ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๔๕
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๔๕
~ ท่านผู้ใดมีความตระหนี่เกิดขึ้น สติระลึกได้ ยังมีกิเลสที่ยังไม่ได้ละคือความตระหนี่ เพราะฉะนั้นความตระหนี่ก็มีปัจจัยเกิดขึ้นได้ ท่านผู้ใดกำลังริษยา คนอื่นไม่รู้เลย สติระลึกรู้ว่าเป็นนามธรรมชนิดหนึ่งเกิดขึ้นเพราะมีเหตุปัจจัย เพราะฉะนั้นผู้ที่อบรมตน ก็คือผู้ที่เจริญสติระลึกว่าสภาพธรรมนั้นๆ ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน แล้วก็ขัดเกลา การละคลายกิเลสจึงจะดับหมดสิ้นได้เป็นสมุจเฉท (ถอนขึ้นได้อย่างเด็ดขาด) เป็นลำดับ แต่ไม่ใช่ว่าให้ท่านไปบังคับไว้ ตลอดเวลานั้นไม่ให้เกิดโลภะ ไม่ให้เกิดริษยา ไม่ให้เกิดตระหนี่ ถ้าเป็นโดยลักษณะนั้นแล้ว ท่านจะไม่รู้ว่า สังขารธรรมทั้งหลายนั้นไม่ใช่ตัวตน แต่ว่าเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย
~ บางครั้งการที่จะกล่าวธรรมที่ถูกต้อง ให้ผู้อื่นได้ฟังได้พิจารณานั้น ไม่เป็นเรื่องลำบากสำหรับผู้กล่าว แต่ว่าเป็นเรื่องขัดใจของผู้ฟัง ถึงคนอื่นจะขัดใจ แต่ถ้าท่านจะสามารถที่จะให้เขาออกจากอกุศล และดำรงอยู่ในกุศลได้ ก็ควรที่จะคิดว่า ความขัดใจของบุคคลนั้นเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่เรื่องที่จะให้เขาออกจากอกุศล ดำรงอยู่ในกุศลนั้น เป็นเรื่องใหญ่กว่า เพราะฉะนั้น ก็ควรจะพูด
~ การศึกษาพระไตรปิฎก เป็นสิ่งที่มีประโยชน์เกื้อกูลแก่พุทธบริษัท
~ อุบาสก อุบาสิกา ความหมายคือผู้นั่งใกล้พระธรรม ผู้นั่งใกล้พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้นั่งใกล้พระรัตนตรัย
~ สิ่งหนึ่งสิ่งใดที่คุ้นเคยก็ทำให้คิดถึงสิ่งนั้นเพราะฉะนั้น การที่จะเข้าใจธรรมขึ้น หนทางเดียว คือ ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบ่อยๆ
~ วาจาที่จะเป็นโทษให้คนอื่นเดือดร้อนหรือเสียใจขณะนั้นก็เป็นเพราะโทสะ เคยคิดไหมที่จะสงบจากอกุศลประเภทนั้น?
~ ใครมีกิเลสมาก?คนโน้น คนนี้ หรือจิตทุกจิตที่เกิดมาแสนนานด้วยความไม่รู้ด้วยความติดข้อง เหมือนแผล เชื้อโรคเรื้อรัง เน่า เหม็นพระธรรม เท่านั้นที่จะเป็นยารักษาจิตจากความไม่รู้จึงจะค่อยๆ ละโรค (กิเลสที่เสียดแทงจิต) ทุกชนิดทั้งโรคโลภะ โรคโทสะ โรคมานะ (ความสำคัญตน) โรคริษยา สารพัดโรคซึ่งเป็นปกติในชีวิตประจำวัน
~ เวลาที่กุศลจิตจะเกิดขึ้นแต่ละครั้ง ไม่ว่าจะเป็นทาน เป็นศีล เป็นภาวนา (อบรมเจริญปัญญา) ก็ตาม ก็จะต้องเพราะมีความไม่ประมาท ประชุมลงในความไม่ประมาท มีความไม่ประมาทเป็นมูล กายทุจริตย่อมเกิดขึ้นได้ในขณะที่ประมาท สติไม่ได้ระลึกรู้สภาพธรรมะนั้นว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควร วจีทุจริตเกิดได้ในขณะที่ประมาท สติไม่ได้ระลึกรู้ลักษณะว่าวาจาเช่นนั้นควรหรือไม่ควร
~ การให้ธรรม ให้ความเข้าใจในธรรมนั้น (ธรรมทาน) ก็เป็นเหตุที่จะให้บุคคลนั้นเจริญกุศล เจริญสติ เจริญปัญญายิ่งๆ ขึ้น
~ การที่ท่านจะมีจิตศรัทธา เลื่อมใสทะนุบำรุงพระศาสนา ขอให้ตรงกับเหตุผลด้วย อย่าให้เป็นการให้โดยที่ท่านคิดว่าท่านจะส่งเสริมสนับสนุนบำรุงสำนักหนึ่งสำนักใด แต่ขอให้ท่านเป็นผู้ที่ทะนุบำรุงส่งเสริมพระธรรมวินัย เพราะฉะนั้นเรื่องของการเข้าใจธรรมะ เป็นสิ่งที่จะเกื้อกูลให้ท่านได้บำเพ็ญประโยชน์ ได้ทะนุบำรุงพระธรรมวินัยจริงๆ แต่ถ้าท่านประมาทไม่พิจารณาธรรมะโดยความรอบคอบ ไม่เข้าใจถูกต้องในข้อปฏิบัติ และท่านคิดว่าท่านจะทะนุบำรุงพระ ธรรมวินัย แต่ท่านไม่ได้ทะนุบำรุงพระธรรมวินัย เพราะเหตุว่าท่านไม่เข้าใจว่าอะไรเป็นธรรมวินัย อะไรไม่ใช่ธรรมวินัย
~ จากความเป็นปุถุชน สู่ความเป็นพระอริยบุคคล ด้วยอะไร? ด้วยอวิชชา หรือด้วยปัญญา จากการที่จะเปลี่ยนสภาพจากความเป็นปุถุชนไปสู่ความเป็นพระอริยบุคคลนั้น เพราะความไม่รู้โน่นไม่รู้นี่ หรือว่าเพราะความรู้ทั่วจึงได้ละการยึดถือนามและรูปว่าเป็นสัตว์เป็นบุคคลเป็นตัวตน?
~ เวลานี้ท่านที่ยังไหวหวั่นไปเพราะ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ (สิ่งที่กระทบสัมผัสกาย) ก็ยังอยู่ในเขตแดนของกิเลส ยังไม่พ้นไปจากเขตแดนของกิเลสได้
~ หนทางเดียวที่จะแก้ทุกอย่างที่เลวร้ายได้ ก็คือ ให้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง เพราะถ้าไม่มีความเข้าใจที่ถูกต้อง ก็จะเห็นชั่วเป็นดี แล้วประพฤติชั่ว แล้วคิดว่าไม่มีผล แต่ความจริง ทั้งหมดเป็นธรรม ธรรมที่เป็นเหตุเกิดแล้วต้องเป็นปัจจัยให้เกิดธรรมที่เป็นผลของเหตุนั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ละเอียดมากที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงความละเอียดของธรรมที่เป็นเหตุคือ กรรม และ ธรรมที่เป็นผล คือ วิบาก
~ ปัญญา เห็นความถูกต้อง ดีเป็นดี ชั่วเป็นชั่ว เมื่อเห็นอย่างนี้แล้ว ปัญญานั้นเองก็จะรู้ว่าควรจะอบรมเจริญสิ่งใดให้มากขึ้น เพราะฉะนั้น ถ้ามีปัญญาแล้วความดีทั้งหลายก็เจริญขึ้น ความไม่ดีทั้งหลายก็ลดน้อยลงจนไม่เหลือได้ถึงความเป็นพระอรหันต์
~ สำหรับเรื่องการปฏิบัติธรรม อย่าเพียงคิดว่า จะปฏิบัติหรือว่าชักชวนกันไปปฏิบัติ แต่ว่าควรที่จะพิจารณาว่า เคยกลัวบ้างไหมว่าจะปฏิบัติผิดบ้างหรือเปล่า? เพราะเหตุว่ามักจะสนใจที่จะไปปฏิบัติ หรือชักชวนกันไปปฏิบัติ แต่ว่าอาจจะไม่เคยกลัวว่าจะปฏิบัติผิด ซึ่งตามความจริงแล้ว การปฏิบัติต้องมีที่ผิดและที่ถูก เพราะเหตุว่าความเห็นมี ๒ ประการ คือ ความเห็นผิดก็มี ความเห็นถูกก็มี เพราะฉะนั้น ถ้าความเห็นยังไม่ถูก การปฏิบัติก็ถูกไม่ได้
~ ในครั้งที่พระผู้มีพระภาคยังไม่ปรินิพพานผู้ที่มีโอกาสไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคและได้ฟังพระธรรม แล้วก็เกิดความเข้าใจและความเลื่อมใสแล้ว ก็เปล่งวาจาขอถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ (ที่พึ่ง) การกล่าววาจาขอถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ ก็คือ จะประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัย ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นไป
~ สำหรับวันหนึ่งๆ จะเห็นได้ว่า กุศลจิตที่เกิดขึ้นกระทำกุศลกรรมต่างๆ เป็นไปตามฉันทะของแต่ละบุคคลที่ได้สะสมมา ซึ่งบางท่านก็อาจจะช่วยเหลือบุคคลอื่น หรือว่าบางท่านก็อาจจะให้ทานวัตถุสิ่งของเป็นประโยชน์แก่คนอื่น กุศลธรรมเป็นปรมัตถธรรม เป็นสภาพธรรมที่ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย ตามฉันทะทั้งในเรื่องของทาน ในเรื่องของศีล ในเรื่องของการไตร่ตรองเหตุผลในธรรม ซึ่งพระธรรมนี้จะต้องไตร่ตรองให้ได้เหตุผลจริงๆ มิฉะนั้นก็อาจจะเข้าใจคลาดเคลื่อนไปได้
~ กุศลธรรมย่อมเป็นที่สรรเสริญชมเชย ไม่ว่าในขณะที่กำลังกระทำซึ่งมีผู้เห็น หรือแม้แต่ในกาลภายหน้า คือ ไม่ว่ากาลเวลาจะล่วงไป จะ ๑๐๐ ปี ๑,๐๐๐ ปี ๒,๕๐๐ กว่าปี กุศลธรรมหรือธรรมฝ่ายดีก็เป็นธรรมฝ่ายดี ธรรมใดเป็นธรรมที่ประเสริฐ ธรรมนั้นก็เป็นธรรมที่ประเสริฐ
~ ทุกคนย่อมนอบน้อมในคุณธรรม สักการะ เคารพ นับถือ บูชาคุณธรรม ไม่ว่าคุณธรรมนั้นจะมีอยู่ในผู้ใด และเมื่อนอบน้อมในผู้ใด ก็แสดงว่านอบน้อมในคุณธรรมที่มีอยู่ในบุคคลนั้น ไม่ใช่นอบน้อมในอกุศลธรรมที่มีอยู่ในบุคคลนั้น
~ ไม่มีใครช่วยได้ ไม่ว่าจะเป็นวรรณะใด ถ้าเป็นผลของอกุศลกรรมแล้ว เมื่ออกุศลกรรมนั้นให้ผล ก็ทำให้เกิดในอบายภูมิ
~ บุคคลอื่นไม่สามารถที่จะทำให้เราโกรธได้ ถ้าเราไม่มีกิเลส เพราะฉะนั้น จะเห็นได้เลยว่า ขณะใดที่ความโกรธเกิดขึ้น ขณะนั้นเป็นการประทุษร้ายตนเอง ซึ่งบุคคลอื่นไม่ได้กระทำ นอกจากกิเลสของตนเองเป็นผู้กระทำ
~ เมื่อจิตผ่องใสเป็นกุศล การกระทำทางกายก็เป็นสิ่งที่ดีงาม ที่เป็นประโยชน์
~ ขณะที่เข้าใจธรรม ขณะนั้นปัญญารักษาจิต
~ ต้องเข้าใจจริงๆ ว่า ธรรม ไม่ใช่เรา
~ สิ่งที่ประเสริฐสำหรับการได้เกิดมา คือ ได้เข้าใจธรรม
~ สภาพธรรมแต่ละหนึ่ง ลึกซึ้ง ที่ลึกซึ้งก็เพราะไม่ใช่เรา เกิดแล้วก็ดับไป ไม่เที่ยงไม่ยั่งยืน
~ ถ้าพระภิกษุท่านทำอะไรเหมือนอย่างคฤหัสถ์ได้ ทำไมบวช?
~ ตายดี คือ กุศลจิตเกิดก่อนตาย.
ขอเชิญผู้ศึกษาพระธรรมร่วมกัน (สหายธรรม) ร่วมแบ่งปันธรรมด้วยครับ
ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๔๔
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...