เมื่อท่านอาจารย์ได้รับเชิญไปสัมมนาทางพุทธศาสนาที่ศรีลังกา ปี ๒๕๒๐ (4)

 
kanchana.c
วันที่  11 ส.ค. 2559
หมายเลข  28065
อ่าน  950

ถ. (ได้ยินไม่ชัด)
สุ. ไม่มี นอกจากวันพิเศษ วันวิสาขบูชา หรือวันพระก็อาจจะมี แต่ว่าเมื่อฟังภาษาสิงหลไม่ได้ ก็เลยไม่ได้ฟังวิทยุ ก็เลยไม่ทราบ แต่คิดว่ามีเหมือนกัน เพราะเจ้าของบ้าน คือ คุณบุษบาก็ได้เปิดวิทยุ และก็บอกว่า วันนี้วันพระ ท่านปิยทัสสีกำลังแสดงธรรม

ดร.กูรสิงเห สนใจมาก จนถึงกับจัดตั้งกลุ่มศึกษาทุกวันพุธขึ้น เหมือนอย่าง Dhamma Study Group ที่เมืองไทย สำหรับสนทนาปัญหาธรรมกับชาวต่างประเทศจัดขึ้นทุกวันพุธ เพราะฉะนั้น ดร.กูรสิงเห ก็เห็นว่า การที่ได้ฟังธรรมในแนวนี้แล้วก็จะไม่ศึกษา ไม่สนทนาต่อไป ก็จะทำให้ไม่มีการเจริญเติบโตขึ้น ก็จะมีแต่การจะตายไป เพราะฉะนั้น ดร.กูรสิงเห ก็ขออนุญาตพระมหานายกที่จะจัดให้มีการสัมมนาธรรมเป็น Dhamma Study Group ขึ้นที่ B.I.C. (Buddhist Information Center) วันพุธนี้ ก็จะเริ่มมีในตอนบ่าย

นี่ก็แสดงถึงประโยชน์ที่ได้กับชาวศรีลังกาในแต่ละบุคคล

วันอาทิตย์ที่ ๓ เป็นวันพระของชาวศรีลังกา ซึ่งถ้าตรวจสอบดูกับปฏิทินไทย รู้สึกว่าจะไม่ตรง วันอาทิตย์ที่ ๓ มีนาคม ชาวศรีลังกาเรียกว่า โปย่าเดย์ หมายความถึงวันพระ วันอุโบสถ เข้าใจว่าไม่ตรง แม้แต่วันวิสาขะก็ไม่ตรง เพราะที่ศรีลังกา วันวิสาขะเป็นวันที่ ๓ พฤษภาคม ของไทยจะเป็นวันที่ ๑ มิถุนายน เพราะฉะนั้น วันพระก็ไม่ตรง

สำหรับวันอาทิตย์ ไม่มีการสนทนาธรรม และวันพระของชาวศรีลังกา โดยมากเขาไม่ไปไหน เขาอยู่บ้าน หรือไม่ก็อยู่วัด ถ้าไม่ไปวัดก็รับศีลอุโบสถแล้วก็อยู่บ้าน มีคนหนึ่งเขาบอกว่า ที่เขาไม่ออกจากบ้านไป เพราะเขาไม่อยากจะขับรถวันพระ ถามว่า ทำไมไม่อยากจะขับรถวันพระ เขาบอกว่า ถ้าเขาขับรถวันพระ เดี๋ยวพระท่านก็จะขับบ้าง แต่ว่าความจริงไม่เกี่ยวกัน เพราะว่าศีลอุโบสถก็เพียง ๘ และของพระภิกษุนั้นถึง ๒๒๗ แต่ก็อาจจะมีเหตุการณ์บ้านเมืองของเขาซึ่งเราไม่ทราบ ซึ่งเขาพยายามอย่างยิ่งที่จะรักษาขนบธรรมเนียมและพระวินัยไว้ เพราะฉะนั้น ก็พยายามจะทำตัวเป็นอุบาสกที่ดีเพื่อจะเป็นตัวอย่างป้องกันการย่อหย่อนในพระวินัย นั่นก็เป็นคำตอบสั้นๆ ที่เขาให้เหตุผลว่า ที่ไม่ไปไหนเพราะไม่อยากจะขับรถวันพระ เพราะถ้าเขาขับรถ พระท่านก็จะขับบ้าง

สำหรับในวันนี้ก็ได้ไปที่วัดกัลยาณีซึ่งเป็นวัดใหญ่ เป็นวัดสำคัญของโคลอมโบ ทุกคนที่ไปโคลัมโบต้องไปที่วัดนี้ เป็นวัดหนึ่งที่กล่าวว่า พระผู้มีพระภาคเสด็จที่ลังกา จะมีประวัติที่กล่าวถึง การเสด็จของพระผู้มีพระภาคของเราหลายๆ แห่งทีเดียว ทั้งๆ ที่ปรินิพพานที่ประเทศอินเดีย แต่กล่าวว่า หลังจากตรัสรู้แล้วเสด็จที่ประเทศศรีลังกา เพราะเห็นว่าประเทศศรีลังกาจะเป็นประเทศที่รักษาพระพุทธศาสนาไว้ และแม้แต่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ ก็ได้ทำอย่างนี้ แม้แต่ต้นโพธิ์ตรัสรู้ของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ ก็ได้เคยปลูกไว้ในที่ๆ ที่เคยปลูกต้นโพธิ์ต้นนี้ ที่ประเทศศรีลังกา

อันนี้ที่เดียวกันทั้งหมด ตามอรรถกถาที่แสดงไว้ แม้แต่ในสมันตปาสาทิกาแปล และก็ข่าวดีสำหรับพุทธศาสนิกชน ก็คือว่า ตอนนี้ต้นพระศรีมหาโพธิ์แตกกิ่งใหม่ ๑ กิ่ง เป็นกิ่งอ่อน เพราะว่ากิ่งที่มีอยู่เวลานี้เหลือเพียงกิ่งเดียวเท่านั้น ลำต้นใหญ่ถูกตัดแล้ว ก็คงจะหัก แล้วก็ต้องตัด แล้วก็ใช้ซีเมนต์ยาไว้ข้างใน และก็เหลือเพียงกิ่งเล็กกิ่งเดียว ซึ่งเก่าแก่มาก ต้องใช้ไม้ค้ำไว้ตลอดทางทีเดียว แต่ว่า ๖ – ๗ เดือนมีกิ่งใหม่แตกออกมา ๑ กิ่ง ซึ่งเป็นที่ชื่นชมของชาวศรีลังกามาก

(ภาพจากแฟ้มภาพที่บันทึกไว้ คราวท่านอาจารย์เดินทางไปเมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๓)

สำหรับคนที่เข้าใจสติปัฏฐานแล้วก็รู้ว่า พระศาสนาจะดำรงอยู่ได้ด้วยการเจริญสติปัฏฐาน ก็คงจะคิดอย่างนี้ แต่ว่าไม่ควรจะถือเป็นเรื่องที่ทำให้เกิดอกุศล แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ทำให้เกิดกุศล ก็เป็นเรื่องที่คาดคะเนตามเหตุการณ์ ซึ่งก็ไม่มีใครทราบว่าเป็นเพราะอะไร แต่ว่ากิ่งพระศรีมหาโพธิ์กิ่งใหม่แตกแล้ว แล้วก็ได้รับการดูแลอย่างดี ซึ่งความจริง ๖ – ๗ เดือนก่อนก็ได้ไปที่ประเทศศรีลังกา แต่ไม่เห็นกิ่งที่แตกใหม่ คือ ที่ไปครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑๙ ตุลา ซึ่งก็ควรจะเห็น แต่ก็คงจะเป็นตอนที่แตกเล็กมาก หรืออย่างไรไม่ทราบ ไม่ได้สังเกตเลย แม้แต่ในการไปครั้งที่ ๒ วันที่ ๑ ธันวาคม ได้ไปกราบนมัสการถึงต้น ก็ไม่สังเกต จนกระทั่งคราวนี้กิ่งแตกยาวเป็นที่สังเกตแล้ว พร้อมทั้งได้ทราบข่าวมาจากชาวศรีลังกาว่า ตอนนี้ต้นพระศรีมหาโพธิ์แตกกิ่งใหม่ ก็เลยได้ไปนมัสการ จึงได้สังเกตกิ่งใหม่ ไม่อย่างนั้นก็ไม่ได้สังเกต

ต้นนี้เป็นต้นที่มาจากต้นที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ ที่อินเดียเองตายไปแล้วหลายครั้ง แล้วก็ขึ้นใหม่ในที่เดิม แต่สำหรับที่ศรีลังกาไม่ตายเลย หลังจากที่พระเจ้าอโศกให้พระนางสังฆมิตตานำมาปลูกที่ประเทศศรีลังกา

นำมาจากอินเดีย ใช้กิ่งทางทิศใต้ เพราะเหตุว่าศรีลังกาอยู่ทางใต้ของอินเดีย ต้นที่แท้ตายไปแล้วหลายครั้งในอินเดีย ต้นที่อยู่ตอนนี้เป็นต้นที่ ๔ แต่ของศรีลังกา ต้นเดียว เป็นต้นไม้ประวัติศาสตร์จริงๆ ๒,๐๐๐ กว่าปี ไม่ตายเลย เก่าแก่มาก และใบโพธิ์ของต้นพระศรีมหาโพธิ์ต้นนี้มีรูปร่างต่างๆ แม้แต่รูปยาวแบบใบมะม่วงก็มีที่โคนต้น รูปเหมือนโพธิ์ธรรมดาก็มี และก็มีหลายอย่าง และก็ดูจากใบจริงๆ จากบนต้น ก็ไม่สวย เพราะต้นแก่มาก เก่ามาก แต่ว่าในใบทั้งหลายจะมีลักษณะต่างๆ ที่หล่นลงมา แล้วก็รู้ว่า เป็นใบของพระศรีมหาโพธิ์ แต่ว่าบางใบเป็นรูปยาว บางใบเป็นรูปเหมือนดอกจิก แตกยอดแหลม แต่ตอนที่ไปอนุราธปุระ กำลังแห้งแล้ง ร้อนมาก ใบร่วงหมด เหลือแต่ตอสั้นๆ แล้วก็เหลือกิ่งเก่ากิ่งหนึ่ง

ประเทศอินเดียก็ต้องรักษาอย่างดี ทุกประเทศรักษาอย่างดี แต่ของอินเดียถูกทำลายโดยพระมเหสีของพระเจ้าอโศก ซึ่งมีความริษยามากในต้นโพธิ์ซึ่งไม่มีชีวิต

ต่อจากวัดกัลยาณี ก็ได้ไปที่วิหารมหาเทวี ซึ่งมีอุบาสิกาชาวอเมริกันที่มีชื่อเสียง ชื่อ สุธัมมา แต่ว่าไม่พบ เพราะว่าไม่อยู่ ความจริงอุบาสิกาสุธัมมาก็ได้รับเชิญไปในพิธีเปิดสัมมนา แต่ไม่ได้ไป ไม่ทราบจะอยู่ที่โคลัมโบ หรือจะอยู่ที่เมืองอื่น

สำหรับวันนี้รับประทานอาหารกลางวันที่บ้าน มร.ออลค๊อต ปูนาเซการา ซึ่งเป็นไดเร็คเตอร์ของ B.I.C. เป็นประธานของ B.I.C.

ที่กล่าวถึงแต่ละบุคคล ก็เพื่อที่จะให้ทราบว่า แต่ละท่านมีความรู้มากน้อยแค่ไหนในธรรม แล้วมีความสนใจในการศึกษาอย่างไร

สำหรับ มร.ออลค๊อต กูนาเซการา ซึ่งเป็นประธานของ B.I.C. เขาเคยศึกษาอภิธรรม แต่ก็ทิ้งไป แต่หลังจากที่ได้สนทนาธรรมกัน มร.ออลค๊อต กูนาเซการา ก็เริ่มศึกษาพระอภิธรรมใหม่พร้อมกับอ่านวิสุทธิมรรคประกอบกันไปด้วย คือ ที่เคยทิ้งไป ก็เกิดความสนใจขึ้นมา เพราะว่าเป็นอภิธรรมในชีวิตประจำวัน เป็นธรรมที่ปรากฏพร้อมกับการอบรมเจริญสติปัฏฐานเพื่อที่จะรู้แจ้งในสภาพธรรม ไม่ใช่เพียงขั้นปริยัติเท่านั้น และก็ตรงกัน เพราะว่าพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคตรัสรู้และทรงแสดงเกิดจากการประจักษ์ลักษณะของสภาพธรรมที่มีจริงๆ หรือที่ปรากฏ เมื่อทรงประจักษ์อย่างไรก็ทรงแสดงอย่างนั้น

เพราะฉะนั้น ก็ทำให้ มร.ออลค๊อต สนใจและศึกษาใหม่อีกครั้งหนึ่ง และ มร.ออลค๊อต เป็นผู้ที่อ่านอย่างละเอียดมาก แล้วได้เล่าให้คุณนีน่าฟังในระหว่างเดินทางกลับโคลัมโบจากอนุราธปุระว่า ทุกครั้งที่อ่านหนังสือเล่มไหน ถือว่าหนังสือเล่มนั้นเป็นครู หรืออาจารย์ที่ให้ความรู้ เพราะฉะนั้น ก็ไม่เอาความรู้ของตัวเองขึ้นมาค้าน หรือขึ้นมาแย้ง แต่ว่าจะรับฟังความรู้จากผู้เขียน ถือว่าตัวเองเป็นศิษย์ของหนังสือที่กำลังอ่าน เพราะฉะนั้น อ่านด้วยความสนใจจริงๆ

วันรุ่งขึ้น วันจันทร์ที่ ๔ ได้ไปที่วัดๆ หนึ่ง ตั้งแต่เช้า เพราะว่าวัดนี้สามารถที่จะมองเห็นสิริปาท ซึ่งเป็นยอดเขาที่กล่าวว่า พระผู้มีพระภาคเสด็จที่นั่นเหมือนกัน วัดนี้ชื่อ เดรัมมีล่าราชมหาวิหาร ภาษาศรีลังกา ใช้คำว่า ราชมหาวิหาร เหมือนกันเลย เพียงแต่สะกดเป็นภาษาอังกฤษ ที่นั่นมีต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่แยกกิ่งมาจากต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่พระนางสังฆมิตตานำมาปลูก

.........

ขอเชิญติดตามตอนต่อไปได้ที่ลิงค์ด้านล่าง.....

เมื่อท่านอาจารย์ได้รับเชิญไปสัมมนาทางพุทธศาสนาที่ศรีลังกา ปี ๒๕๒๐ (5)
เมื่อท่านอาจารย์ได้รับเชิญไปสัมมนาทางพุทธศาสนาที่ศรีลังกา ปี ๒๕๒๐ (6)
เมื่อท่านอาจารย์ได้รับเชิญไปสัมมนาทางพุทธศาสนาที่ศรีลังกา ปี ๒๕๒๐ (7)
เมื่อท่านอาจารย์ได้รับเชิญไปสัมมนาทางพุทธศาสนาที่ศรีลังกา ปี ๒๕๒๐ (8)
เมื่อท่านอาจารย์ได้รับเชิญไปสัมมนาทางพุทธศาสนาที่ศรีลังกา ปี ๒๕๒๐ (9)


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
s_sophon
วันที่ 13 ส.ค. 2559

" ทุกครั้งที่อ่านหนังสือเล่มไหน ถือว่าหนังสือเล่มนั้นเป็นครู หรืออาจารย์ที่ให้ความรู้ เพราะฉะนั้น ก็ไม่เอาความรู้ของตัวเองขึ้นมาค้าน หรือขึ้นมาแย้ง แต่ว่าจะรับฟังความรู้จากผู้เขียน ถือว่าตัวเองเป็นศิษย์ของหนังสือที่กำลังอ่าน " [ ชอบ ]

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 13 ส.ค. 2559

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ