ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๗๔
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๗๔
~ สติ เป็นอกุศลไม่ได้
~ จิต เน่า เป็นโรคร้าย ด้วยกิเลสอกุศลธรรมทั้งหลาย
~ ตั้งต้นใหม่ ด้วยคำธรรมดาที่เราใช้เป็นปกติ แล้วค่อยๆ เข้าใจขึ้น
~ ฟังธรรม เพื่อเข้าใจสิ่งที่มีจริง ตามความเป็นจริง
~ ถ้าไม่ฟังธรรม จะเข้าใจความจริงได้อย่างไร
~ ทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประมาทไม่ได้
~ ธรรมเกิดขึ้นทีละหนึ่ง เป็นเราหรือเปล่า ไม่ใช่เราก็ไม่รู้
~ ผู้ตรงเท่านั้นที่จะได้สาระจากพระธรรม เพราะพระธรรม ตรง ผิดคือผิด ถูกคือถูก
~ ถ้าไม่มีธรรมเกิดเลย อะไรๆ ก็ไม่มี
~ ความเป็นไปของธรรม คือความหมายของคำว่า ธรรมดา
~ ฟังธรรม เพื่อที่จะค่อยๆ เข้าใจขึ้น เข้าใจคำที่ได้ฟัง
~ เห็นคนเดียว คิดคนเดียว ได้ยินคนเดียว
~ ถ้าใครคิดว่า ธรรม ง่าย นั้น ไม่ถูกต้อง
~ ฟังคำไหน เข้าใจคำนั้น ธรรม เป็นสิ่งที่มีจริง แต่ละหนึ่ง
~ ได้ยิน เกิดเพราะเหตุปัจจัย แล้วก็ดับไป ไม่กลับมาอีก
~ ทุกอย่าง เป็นธรรม ก็ต้องไม่ลืมว่า เป็นธรรม
~ พระธรรม ฟังแล้ว เบิกบาน อาจหาญ ร่าเริง เพราะเป็นไปกับความเข้าใจถูกเห็นถูก
~ พระธรรม กล่าวถึงสิ่งที่มีจริง ให้เข้าใจตามความเป็นจริง
~ สนทนาธรรม ก็ต้องกล่าวถึงเรื่องของธรรม
~ ผู้กล่าวธรรม ไม่ใช่เพื่อให้คนฟังไม่เข้าใจ แต่เพื่อให้คนฟังได้มีความเข้าใจถูกเห็นถูก
~ พระมหากรุณาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้คนที่ไม่รู้ ได้รู้ขึ้น พ้นจากความไม่รู้
~ ถ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้ทรงบำเพ็ญพระบารมีมาเพื่อที่จะทรงตรัสรู้ความจริง แล้วใครจะรู้ความจริงของสิ่งที่มีจริงๆ
~ เพราะมีศรัทธาเห็นประโยชน์ของพระธรรม จึงมาฟังพระธรรม สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกยิ่งขึ้น และทำให้มีอัธยาศัยที่จะฟังพระธรรมต่อไป
~ พระพุทธพจน์ทุกคำมีค่า แสดงถึงสิ่งที่มีจริงโดยละเอียดยิ่ง
~ สิ่งที่ควรระลึกถึงบ่อยๆ คือ ความตาย ก่อนตายควรที่จะเป็นอย่างไร? นี้คือสิ่งที่สำคัญ เตรียมตัวที่จะเป็นคนใหม่หรือยัง จะเป็นคนใหม่ในชาติใหม่ก็มาจากคนนี้ นั่นเอง
~ แต่ละชาติก็มีสุขบ้างมีทุกข์บ้าง แต่ส่วนที่ประเสริฐที่สุดในชีวิต ก็คือ ความเข้าใจถูกเห็นถูก
~ ถ้ามีความเข้าใจถูกเห็นถูกแล้ว แม้จะมีความเดือดร้อนก็สามารถเข้าใจถูกเห็นถูกได้ว่าเป็นธรรม ไม่ใช่เรา
~ ฟังแล้วฟังอีก ก็เพื่อที่จะได้เข้าใจสิ่งที่มีจริงๆ ในขณะนี้
~ อะไรบ้าง คือสิ่งที่มีจริงๆ ในขณะนี้? เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น คิดนึก จำ ฯลฯ แสดงถึงสิ่งที่มีจริงๆ แต่ละหนึ่งซึ่งไม่ใช่เรา
~ ความเข้าใจถูกเห็นถูก ค่อยๆ เกิดขึ้นเป็นไปทีละเล็กทีละน้อย
~ ไม่มีอะไรติดตามตัวไปได้ มีแต่ชั่ว ดีที่ติดตามไป และสิ่งที่ดีที่ประเสริฐที่สุด คือ ความเข้าใจถูกเห็นถูกเพราะสามารถดับสิ่งที่ไม่ดีได้จนหมดสิ้น
~ คิดว่า ธรรม เป็นสิ่งที่นอกเหนือไปจากชีวิตประจำวัน นั่น ผิดแล้ว
~ ไปปฏิบัติผิด ไม่ได้เฉียดความเข้าใจถูกเห็นถูกเลยแม้แต่น้อย
~ ทำให้ความไม่รู้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถ้าไปปฏิบัติผิด
~ การละ ไม่ใช่เรื่องของความติดข้องและความไม่รู้
~ ไม่ว่าจะเป็นเพศไหน บรรพชิตหรือคฤหัสถ์ ก็สามารถอบรมเจริญปัญญาได้
~ จิต เป็นจิต ไม่ใช่เรา จิตหลากหลายมากมาย ก็เพราะเจตสิกธรรมที่เกิดร่วมด้วย
~ จิตเป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งอารมณ์ แสดงว่า ต้องมีธรรมอีกอย่างหนึ่งที่เกิดร่วมกับจิต แต่ไม่ได้เป็นใหญ่เป็นประธานเหมือนกับจิต นั่น ก็คือ เจตสิก เป็นเราหรือเปล่า? ไม่ใช่เราเลย เป็นธรรม
~ โลภะ ไม่ใช่จิต โทสะ ไม่ใช่จิต แต่เมื่อเกิดก็ต้องเกิดร่วมกันกับจิต
~ กิเลสเพียงเล็กน้อย ก็สามารถนำไปสู่โทษที่ใหญ่ได้ จะประมาทกิเลสไม่ได้เลย
~ อาศัยการฟัง การพิจารณาไตร่ตรองจนเข้าใจ ก็เป็นปัญญาในระดับหนึ่ง
~ โอกาสเดียวที่จะทำให้เข้าใจสิ่งที่มีจริงในขณะนี้ คือ ฟังพระธรรม เพราะเป็นโอกาสที่ประเสริฐ เป็นโอกาสที่จะไม่ทำให้ความไม่รู้เพิ่มขึ้น มีแต่ทำให้ความรู้เพิ่มขึ้น
~ ยิ่งรู้ว่าอกุศลมากเท่าไหร่ เกิดมาเพื่อที่จะขัดเกลากิเลส โดยการที่ว่าถ้าไม่มีปัญญา ก็ไม่สามารถที่จะขัดเกลาได้ และปัญญาเพียงเล็กน้อย ก็ไม่สามารถที่จะละอกุศลซึ่งมีกำลัง ที่จะเกิดบ่อยมากกว่า ด้วยเหตุนี้ จึงเข้าใจคำว่าบารมี (ความดีที่ทำให้ถึงฝั่งของการดับกิเลส) แม้เพียงเล็กน้อยนิดหน่อย ก็สามารถที่จะลดปริมาณ จำนวนของอกุศลซึ่งถ้ากุศลไม่เกิด ก็เป็นอกุศล
~ ปิยวาจา (คำพูดที่น่ารัก ไพเราะ อ่อนหวาน) ใครสอน? พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ทรงเว้นเลยที่จะให้กิเลสเกิดพอกพูนมากๆ แต่ทุกอย่างเป็นเครื่องขัดเกลาทั้งหมด วาจาที่น่าฟัง ฟังแล้วก็สบายใจ เป็นประโยชน์ไหม? แล้วเราเองไม่ทำร้ายใครด้วย ~ ถ้าใครก็ตาม ที่สามารถสละอาคารบ้านเรือน วงศาคณาญาติ ทรัพย์สมบัติเงินทองทุกอย่างสละชีวิตเพื่อที่จะได้เข้าใจพระธรรม ควรกราบไหว้ไหม? (ควรกราบไหว้) เพราะฉะนั้น เราก็กราบไหว้ภิกษุผู้สละอาคารบ้านเรือน สละเพศคฤหัสถ์สู่เพศบรรพชิตเพื่อศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ เพื่อขัดเกลากิเลสในเพศบรรพชิต ซึ่งต้องประพฤติปฏิบัติตามพระวินัย นั่นคือ พระภิกษุในพระธรรมวินัย
~ พระภิกษุคือผู้สละทุกอย่างในเพศคฤหัสถ์ อะไรที่คฤหัสถ์ทำ พระภิกษุไม่ทำ เพราะว่านั่นเป็นกิจของคฤหัสถ์ กิจของพระภิกษุ คือ ศึกษาพระธรรมมีประโยชน์สูงกว่ากิจใดๆ ของคฤหัสถ์ เพราะเหตุว่าช่วยให้คฤหัสถ์ได้เข้าใจถูกต้องในพระธรรมวินัย จนสามารถที่จะอบรมเจริญปัญญาละคลายกิเลสได้ ซึ่งถ้าบรรพชิตไม่เป็นผู้ที่ศึกษาพระธรรมแล้วบรรพชิตจะอนุเคราะห์พระภิกษุและคฤหัสถ์อื่นๆ ได้อย่างไร ในเมื่อตนเองไม่ได้เข้าใจพระธรรม
~ การฟังพระธรรมด้วยความไม่ประมาทเท่านั้น ที่จะทำให้ค่อยๆ ละคลายความไม่รู้ได้
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าบำเพ็ญพระบารมี เพื่อเรา ก็เพื่อมีคำที่บ่งถึงสิ่งที่มีจริงแต่ละคำละเอียดขึ้น จนกระทั่งทำให้สามารถที่จะเห็นความจริงตามลำดับขั้นได้
~ ความเข้าใจแม้น้อยก็เป็นประโยชน์ เพราะจากความเข้าใจเล็กๆ น้อยๆ ก็จะเข้าใจเพิ่มขึ้นอีก จนกระทั่งละการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตนได้, ความเข้าใจถูกเห็นถูก สิ่งเดียวที่จะละความไม่รู้ได้
~ เป็นโอกาสที่ประเสริฐที่สุดในชีวิต ที่ได้สามารถเข้าใจความจริง ตั้งแต่เกิดจนตาย ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรมไม่มีโอกาสที่จะรู้ความจริงได้เลย
ขอเชิญผู้ศึกษาพระธรรมร่วมกัน (สหายธรรม) ร่วมแบ่งปันธรรมด้วยครับ
ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๗๓
... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ ...