว และไม่มีใครที่จะไม่ได้ยิน ได้เห็น การสูญเสียแน่นอนครับ

ขออนุโมทนาครับ และขอให้อาจารย์ท่านอื่นๆ ได้ช่วยตอบให้ตรงประเด็นที่ถามเพื่อที่จะได้เข้าใจและเกื้อกูลให้กุศลทุกประการเจริญยิ่งๆ ขึ้นไป ด้วยนะครับ เพราะการสนทนาธรรมที่เกิดประโยชน์คือผู้ถามต้องเข้าใจ และตรงประเด็น ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
paderm
วันที่ 5 พ.ย. 2558

เรียน คุณ rukawa119 ครับ

1. สมมติว่าได้รับข่าวไม่ดี เช่น ได้ยินเสียงว่า "แมว เธอ ถูก รถ ชน ตาย" หรือ อื่นๆ ก็ตาม จะเรียนถามว่าขณะไหนเป็นอกุศลวิบากครับ เพราะเสียงที่ว่า"แมว เธอ ถูก รถ ชน ตาย" ก็เป็นแต่เพียงเสียงที่ได้ยิน แต่เมื่อได้ฟังแล้วก็เกิดความเศร้า ดังนั้นจะเรียนถามว่า เสียงที่ได้ยินว่า"แมว เธอ ถูก รถ ชน ตาย" เป็นอกุศลวิบากหรือไม่ครับ ช่วยตอบให้ชัดเจนด้วยครับ

# ก่อนอื่น เรามาเข้าใจพื้นฐานนะครับ สำหรับ วิบาก ถ้ากล่าวถึงทางหู การได้ยิน เป็นวิบาก คือ โสตวิญญาณ ซึ่งก็มีทั้ง กุศลวิบากทางหู และ อกุศลวิบากทางหู เพราะฉะนั้น อะไรที่จะ สามารถพิจารณาได้ว่า ขณะนั้นเป็นกุศลวิบาก อกุศลวิบาก ขณะที่ได้ยิน จะต้องมีสิ่งที่ถูก ได้ยิน นั่นคือ ปรมัตถธรรมที่เป็น รูป คือ เสียงนั่นเอง เสียง มีทั้งเสียงที่ดี และ เสียงที่ไม่ดี อย่างไร เสียงที่ดี ไม่ได้หมายถึง เรื่องของเสียง ที่แปลความหมายนะครับ เช่น อันนั้นเป็นบัญญัติ คิดนึก หลังจากได้ยินเสียงนั้น เช่น ได้ยินเสียงนี้ ซึ่ง บัญญัติว่าแมว ได้ยินเสียงนี้ ที่นึกคิด ต่อว่า ตาย การนึกคิดต่อจากเสียงนั้น ตัวเสียงเป็นอารมณ์ของจิตได้ยิน แต่ เรื่องที่คิดต่อ บัญญัติว่า แมว ตาย ไม่ได้เป็นตัวตัดสินว่า เป็นกุศลวิบาก อกุศลวิบาก ง่ายๆ ครับ อย่างเช่น คำว่า ตาย ถ้าเราพูดเสียงนี้ขึ้นมา คนต่างประเทศที่ไม่รู้ภาษาไทย เขาก็ไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าเป็นข่าวร้ายด้วย และ ก็ไม่เดือดร้อนอะไรกับคำนั้นเลย ดังนั้น เสียง ตัวเสียงต่างหาก เท่านั้น ที่มีทั้งเสียง ดี ไม่ดี จะเป็นอารมณ์ของ จิตได้ยิน ที่เป็นกุศลวิบาก อกุศลวิบาก ครับ ซึ่ง กุศลวิบากทางหู คือ จิตได้ยิน มีเสียง เป็นอารมณ์ กุศลวิบากทางหู จิตได้ยิน ที่เป็นกุศลวิบาก ก็มี เสียง ที่ดี เป็นอารมณ์ อกุศลวิบากทางหู จิตได้ยินที่เป็นอกุศลวิบาก ก็มีเสียงที่ไม่ดีเป็นอารมณ์ ซึ่งกระผมได้กล่าวแล้ว กุศลวิบาก อกุศลวิบาก ไม่ได้ขึ้นอยู่ กับ เสียง ที่บัญญัติแล้วแปลความหมาย ว่า ตาย แมว รถ ชน แต่ เป็นตัวเสียงเอง เพราะฉะนั้น อกุศลวิบากทางหู จิตได้ยินเสียงไม่ดี เสียงไม่ดีนั้น คือ เสียงที่ดังเกินไป นั่นเอง เป็นอกุศลวิบากทางหู ครับ แม้คำนั้น จะแปลความหมายดี ในภาษาไทย หรือ กล่าวชม แต่ เสียงนั้นดังเกินไป ตะโกนใส่ หรือ ดังมาก ก็เป็นอกุศลวิบากทางหู ครับ ท่านอาจารย์สุจินต์ได้เคยแนะนำ สนทนากับกระผม เรื่องนี้ ท่านอาจารย์เล่าให้ฟังว่า ดิฉันไปฟังดนตรี ใครๆ ก็คิดว่า เป็นกุศลวิบากทางหูใช่ไหม แต่แท้ที่จริง ไม่ใช่เลย แต่ละขณะ ขณะที่เสียงดังมากๆ ดังเกินไป ขณะนั้นก็เป็นอกุศลวิบากทางหู


2. ถ้าการได้ยินเสียงที่เป็นข่าวร้าย ข่าวไม่ดี เช่นการพลัดพรากจากสิ่งที่รัก แสดงว่าทุกคนก็ล้วนสร้างอกุศลกรรมมาเหมือนๆ กันใช่หรือไม่ครับ จึงได้ประสบกับเสียง หรือ เห็นได้รับรู้ข่าวไม่ดี

# ตามที่กล่าวแล้ว ที่อธิบายข้างต้น ครับ ความหมาย ที่แปลออกมา สมมติว่าเป็นข่าวดี ข่าวร้าย ไม่ใช่เป็นการตัดสินว่า ขณะนั้นเป็นอกุศลวิบาก กุศลวิบาก เพราะ เสียง ที่แปลว่า ตาย แปลว่าข่าวร้าย ที่สมมติในภาษานั้น คนที่ไม่รู้ในภาษานั้น ก็แปลเสียงนั้นไม่ออก ว่าเป็นข่าวดี ข่าวร้ายเลย ซึ่ง ขณะที่เศร้า เดือดร้อนใจ ที่ได้ยินเสียงนั้น คำนั้น ขณะนั้นเป็นอกุศลจิต ที่เป็นคนละส่วน กับ วิบาก ครับ ซึ่งไม่ปนกันเลย และ แม้ เสียงนั้น ที่สมมติว่าข่าวร้าย ข่าวดี ผู้ที่อบรมปัญญามา แม้ได้ยินเสียงนั้น สติก็สามารถเกิดระลึกรู้เสียงนั้น ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา จนถึงการบรรลุธรรมก็ได้ นั่นแสดงว่า กุศลจิต อกุศลจิตที่เกิดขึ้น เป็นไปตามการสะสมมานั่นเองครับ


3. ทุกชีวิตเกิดมาแล้วต้องตาย การตายของบุคคลที่เป็นที่รัก การที่เราได้ยิน ได้รับรู้ว่าเค้าเสียชีวิตแล้วนะ เป็นอกุศลวิบากหรือไม่ ถ้าเป็นอกุศลวิบาก แสดงว่าทุกๆ คนก็สร้างเหตุมาเหมือนกันจึงต้องได้ยิน ได้รับทราบข่าวไม่ดี ว่าสิ่งอันเป็นที่รักของตนหมดไป จากไป เพราะคนเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปไม่ได้ ต้องมีการตายจากกันทุกคน ทุกครอบครัว และไม่มีใครที่จะไม่ได้ยิน ได้เห็น การสูญเสียแน่นอนครับ

ขออนุโมทนาครับ และขอให้อาจารย์ท่านอื่นๆ ได้ช่วยตอบให้ตรงประเด็นที่ถามเพื่อที่จะได้เข้าใจและเกื้อกูลให้กุศลทุก ประการเจริญยิ่งๆ ขึ้นไป ด้วยนะครับ เพราะการสนทนาธรรมที่เกิดประโยชน์คือผู้ถามต้องเข้าใจ และตรงประเด็น ครับ

# โดยนัยเดียวกันกับที่ตอบในข้อ 2 และ ข้อ 1 ครับ ในเรื่องของเสียง และ คำแปล เป็นต้น ขออนุโมทนาที่เป็นผู้ละเอียดในการศึกษาพระธรรม ครับ

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
rukawa119
วันที่ 5 พ.ย. 2558

เข้าใจอย่างชัดเจนครับ กุศลและอกุศลวิบาก ไม่ใช่เรื่องราว

ขอกราบอนุโมทนาและขอบพระคุณท่านอาจารย์ทุกท่านที่สนทนาตอบปัญหาเพื่อเกื้อกูลเจริญขึ้นของปัญญา หากสอบถามไม่ชัดเจน สื่อสารเข้าใจไม่ตรงกันขอกราบขออภัยทุกท่านด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
peem
วันที่ 7 พ.ย. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
thilda
วันที่ 8 พ.ย. 2558

ขออนุญาตเรียนถามอาจารย์ต่อเนื่องนะคะ เพราะเคยสงสัยประเด็นนี้มานานแล้วแม้จะเข้าใจว่าขณะเห็น ได้ยิน ฯลฯ รูปที่น่าพอใจหรือไม่น่าพอใจ จิตที่เกิดขึ้นเห็น ได้ยิน ฯลฯ เป็นกุศลวิบากหรืออกุศลวิบากตามลำดับ เป็นคนละขณะกับคิด แต่สมมติว่า ของหาย ของของนาย ก หาย แต่ของของนาย ข ไม่หาย เหมือนกับว่า มีอกุศลวิบากเกิดขึ้นกับ นาย ก แต่แท้จริงแล้ว เป็นอกุศลวิบากเกิดขึ้นหรือเปล่าคะ เพราะเพียงแค่จิตเกิดขึ้นเห็นสีหนึ่ง แทนที่จะเห็นอีกสีหนึ่ง ถ้าไม่ใช่อกุศลวิบาก แล้วทำไมถึงมีบางคนที่โจรขึ้นบ้านบ่อยมาก ในขณะที่คนทั่วไปจะไม่โดนแบบนั้น จึงน่าจะเป็นผลจากอกุศลกรรมที่เคยทำใช่ไหมคะ (ถ้าเป็นการรู้การกระทบสัมผัสทางกาย เช่น ขณะเดินชนโต๊ะ มีความเจ็บปวดเกิดขึ้นขณะนั้น อันนี้เข้าใจได้ชัดเจนว่า เป็นอกุศลวิบากเกิดขึ้นขณะนั้น)

รบกวนท่านอาจารย์อธิบายให้เข้าใจประเด็นนี้ทีนะคะ ขอบพระคุณและขออนุโมทนาอย่างยิ่งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ปาริชาตะ
วันที่ 8 พ.ย. 2558

ขอบคุณสำหรับทุกคำถามและคำตอบค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
ผู้มีความประมาท
วันที่ 10 พ.ย. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
อัปสร
วันที่ 10 พ.ย. 2558

ขออนุโมทนา และขอขอบพระคุณทั้งท่านผู้ถาม - ท่านผู้ตอบ ได้ความรู้มากเลยค่ะ และขออนุญาตคัดลอกเผยแพร่ให้เพื่อนๆ ได้อ่าน ขออนุญาตค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
nvrath
วันที่ 15 พ.ย. 2558

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 23 ก.พ. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
chatchai.k
วันที่ 7 มิ.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
Jarunee.A
วันที่ 30 ก.ค. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนา

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ