เป็นความเข้าใจที่ถูกต้องมั้ย

 
kook.500_12
วันที่  6 มี.ค. 2559
หมายเลข  27527
อ่าน  1,063

มีบางคนกล่าวว่า

"ผมจำไม่ได้ว่า ที่มีคนทำนายแต่ละยุคเอาไว้ ตั้งแต่ อรหัน อานาคามี สกิทาคามี โสดาบัน

ปีพศ 2556 ถึงยุคที่ต่อให้ปฎิบัติธรรมแค่ไหน ก็จะได้แค่โสดาบัน หรือไม่ได้เลย จริงไหมครับ ถ้าจริงแบบนี้น่าท้อแท้มากๆ ไม่ว่าจะเอาชีวิตเดิมพันกับการปฎิบัติ แต่ก็ได้แค่โสดาบันหรือไม่ได้เลย ไม่เหมือนยุคพระอาจารย์มั่น เอาชีวิตเข้าแลก ถึงอรหันต์แทบจะทุกองค์ ทุกรูป แม้บางรูปไม่ถึง ก็โสดาบันอย่างน้อย" เป็นความเข้าใจผิดมั้ย ครับ

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต เล่ม ๔ หน้าที่ 554

ก็คำว่า วสฺสสหสฺส นี้ ตรัสโดยมุ่งถึงพระขีณาสพผู้บรรลุ ปฏิสัมภิทาเท่านั้น แต่เมื่อกล่าวให้ยิ่งไปกว่านั้น ๑,๐๐๐ ปี โดยมุ่ง ถึงพระขีณาสพผู้สุกขวิปัสสก ๑,๐๐๐ ปี โดยมุ่งถึงพระอนาคามี ๑,๐๐๐ โดยมุ่งถึงพระสกทาคามี ๑,๐๐๐ ปี โดยมุ่งถึงพระโสดาบัน ปฏิเวธสัทธรรมถูกดำรงอยู่ได้ ๕,๐๐๐ ปี โดยอาการดังกล่าวมานี้ แม้พระปริยัติธรรมก็ดำรงอยู่ได้ ๕,๐๐๐ ปีนั้นเหมือนกัน. เพราะ เมื่อปริยัติธรรมไม่มี ปฏิเวธธรรมก็มีไม่ได้ แม้เมื่อปริยัติธรรม ไม่มี ปฏิเวธธรรมไม่มี ก็เมื่อปริยัติธรรมแม้อันตรธานไปแล้ว เพศ (แห่งบรรพชิต) ก็จักแปรเป็นอย่างอื่นไปแล

จบ อรรถกถาโคตมีสูตรที่ ๑

ใน พันปีแรก ยังมี พระอรหันต์ ที่ทรงปฏิสัมภิทา (คือมีฤทธิ์ เช่น เหาะได้ ตาทิพย์ หูทิพย์ เป็นต้น)

ใน พันปีที่สอง พ.ศ. 1001-2000 ผู้มีคุณธรรมสูงสุด คือ พระอรหันต์ทีเป็นสุกขวิปัสสกะ (คือ ไม่ทรงปฏิสัมภิทา)

ใน พันปีที่สาม ตั้งแต่ พ.ศ.2001-3000 (คือในยุคนี้) ผู้มีคุณธรรมสูงสุด เป็นเพียงพระอนาคามีบุคคล

ใน พันปีที่สี่ พ.ศ.3001-4000 ผู้มีคุณธรรมสูงสุด คือ พระสกทาคามี

ใน พันปีที่ห้า พ.ศ.4001-5000 ผู้มีคุณธรรมสูงสุด คือ พระโสดาบัน

ดังนั้น เลย พ.ศ.5000 จึงไม่มีพระอริยบุคคล แม้จะมีหนังสือพระไตรปิฎกอยู่ แต่ไม่มีที่ท่านกล่าวนี้จริงรึปล่าวหรือมั้ย ผมยังงงสงสัยครับ

ยุคปัจจุบันนี้ สามารถบำเพ็ญปฎิบัติให้บรรลุอรหันตผลได้หรือไม่ครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 6 มี.ค. 2559

ขอนอบน้อมแด่พระผู้พระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ในความเป็นจริงของสภาพธรรมที่เป็นสังขารธรรม คือ มีปัจจัยปรุงแต่ง จะต้องเกิดขึ้นและดับไป จะต้องมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา แม้แต่พระศาสนาของพระพุทธเจ้าก็ย่อมจะถึงความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ถึงการอันตรธานไปในที่สุด เมื่อครบห้าพันปีดังนั้น ความเสื่อมไปนั้น ก็ต้องค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป ไม่ใช่จากเจริญแล้วมาเสื่อมอย่างรวดเร็วทันที เพราะฉะนั้น ในยุคพันปีแรก ก็มีพระอรหันต์ ที่ประกอบด้วยคุณธรรมสูงเป็นพระอรหันต์ที่มีฤทธิ์ มีอภิญญา และประกอบด้วยความแตกฉานในพระธรรม และการบรรลุ ก็ค่อยๆ เสื่อมไปๆ จนพันปีที่สอง ก็ยังมีพระอรหันต์ แต่เพียงดับกิเลสเป็นสุขวิปัสสกะ แต่ไม่ถึงพร้อม ด้วยคุณธรรม ที่เป็นการแสดงฤทธิ์ได้ ได้อภิญญาปฏิสัมภิทา ครับ

นี่แสดงให้เห็นถึงความค่อยๆ เสื่อมไปตามลำดับ แต่เมื่อถึงพันปีที่ 3 ก็หมดความเป็น พระอรหันต์ ในโลกมนุษย์ มีได้เพียงพระอนาคามี พันปีที่ 4 ก็สูงสุดเพียง พระสกทาคามี และพันปีที่ห้า พันปีสุดท้าย ก็ได้เพียงพระโสดาบัน นี่แสดงให้เห็นความจริงที่เป็นสัจจะ ว่า พระพุทธศาสนา ค่อยๆ เสื่อมไปอย่างช้าๆ ตามลำดับ ไม่ใช่ว่า พอพันปีที่สาม ที่สี่ ที่ห้า ยังมีพระอรหันต์ แล้วก็หมดทันที่ ไม่มีพระอริยบุคคล ในพันปีที่ห้าเลย แต่การเสื่อมคุณธรรม ก็ต้องเสื่อมไป ตามลำดับ ตามระดับของพระอริยบุคคล ครับ

เช่นเดียวกับ การเสื่อมของความเข้าใจพระธรรม พันปีแรก ก็ต้องมี ผู้ที่เข้าใจพระธรรมอย่างละเอียดลึกซึ้ง และพันปีที่สอง ก็ยังคงเข้าใจละเอียดลึกซึ้งอยู่ แต่ไม่มากเท่าพันปีแรก พันปีที่ 3 ก็เข้าใจน้อยลงตามลำดับ จนถึงพันปีที่ 4 พันปีที่ 5 ก็เสื่อมถอยในความเข้าใจพระธรรม จนในที่สุด แม้ได้อ่าน ได้ยิน มีพระไตรปิฎกเต็มตู้ แต่ก็อ่านไม่เข้าใจเลย หรือเข้าใจผิด และ ไม่สนใจก็ได้ อันแสดงถึงความอันตรธานของความเข้าใจ ไปตามลำดับที่ค่อยๆ เสื่อมไป จึงไม่ใช่ว่า พันปีที่ 3 ยังมีความเข้าใจลึกซึ้ง เท่ากับพันปีที่ 1 แล้วก็พอพันปีที่ 4 และ 5 ก็หายไปทันที คือ หายจากความเข้าใจลึกซึ้งทันที โดยที่ไม่ได้ค่อยๆ เสื่อม ก็ไม่ถูกต้อง เช่นเดียวกับ การบรรลุธรรมเป็นพระอริยบุคคลก็ค่อยๆ เสื่อมไป จนพันปีที่ 3 สูงสุดก็เพียงพระอนาคามี นี่คือเหตุผลของพระธรรมและเป็นสัจจะ ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 6 มี.ค. 2559

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

"...ถ้าไม่ตรงตามพระธรรมวินัยแม้การบรรลุเป็นพระโสดาบันยังไม่ได้ ไม่ต้องกล่าวถึงความเป็นพระอรหันต์..."อ้างอิงจาก ... ยุคนี้ ไม่มีพระอรหันต์แล้ว จริงเหรอ?

พระอรหันต์ เป็นผู้ที่ห่างไกลจากกิเลสทั้งหลายทั้งปวง เป็นผู้ทำลายข้าศึก คือกิเลสได้หมดสิ้น เป็นผู้ไม่มีภพใหม่อีกต่อไป การบรรลุถึงความเป็นพระอริยบุคคลขั้นต่างๆ เริ่มตั้งแต่พระโสดาบันบุคคล ถึง ความเป็นพระอรหันต์นั้น ต้องเป็นผู้ที่สั่งสมอบรมเจริญปัญญา สั่งสมการสดับตรับฟังพระธรรมจากพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ มาเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน และต้องเป็นผู้ดำเนินตามทางที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงไว้ คือ การอบรมเจริญปัญญา

มรดกที่ล้ำค่าที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทานแก่พุทธบริษัท คือ พระธรรมคำสอน ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ได้ฟังได้ศึกษาอย่างแท้จริง

ตามความเป็นจริงแล้ว ยุคสมัยนี้ พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงยังดำรงอยู่ พระธรรม ยังสมบูรณ์ถูกต้องครบถ้วน แต่ปัญญาของผู้ศึกษาเข้าไม่ถึงอรรถ เข้าไม่ถึงธรรม เพราะผู้ที่บำเพ็ญบารมีมาเพื่อเป็นพระอรหันต์ ท่านเกิดในสมัยครั้งพุทธกาลเป็นส่วนมาก ยุคปัจจุบันนี้เป็นของคนมีบุญน้อยการศึกษาอบรมเจริญปัญญาสามารถบรรลุคุณธรรมสูงสุด เพียงพระอนาคามีบุคคลเท่านั้น ประโยชน์จริงๆ ควรที่จะได้พิจารณาว่า หนทางที่จะทำให้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม คือ อะไร นี้คือ ความสำคัญ ถ้าตั้งต้นไม่ถูก ไม่ได้อบรมเจริญเหตุ คือ การอบรมเจริญปัญญาแล้ว ไม่มีทางถึงการรู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้

และที่ไม่ควรลืมอย่างยิ่ง คือ กิจของตนเอง นั่นก็คือ ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ให้เข้าใจ และไม่ประมาทในการสะสมกุศล ต่อไป ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 6 มี.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ผู้มีความประมาท
วันที่ 7 มี.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
chatchai.k
วันที่ 17 ม.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ