ทำไมสัตว์จึงไม่มีโทสะ แต่มนุษย์มีโทสะ

 
apiwit
วันที่  9 เม.ย. 2559
หมายเลข  27668
อ่าน  1,649

การเกิดเป็นมนุษย์เป็นผลของกุศล มนุษย์ต้องเป็นผู้มีปัญญาสูงกว่าสัตว์อย่างแน่นอน แต่ทำไมมนุษย์กลับเป็นผู้ที่มีโทสะมากมาย บางทีก็อาฆาตพยาบาท มีความยึดถือในตัวตน แต่ในขณะที่เกิดเป็นสัตว์ซึ่งเป็นผลของอกุศลกรรม เป็นผู้มีจิตใจตำ่กว่ามนุษย์ แต่ทำไมสัตว์กลับไม่มีโทสะ ไม่มีความอาฆาตพยาบาทรุนแรงเหมือนมนุษย์ แม้จะทำบาปทำอกุศล แต่ก็ไม่รุนแรงเท่ามนุษย์ที่ทำบาปทำอกุศล เหตุใดจึงเป็นอย่างนั้น ขอความกรุณาท่านอาจารย์ช่วยอธิบายด้วยครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 9 เม.ย. 2559

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สัตว์เดรัจฉาน ก็เป็น สิ่งมีชีวิตอีกภูมิหนึ่ง ซึ่งเป็นอบายภูมิ ที่เป็นภูมิที่ต่ำกว่ามนุษย์เมื่อเป็นสิ่งมีชีวิต ก็จะต้องมี จิต เจตสิก และ รูป ในภูมิที่มีขันธ์ 5 เพราะฉะนั้น สัตว์เดรัจฉาน ก็ต้องมี จิต เจตสิก รูป สัตว์เดรัจฉานก็มีการเห็น ที่เป็นจิตเห็น มีการได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้กระทบสัมผัส ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นการทำหน้าที่ของจิต เจตสิก และสัตว์เดรัจฉานก็มีการคิดนึก โดยที่ไม่ได้เห็น ไมได้ยิน ก็คิดนึก ดังเช่น มนุษย์ได้เช่นกันเพราะ ก็มีจิตเช่นกัน จิตของสัตว์เดรัจฉาน เกิดด้วย อเหตุอกุศลวิบาก ซึ่ง มีอกุศลกรรมที่เคยทำในอดีตเป็นปัจจัยให้เกิด จึงเป็น จิตที่ไม่ประกอบด้วยเหตุที่ดี คือ ไม่ประกอบด้วยอโลภะอโทสะ อโมหะ เพราะฉะนั้น สัตว์เดรัจฉาน จึงไม่สามารถอบรมปัญญาที่ถึงการบรรลุธรรมได้ แต่ สัตว์เดรัจฉาน ก็มี จิต เจตสิก ครับ

เพราะฉะนั้น สัตว์เดรัจฉานมีจิต เจตสิก จึงมีการสะสมกิเลส ที่เป็นอนุสัยกิเลส และ มีเหตุที่จะเกิดอกุศลจิตได้เป็นธรรมดา จึงสามารถเกิดโทสะได้ เกิดพยาบาทได้ ครับ จะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม

ส่วนบาปของสัตว์มีความรุนแรงน้อยกว่า เพราะ กรรมที่ทำ เช่น ทำสงฆ์ให้แตกกันที่เป็นบาปที่มีกำลังมากที่สุด สัตว์เดรัจฉานไม่สามารถทำได้ เป็นต้น ครับ

ส่วนในฝ่ายกุศลจิตนั้น สัตว์เดรัจฉานก็เกิดได้ สัตว์เดรัจฉานก็มีจิต เจตสิก รูป เช่นเดียวกับมนุษย์แต่เกิดมาด้วยผลของอกุศลกรรมไม่มีปัญญาเกิดร่วมด้วย แต่ถามว่ากุศลเกิดได้ไหมกับสัตว์เดรัจฉาน เกิดได้ครับ เช่น จิตคิดจะให้ การรักษาศีลก็ได้ หากสัตว์นั้นสะสมความเห็นถูกมาในอดีต เช่น อดีตชาติของพระโพธิสตว์ที่เคยเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน แต่โดยทั่วไปแล้วสัตว์เดรัจฉาน มากไปด้วยความไม่รู้ ความกลัวต่อภัย ไม่มีปัญญาที่จะสามารถอบรมการเจริญสติปัฏฐานที่เป็นปัญญาระดับวิปัสสนาได้ เพราะเป็นทุคติภูมิและเกิดด้วยผลของอกุศลกรรม แต่กุศลอื่นๆ ก็เกิดได้ จึงเป็นการปฏิบัติธรรมในกุศลขั้นต้นๆ แต่ไม่ใช่เป็นการปฏิบัติธรรมในกุศลที่เป็นไปในการอบรมปัญญาเพื่อดับกิเลส คือวิปัสสนา ไม่สามารถอบรมได้ครับต่างจากมนุษย์ที่เกิดในสุคติภูมิและเกิดด้วยผลของกุศลกรรม เป็นภพภูมิที่เอื้ออำนวยต่อการอบรมปัญญาเพื่อดับกิเลสได้ครับ

จิตของสัตว์เดรัจฉาน ก็เป็นไปตามการสะสมของ สัตว์นั้นที่เคยเกิดมาแล้วในอดีตและ เราทั้งหลายก็เคยเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน และ ต่อไปก็ต้องเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานในอนาคต เพราะฉะนั้น ก็สะสมกันไปตามการสะสมแต่ละคน แม้พระโพธิสัตว์ก็เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน มี จิต เจตสิกที่สะสมปัญญา ความเข้าใจมา แต่ สัตว์เดรัจฉานเกิดเพราะ อาศัย อกุศลกรรมเป็นปัจจัย แต่การสะสมของจิตไม่ได้หายไปไหน ผู้ที่มีปัญญา แม้เกิดเป้นสัตว์เดรัจฉาน ก็สามารถเกิด กุศลธรรมได้ ครับ ขออนุโมทนา

[เล่มที่ 27] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้าที่ 343

ข้อความบางตอนจาก อรรถกถา คัททูลสูตรดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลายจะเศร้าหมอง เพราะจิตเศร้าหมอง จะผ่องแผ้ว เพราะจิตผ่องแผ้ว. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราไม่พิจารณาเห็น สัตว์อื่นแม้เหล่าเดียวที่จะวิจิตรเหมือนสัตว์เดียรัจฉานเหล่านี้นะภิกษุทั้งหลาย. ภิกษุทั้งหลายสัตว์เดียรัจฉานแม้เหล่านั้น วิจิตรแล้ว เพราะจิตนั่นเอง. จิตนั่นเอง ยังวิจิตร กว่า สัตว์เดียรัจฉานแม้เหล่านั้นแล.

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 10 เม.ย. 2559

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ประโยชน์ที่ควรจะได้พิจารณาคือ การเกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉานมีจริง อบายภูมิมีจริงๆ ตรงตามพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ว่าผลที่ไม่ดีที่เกิดขึ้นต้องมาจากที่ไม่ดี แสดงถึงความเป็นเหตุเป็นผลของธรรม ไม่มีใครอยากเกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉานแต่เหตุคืออกุศลกรรม มีแล้ว แม้ไม่อยากเกิด เมื่ออกุศลกรรมให้ผลก็ทำให้เกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉานได้ เป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น สังสารวัฏฏ์ยาวนานมาก กว่าจะได้เกิดมาเป็นมนุษย์ในชาตินี้ ก็เกิดมาแล้วนับชาติไม่ถ้วน และยังต้องเกิดต่อไปอีก เพราะยังมีกิเลสอยู่ ซึ่งในขณะนี้จะเป็นผู้ประมาทไม่ได้เลย เพราะถ้าประมาทแล้ว จะนำพาไปสู่ที่ต่ำ คือ อบายภูมิได้ ซึ่งเป็นภูมิที่ไปได้โดยง่ายอย่างยิ่ง

เมื่อว่าโดยสภาพธรรมแล้ว ไม่มีสัตว์ บุคคล ตัวตน มีแต่ธรรมเท่านั้นที่เกิดขึ้น เป็นไป ที่ยังมีการเกิดวนเวียนไปในสังสารวัฏฏ์ ก็เพราะยังไม่สามารถดับกิเลสใดๆ ได้ นั่นเอง เพราะฉะนั้นตราบใดก็ตามที่ยังมีกิเลสอยู่ เมื่อได้เหตุปัจจัย กิเลสก็เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ รวมถึงความโกรธ ความไม่พอใจด้วย แม้สัตว์ดิรัจฉานก็มีโทสะ มนุษย์ก็มีโทสะ กิเลสไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลย แต่เป็นสภาพธรรมที่มีจริงๆ เกิดขึ้นเป็นไปตามการสะสมของแต่ละบุคคล เป็นอกุศลธรรม ไม่มีประโยชน์ใดๆ เลยแม้แต่น้อย ครับ

ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ

ความเป็นไปของผู้มีเวรต่อกัน [ขุททกนิกาย ชาดก ลฏุกิกชาดก]

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 10 เม.ย. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
peem
วันที่ 10 เม.ย. 2559

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
wirat.k
วันที่ 11 เม.ย. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
สุณี
วันที่ 11 เม.ย. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
j.jim
วันที่ 12 เม.ย. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
wannee.s
วันที่ 13 เม.ย. 2559

ตราบใดที่ยังไม่ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ กิเลสของมนุษย์ หรือสัตว์ หรือ เทวดา พรหม จะมีโลภะ โทสะ โมหะ มากน้อยตามการสะสมที่ไม่เหมือนกัน ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
Tommy9
วันที่ 16 เม.ย. 2559

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ