ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๗๙
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๗๙
~ พาลที่ร้ายกาจที่สุดคือความเห็นผิด เพราะเหตุว่าคำพูดทุกคำเป็นคำเท็จ ไม่ใช่คำจริง
~ อาจหาญที่จะรู้ว่าอะไรถูกอะไรผิดแล้วทิ้งส่วนที่ผิดทันที เพราะเหตุว่าถ้าไม่ทิ้งทันทีโอกาสที่จะเสพคุ้น (กับสิ่งที่ผิด) ย่อมเพิ่มขึ้นแล้วก็ยิ่งละลำบากมากขึ้น
~ ใครจะเป็นอย่างไร มีความคิดเห็นอย่างไรกระทำทุจริตแค่ไหนระดับไหน ใจของเราไม่ขุ่นข้อง แต่ถ้าใจเราขุ่นข้อง ขณะนั้นก็เป็นพาลอีกเหมือนกัน เรานั่นแหละที่เป็นพาล
~ บัณฑิตที่แท้จริงที่ประเสริฐที่สุดคือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และสาวกทั้งหลายผู้ศึกษาธรรมด้วยความตรง ด้วยความจริงใจ ก็เป็นผู้ที่เป็นบัณฑิต ควรแก่การคบ เพราะเหตุว่านำมาซึ่งประโยชน์
~ ต้องเข้าใจ ว่าอะไรถูกอะไรผิดแล้วกล้าที่จะทำสิ่งที่ถูก ถ้าเป็นสิ่งที่ถูกแล้วกลัวอะไร เพราะถูกต้อง แต่ถ้าผิดก็รีบแก้ไขเสีย เลิกเสีย เปลี่ยนเสีย หันกลับมาเป็นผู้ที่ตื่น ศึกษาธรรม เข้าใจธรรม แล้วก็รักษาพระศาสนาได้ โดยการที่เข้าใจทั้งพระธรรมและพระวินัย
~ น่าที่จะพิจารณาชีวิตของแต่ละท่านจริงๆ ให้เป็นผู้ที่สะอาด ให้เป็นผู้ที่มีกายสุจริต พร้อมกันนั้นก็เป็นผู้ที่ตรง ที่จะรู้สภาพธรรมที่สะสมมาในสังสารวัฏฏ์ฎ์ที่ทำให้เป็นบุคคลต่างๆ กัน นอกจากจะเห็นว่าเป็นโทษ เห็นว่าเป็นภัยแล้ว ก็ควรที่จะมีความประสงค์ มีหิริ มีความละอายเกิดขึ้น ที่จะขัดเกลาละคลายอกุศลแต่ละอย่างนั้นให้เบาบาง อย่าเห็นว่าไม่เป็นโทษไม่เป็นภัย เพราะเหตุว่าถ้าเป็นอย่างนั้น ไม่มีวันที่จะตั้งต้นที่จะคลายอกุศลทั้งหลายได้
~ จะต้องเป็นผู้ที่มีกุศลจิต ที่ใคร่ที่จะขัดเกลาอกุศลนั้นๆ ซึ่งเป็นการยากถ้าได้สะสมมาในสังสารวัฏฏ์ฎ์แสนนาน แล้วก็จะให้หมดสิ้นไปในวันเดียว ๒ วัน เดือนหนึ่ง ชาติหนึ่ง เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าเกิดหิริ ความละอายขึ้น แล้วเห็นว่าเป็นอกุศล แล้วก็รู้ว่า อกุศลที่ได้สะสมมา ไม่ได้หมดไปโดยเร็วแน่ แต่ว่าย่อมหมดได้ ถ้ามีความเพียร และมีกุศลเจตนาจริงๆ ที่จะขัดเกลา แต่ว่าต้องเกิดหิริโอตตัปปะก่อน มิฉะนั้นก็จะไม่เห็นว่า อกุศลต่างๆ เหล่านั้นเป็นโทษเป็นภัย
~ จิตใจของเราเศร้าหมอง ไม่สะอาด สกปรก เต็มไปด้วยอกุศล
~ พระภิกษุเป็นผู้ที่สงบ เป็นผู้ที่สละ ผู้ที่ละชีวิตของคฤหัสถ์เพราะเห็นภัยในสังสารวัฏฏ์และเป็นผู้ที่สงบจากกิเลส เพราะฉะนั้น ขณะที่ทำสิ่งที่คนอื่นหัวเราะชอบใจเหมือนจำอวด ขณะนั้นไม่ใช่พระภิกษุ เพราะไม่ใช่ผู้สงบ
~ เมื่อบวชเป็นพระภิกษุแล้ว ก็ต้องศึกษาพระธรรมและประพฤติตามพระวินัย
~ พระพุทธศาสนาไม่ได้อยู่ที่วัดวาอาราม ไม่ได้อยู่ที่สิ่งก่อสร้างใดๆ แต่อยู่ที่ความเข้าใจของพุทธบริษัท ถ้าไม่มีความเข้าใจธรรม ธรรมก็ลบเลือนแล้ว เพราะฉะนั้น เดี๋ยวนี้ จะถามว่า พระพุทธศาสนา อันตรธาน (ลบเลือน หายไป) หรือยัง? อันตรธานจากผู้ไม่ฟังพระธรรม เมื่อไหร่ที่ไม่มีการฟังพระธรรม ไม่มีการฟังพระธรรมต่อไป ก็ไม่มีผู้ใดเลยที่จะเป็นชาวพุทธที่แท้จริง
~ คำพูดไม่ดี มีใครอยากฟังบ้าง? ไม่มีใครอยากฟัง
~ ถ้าเสียสละไม่ได้ ก็ทำความดีไม่ได้
~ ถ้าเข้าใจผิด ก็พูดผิด ถ้าเข้าใจถูก ก็พูดถูก
~ ทำไปด้วยความไม่รู้ ไม่มีทางที่จะรู้ได้ เพราะไม่รู้
~ ผู้หลงงมงาย จะเป็นชาวพุทธไม่ได้ ชาวพุทธต้องรู้ความจริงที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง
~ เมื่อมีความเข้าใจถูก ก็สามารถรู้ว่า สิ่งใดเป็นอกุศล สิ่งที่ไม่ดี และธรรมที่ตรงกันข้าม คือ ความดีนั้น คืออะไร ถ้ามีปัญญาเหมือนแสงสว่างก็จะนำไปสู่ทางของกุศล ห่างไกลจากอกุศลซึ่งเคยมีมากมาย แต่ว่าห่างทันทีไม่ได้เลย ค่อยๆ เป็นไปตามความเข้าใจ
~ เมตตาคือความหวังดี ความเป็นมิตร ไม่เลือกด้วย ไม่ว่ากับใคร พร้อมที่จะเกื้อกูล ถ้ามีโอกาสที่จะช่วยเหลือหรือทำอะไรได้ นี่คือความเป็นมิตร
~ มีทางที่จะพิจารณาเพื่อที่จะให้เกิดขันติ (ความอดทน) และเป็นกุศลเพิ่มขึ้น ไม่ว่าใครก็ตามที่ทำความเสียหาย ความเดือดร้อนให้ การกระทำของเขานั้นๆ ก็ดับไปในที่นั้นๆ ทำไมเราถึงจะยังโกรธต่อ ในเมื่อการกระทำนั้นหมดแล้ว จบแล้ว ดับแล้ว ขณะนี้เขาไม่ได้ทำอย่างนั้นแล้ว แต่ยังอุตส่าห์ไปคิดถึงเรื่องเก่าที่เขาทำ เพื่อที่จะให้ตนเองโกรธต่อไปอีก
~ ใครที่มักโกรธในชาตินี้ ให้ทราบว่าชาติก่อนๆ ก็ต้องมักโกรธ แล้วถ้าชาตินี้ยังมักโกรธอย่างชาตินี้ต่อไปอีก ก็ให้นึกถึงภาพชาติหน้าได้ว่าจะเป็นอย่างไร อยากจะเป็นอย่างนั้นต่อไป หรือว่าอยากเป็นอย่างอื่น ที่ไม่ใช่อย่างนี้ ถ้าอยากจะเป็นอย่างอื่น ก็ต้องเริ่มสะสมทางฝ่ายกุศลไว้เสียตั้งแต่เดี๋ยวนี้
~ ผู้ที่พร้อมจะให้สิ่งที่เป็นประโยชน์แก่บุคคลอื่น เมื่อเห็น เมื่อรู้ความต้องการของบุคคลอื่น ก็เป็นผู้ละเอียดในการเจริญกุศล เพราะรู้ความจำเป็นแล้วมีจิตกรุณาเกิดขึ้น ไม่ต้องรอให้เขาขอ ก็ให้
~ ฟังธรรม ประโยชน์ คือ ได้รู้ว่าความจริงคืออะไร อะไรถูกอะไรผิด เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเคยได้ยินได้ฟังอะไรมามากสักเท่าไหร่ แต่ถ้าได้ฟังสิ่งที่ถูกต้อง ก็สามารถที่จะรู้ว่า อะไรผิด แต่ถ้ายังไม่ได้ฟังสิ่งที่ถูกเลย ก็เชื่อว่าสิ่งที่ผิดๆ นั่นแหละถูก จนกว่าจะได้ฟังสิ่งที่ถูกต้อง เมื่อพิจารณาเห็นความจริง เห็นความถูกต้อง ก็สามารถที่จะละความเห็นผิดได้ ถ้าเป็นผู้ที่ตรง
~ คนที่ไม่รู้เขาทำชั่ว แต่คนที่รู้เขาไม่ทำ เพราะรู้ว่าความชั่วเป็นโทษทั้งกับตนเองและคนอื่น นำมาซึ่งทุกข์โทษภัยต่างๆ ซึ่งผู้ที่ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้โดยละเอียดยิ่ง ซึ่งถ้ารู้จริงๆ อย่างนี้ คนรู้ไม่ทำชั่ว เพราะฉะนั้น ถ้าทุกคน เข้าใจถูกต้อง โลกนี้ก็เป็นโลกที่ไม่เดือดร้อน ไม่มีการฆ่ากันไม่มีการประทุษร้ายเบียดเบียนกัน เป็นโลกที่อยู่ด้วยกันด้วยความสงบ และถ้ามีปัญญายิ่งขึ้น โลกนี้ก็ยิ่งสงบมากขึ้น
~ คนที่มีสำนักปฏิบัติ แล้วชวนคนไปปฏิบัติ ถูกหรือผิด? ผิด
~ ทำความดี คือ ฟังพระธรรมให้เข้าใจ ไม่ใช่ชวนกันไปพูดคำที่ไม่รู้จัก
~ พูดคำที่ไม่รู้จักแล้วจะเป็นมงคล นั่น ไม่ใช่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแน่นอน
~ ทุกคนที่เห็นประโยชน์ในการที่จะได้เข้าใจธรรมและจะดำรงรักษาพระพุทธศาสนา สำหรับคฤหัสถ์เราก็ทำหน้าที่ของเรา คือ ศึกษาธรรมแล้วก็เผยแพร่ให้เข้าใจถูกต้องว่า พระธรรมคืออย่างไร พระวินัยคืออย่างไร ส่วนผู้ที่มีหน้าที่ทางกฎหมายหรือทางอื่นก็ทำหน้าที่ของเขา แต่สำหรับเราก็มีหน้าที่ที่จะให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง ซึ่งทุกคนก็สามารถที่จะรับฟังได้ พิจารณาได้ และ ร่วมกันที่จะทำกุศล ที่จะรักษาพระพุทธศาสนาต่อไปได้
~ ก่อนจะละจากโลกนี้ไป สิ่งที่มีค่าที่สุด คือ ได้เข้าใจความจริง
ขอเชิญผู้ศึกษาพระธรรมร่วมกัน (สหายธรรม) ร่วมแบ่งปันธรรมด้วยครับ
ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๗๘
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
~ ก่อนจะละจากโลกนี้ไป สิ่งที่มีค่าที่สุด คือ ได้เข้าใจความจริง
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
อยากศึกษาธรรมให้ถ่องแท้มากกว่านี้ อยากจะเข้าไปกราบท่านสักครั้งต้องทำยังไงบ้างคะ รบกวนด้วยคะ
อ้างอิงจาก ความคิดเห็นที่ 9 โดย NiiNew
อยากศึกษาธรรมให้ถ่องแท้มากกว่านี้ อยากจะเข้าไปกราบท่านสักครั้งต้องทำยังไงบ้างคะ รบกวนด้วยคะ
คุณ NiiNew สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากเวปไซต์ นี้ พร้อมทั้งรับฟังรายการธรรมของมูลนิธิฯ จากสถานีวิทยุคลื่นต่างๆ ตลอดจนถึงรับชมรายการบ้านธัมมะ ทางสถานีโทรทัศน์ ช่อง ๑๑ ช่อง TNN2 ช่องรัฐสภา ช่อง Dr.TV และขอเชิญร่วมสนทนาธรรมที่มูลนิธิฯ ที่ซอยเจริญนคร ๗๘ ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ (ยกเว้น วันเสาร์ สิ้นปี และ วันอาทิตย์ วันขึ้นปีใหม่ เพราะงดสนทนาธรรม) เมื่อมามูลนิธิฯในวันเสาร์ / วันอาทิตย์ ก็จะได้พบท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ครับ มูลนิธิฯ ยินดีต้อนรับอย่างยิ่ง ครับ
อนุโมทนา ครับ
ขอนอบน้อมแด่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขอบพระคุณอ.คำปั่น อักษรวิลัย ที่เสียสละ เวลาเพื่อสหายธรรมได้เข้าใจธรรมะ
เสียสละได้เพราะมีคุณความดี น้อ อ.
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
แจ่มแจ้งยิ่งขอรับ จากความเมตตาจากท่านอาจารย์สุจินต์ ด้วยการศึกษาตั้งแต่เบื้องต้น คือการฟังพระธรรม ก็ต้องเริ่มให้ถูกต้องว่า แท้จริงแล้ว ไม่มีเรา แต่เป็นธรรมแต่ละอย่างที่เกิดจากเหตุปัจจัยแล้วก็ดับไปอย่างรวดเร็วในแต่ละขณะ ซึ่งความเข้าใจถูกตั้งแต่ต้นนี้ จะนำไปในหนทางที่ถูกต้องในการอบรมเจริญปัญญา เพื่อรู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏขณะนี้ ตามความเป็นจริงต่อๆ ไป
น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ สาธู ขอรับ