บุญ

 
ampnop
วันที่  17 มิ.ย. 2559
หมายเลข  27893
อ่าน  1,589

ผมเข้าใจเรื่องบุญดังนี้จะถูกหรือผิดครับ

บุญคือการตั้งใจไว้ดีแล้ว เมื่อมีเหตุหรือสิ่งหนึ่งสิ่งใดมากระทบหรือชักจูงก็จะไม่ไขว้เขวไปตามทำให้สิ่งต่างๆ เหล่านั้นกระทำอะไรไม่ได้ และกล่าวว่าผู้นั้นมีบุญค้ำจุนอยู่หรือกระทำบุญไว้ดี และบุญไม่ใช่กองสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่สะสมไว้แต่เป็นการสะสมความตั้งใจที่ดี และความตั้งใจนี้จะติดตามไปทุกชาติ

รบกวนท่านชี้แจงด้วยครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 17 มิ.ย. 2559

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ควรเข้าใจแม้แต่คำว่าบุญ คือ อะไร? บุญ เป็นธรรม เป็นสภาพธรรมที่มีจริงๆ อยู่ที่จิต ย่อมหมายรวมถึงโสภณเจตสิก (สภาพธรรมฝ่ายดีที่เกิดร่วมกับจิต เช่น ศรัทธา สติ หิริ โอตตัปปะ เป็นต้น) ที่เกิดร่วมด้วย ถ้าหากไม่มีจิต และ ไม่มีโสภณเจตสิกแล้ว บุญก็เกิดไม่ได้ จิตเกิดขึ้นเป็นกุศลขณะใด ขณะนั้นเป็นบุญ เป็นการชำระจิตจากกุศล การทำบุญ ก็ควรที่จะเป็นไปเพื่อขัดเกลากิเลสของตนเองเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อความอยากติดข้องต้องการ หวังผลของบุญ

บุญ เป็นสภาพธรรมที่ชำระจิตให้สะอาด (เพราะโดยปกติแล้วจิตสกปรกด้วยอำนาจของอกุศลธรรม) ขณะที่เป็นบุญ ขณะนั้นจิตสะอาดจากอกุศล คือ โลภะ โทสะ และโมหะ บุญ หรือ สภาพจิตที่ดี ทีเป็นกุศล มีหลายประการ ตามระดับและลักษณะของบุญครับ

บุญกิริยาวัตถุ 10 หมายถึง ที่ตั้งแห่งการกระทำความดี ๑๐ อย่าง หมายถึง กุศลจิตที่มีกำลังจนทำให้มีการกระทำออกมาทางกาย วาจาหรือทางใจ ได้แก่ ...

๑. ทานมัย บุญสำเร็จจากการให้วัตถุเพื่อสงเคราะห์หรือบูชาแก่ผู้อื่น

๒. ศีลมัย บุญสำเร็จจากการงดเว้นจากทุจริต หรือประพฤติสุจริตทางกาย วาจา

๓. ภาวนามัย บุญสำเร็จจากการอบรมจิตให้สงบจากกิเลส (สมถภาวนา) และการอบรมปัญญาเพื่อละกิเลสทั้งปวง (วิปัสสนาภาวนา)

๔. อปจายนมัย บุญสำเร็จจากการประพฤติอ่อนน้อมถ่อมตน

๕. เวยยาวัจจมัย บุญสำเร็จจากการขวนขวายบำเพ็ญประโยชน์ต่อผู้อื่น

๖. ปัตติทานมัย บุญสำเร็จจากการให้ส่วนบุญที่ได้บำเพ็ญมาแล้ว

๗. ปัตตานุโมทนามัย บุญสำเร็จจากการยินดีในกุศลที่ผู้อื่นได้กระทำแล้ว

๘. ธัมมัสสวนมัย บุญสำเร็จจากการฟังพระสัทธรรม

๙. ธัมมเทสนามัย บุญสำเร็จจากการแสดงพระสัทธรรม

๑๐. ทิฏฐุชุกรรม การกระทำความเห็นให้ตรงถูกต้องตามความเป็นจริง

เชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่ครับ

บุญ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 17 มิ.ย. 2559

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

บุญ เป็นสภาพธรรมที่ชำระจิตให้สะอาดปราศจากอกุศล บุญ จึงหมายถึงความดีทุกระดับขั้น ตัังแต่เบื้องต้น จนกระทั่งถึงที่สามารถดับกิเลสได้ตามลำดับ บุญ เป็นนามธรรม ซึ่งก็ไม่พ้นไปจากกุศลจิต และ โสภณเจตสิกที่เกิดร่วมด้วย นั่นเอง เจตสิกที่เกิดร่วมกับกุศลจิต จะต้องเป็นเจตสิกที่ดีงามเท่านั้น มี ศรัทธา หิริ โอตตัปปะ อโลภะ อโทสะ เป็นต้น เจตสิกที่ไม่ดีประการต่างๆ จะเกิดร่วมกับกุศลจิตไม่ได้เลย และเมื่อศึกษาพระธรรมไปตามลำดับ ก็จะเข้าใจได้ว่า สภาพธรรมที่เกิดขึ้น ล้วนมีเหตุปัจจัย ไม่ใช่เกิดขึ้นโดยปราศจากปัจจัย แม้แต่บุญ ก็เช่นเดียวกัน เกิดเพราะปัจจัยหลายอย่าง เพราะเคยเห็นประโยชน์ของความดี ไม่ประมาทในสะสมความดี ก็เป็นเหตุปัจจัย ให้ความดี คือ บุญ เกิดขึ้น สะสมเป็นอุปนิสัยที่ดีต่อไป ได้ ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ปาริชาตะ
วันที่ 17 มิ.ย. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 18 มิ.ย. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 19 มิ.ย. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Noparat
วันที่ 20 มิ.ย. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
wannee.s
วันที่ 21 มิ.ย. 2559

บุญอยู่ที่จิตที่มีน้ำใจช่วยเหลือคนอื่น การเสียสละความเห็นแก่ตัว การให้ข้าวน้ำกับคนที่ไม่มี และการฟังธรรมก็เป็นการสะสมบุญที่ทำให้เกิดปัญญาในภพต่อๆ ไปค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
peem
วันที่ 21 มิ.ย. 2559

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
ประสาน
วันที่ 22 มิ.ย. 2559

สาธุๆ ๆ ขออนุโมทนาในกุศลจิตทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
kukeart
วันที่ 22 มิ.ย. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
ผ้าเช็ดธุลี
วันที่ 10 ม.ค. 2560

อนุโมทนา และ ขอบพระคุณมากครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ