ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๘๕

 
khampan.a
วันที่  5 ก.พ. 2560
หมายเลข  28604
อ่าน  2,178

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๘๕




~ เป็นชาวพุทธก็ต้องรู้จักพุทธ พุทธะ คือ พระพุทธรัตนะ (พระสัมมาสัมพุทธเจ้า) รู้จักคำสอนคือพระพุทธศาสนา แต่ถ้าไม่ฟังไม่เข้าใจให้ถูกต้อง จะกล่าวว่าเป็นชาวพุทธได้อย่างไร เพราะฉะนั้น แม้แต่ชาวพุทธ ก็ไม่เป็น เป็นแต่เพียงเรียกกันเองว่าชาวพุทธ แล้วยังเรียกร้องให้พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติอีก โดยไม่รู้อะไรเลย แล้วไปเรียกร้องมาทำไม ถ้าเข้าใจจริงๆ เป็นเรื่องที่ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทย แต่ทุกประเทศ ประเทศไหนก็ตามแต่ที่ฟังธรรมเข้าใจ เป็นชาวพุทธทั้งหมด ไม่ต้องเป็นประจำชาติไหนเลยทั้งสิ้น เพราะว่าประจำโลก ไม่ใช่ประจำแต่เฉพาะชาติหนึ่งชาติใด

~ ผู้คนจะมีจำนวนสักเท่าไรก็ตาม ชื่ออะไรบ้างก็ตาม ก็เป็นแต่เพียงสภาพธรรม นามธรรมและรูปธรรมซึ่งเกิดขึ้นเป็นไปเพราะเหตุปัจจัย สภาพของโลภะเป็นโลภะ สภาพของโทสะเป็นโทสะ สภาพของปัญญาเป็นปัญญา สภาพของกุศลเป็นกุศล สภาพของอกุศลเป็นอกุศล

~ ความเคารพนอบน้อมของพระอรหันต์ทั้งหลาย ที่มีต่อพระผู้มีพระภาค แม้ว่าจะทรงอนุญาตให้ถอนพระบัญญัติเล็กน้อย แต่ว่าพระอรหันต์เถระทั้งหลาย ท่านก็มีความเคารพในสิกขาบทที่พระผู้มีพระภาคได้ทรงบัญญัติแล้ว เพราะฉะนั้น ก็ไม่ถอนพระบัญญัติที่ทรงบัญญัติแล้ว และไม่บัญญัติสิ่งที่ไม่ทรงบัญญัติ เพราะฉะนั้น ถ้ามีคนในสมัยนี้คิดเห็นว่า พระวินัยบัญญัติข้อใดอาจจะประพฤติไม่ได้ หรือว่าไม่เหมาะไม่ควร ก็ขอให้คิดถึงพระอรหันต์ทั้งหลายในการกระทำสังคายนาครั้งที่ ๑ ซึ่งท่านมีความเห็นร่วมกันว่า ท่านจะไม่บัญญัติสิ่งที่พระผู้มีพระภาคไม่ทรงบัญญัติ และจะไม่ถอนสิกขาบทที่พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติแล้ว

~ ถ้าไม่เข้าใจธรรม บวชเป็นพระภิกษุไม่ได้ ไม่รู้จักอัธยาศัยของตัวเอง แล้วจะละอาคารบ้านเรือนไปทำไม ไปสนุก ไปรับเงิน ไปให้คนกราบไหว้ แล้วก็ไปสอนผิดๆ ทำลายพระศาสนา เพราะเหตุว่า ไม่ได้พูดคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว

~ ถ้ารู้ว่าภิกษุทำลายพระศาสนา จะใส่บาตรไหม? ไม่ใส่ เพราะเหตุว่าช่วยกันทำลายพระศาสนา เลี้ยงดูโจร ให้โจรทำโจรกรรมมากขึ้น รับอาหารจากชาวบ้าน ไปทำสิ่งที่ไม่ใช่พระธรรมวินัย

~ พระภิกษุทุกรูป ที่บวช ก็เพื่อที่จะดำเนินตามรอยพระบาท ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ การขัดเกลากิเลส ไม่ใช่มารับเงินรับทอง

~ บวชแล้วไม่เข้าใจธรรม ก็ไม่ใช่ภิกษุในพระธรรมวินัย

~ พระภิกษุ ไม่ศึกษาพระธรรม ผิด เป็นอาบัติ (มีโทษ) เพราะเหตุว่า การบวช ก็ต้องหมายความว่า ก่อนบวชเป็นคฤหัสถ์ และคฤหัสถ์นั้นก็ต้องได้ฟังพระธรรม ไม่ใช่ไม่ได้ฟังเลยแล้วบวช อย่างนั้นก็ไม่ใช่ภิกษุในพระธรรมวินัย

~ บวชทำไม ในเมื่อเป็นคฤหัสถ์ก็ฟังพระธรรมได้ แต่ว่าเวลาฟังพระธรรม ต่างคนต่างรู้อัธยาศัยของตนเอง จริงใจที่จะสละอาคารบ้านเรือน วัตถุทรัพย์สมบัติทั้งหมด ความสนุกสนานรื่นเริง วงศาคณาญาติทั้งหมด เพื่อที่จะอุทิศ (เฉพาะ) ศึกษาพระธรรมและพระวินัย เพื่อขัดเกลากิเลส เพราะเห็นประโยชน์อย่างยิ่งของพระธรรม ที่จะศึกษาอบรมเจริญปัญญาในเพศบรรพชิตได้ จึงบวช ไม่ใช่ใครๆ อยากจะบวชก็บวช

~ ภิกษุใดที่ไม่ศึกษาธรรมให้ลึกซึ้ง กล่าวผิดจากพระธรรมและพระวินัย ภิกษุนั้นเป็นโทษ และก็เป็นอันตราย เพราะเหตุว่า ทำให้คฤหัสถ์หลงผิด เข้าใจผิดด้วย

~ พระภิกษุที่ไม่ประพฤติตามพระวินัย ไม่ปลงอาบัติ ไม่สำนึก ท่านตกนรก ไปสู่อบายภูมิ

~ ถ้าพระภิกษุ ไม่ศึกษาธรรม ไม่เข้าใจธรรม แต่บวช เป็นโทษอย่างยิ่ง ไม่ดำรงพระศาสนา และก็ทำให้คฤหัสถ์หลงผิด เข้าใจผิด ด้วย

~ พระภิกษุต่างจากเพศคฤหัสถ์ พระภิกษุเป็นเพศที่สูงยิ่ง ถ้าไม่ประพฤติปฏิบัติให้สมกับการเป็นเพศที่สูงยิ่งแล้วจะเป็นภิกษุได้อย่างไร ... รับเงินรับทอง เป็นภิกษุได้อย่างไร

~ ขอเป็นคนหนึ่งที่ไม่เห็นผิด ต้องอาจหาญร่าเริง กล้าหาญจริงๆ ที่จะอยู่ฝ่ายถูก

~ ถ้ามีความเห็นถูกต้องจริงๆ จะเห็นคุณประโยชน์ของการมั่นคงในสิ่งที่ถูกต้อง วันหนึ่งข้างหน้าก็จะได้ประโยชน์ใหญ่ในการไม่ตามสิ่งที่ผิด หรือตามหมู่คณะในทางที่ผิด เป็นผู้กล้ายืนอยู่ในทางที่ถูกได้

~ สิ่งหนึ่งที่เป็นอันตรายแม้แต่ผู้ศึกษาธรรม คือ การติดในลาภ สักการะ สรรเสริญ เพราะฉะนั้น ต้องเป็นผู้มั่นคงจริงๆ เพื่อการละ ไม่ว่าจะศึกษา จะทำงานเผยแพร่พระศาสนา ก็เป็นไปเพื่อการละ

~ ใครก็ตามที่จะรักษาพระพุทธศาสนา ก็ต้องเข้าใจธรรม แล้วคนที่ต้องการจะรักษาพระพุทธศาสนา ศึกษาธรรมหรือเปล่าเข้าใจธรรมหรือเปล่า มีแต่จะรักษา จะรักษาอย่างไร รักษาด้วยความไม่รู้ ด้วยความไม่เข้าใจ ก็รักษาไม่ได้

~ ถ้าช่วยให้ทุกคนได้เข้าใจถูก เป็นประโยชน์ไหม? เป็นผลดีไหม? และก็เป็นกุศลด้วย เป็นการขัดเกลากิเลส เพราะธรรม ตรง ความถูกต้องที่ได้พิจารณาแล้ว จะผิดไม่ได้เลย

~ ชาวพุทธต้องฟังพระธรรม จึงจะเป็นชาวพุทธจริงๆ ถ้าไม่ใช่ชาวพุทธที่เข้าใจพระธรรมที่ศึกษาจริงๆ เป็นผู้ทำลายพระศาสนา

~ พอได้ยินคำว่ากิเลส (เครื่องเศร้าหมองของจิต) ไม่มีใครชอบ แต่มีทุกคน มากบ้างน้อยบ้าง แต่ส่วนมาก ก็มีมาก เยอะ มีทุกวันก็ไม่รู้

~ ปัญญาประเสริฐที่สุด ปัญญา ละอกุศล ถ้าไม่มีปัญญาจะละอกุศลได้อย่างไร

~ พระภิกษุจะต้องศึกษาธรรม และขัดเกลากิเลสด้วยการประพฤติปฏิบัติตามพระวินัย

~ พระวินัยที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ พระภิกษุทุกรูป ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม อายุเท่าไหร่เป็นเถระหรือไม่เป็นเถระ ทั้งหมด จะต้องประพฤติปฏิบัติตามพระวินัย ใครที่ประพฤติผิดจากที่ทรงบัญญัติไว้ เป็นโทษ

~ พระธรรมวินัย ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ ทรงบัญญัติไว้ เป็นศาสดาแทนพระองค์ คนอื่นเกิดแล้วตายไป มีความรู้น้อยบ้างมากบ้าง แล้วจะให้เป็นศาสดาแทนพระองค์ได้อย่างไร แต่พระธรรมวินัยที่แต่ละคนได้ศึกษาดีแล้ว เป็นศาสดาแทนพระองค์

~ เป็นคฤหัสถ์ทำความดีได้มากตามอัธยาศัย เป็นพระภิกษุทำความดีให้ยิ่งกว่าคฤหัสถ์ด้วยการศึกษาธรรมเข้าใจธรรม และประพฤติตามพระธรรม เท่านั้น จึงเป็นความดีที่ยิ่งกว่าคฤหัสถ์

~ เป็นภิกษุ พูดเล่นได้ไหม ล้อเล่นได้ไหม? ไม่ได้ ดูหนังได้ไหม? ไม่ได้ เล่นคอมพิวเตอร์ได้ไหม? ไม่ได้ ฟังเพลงได้ไหม? ไม่ได้

~ พ่อแม่ทุกคนอยากให้ลูกเป็นคนดี เพราะฉะนั้น เป็นคนดีเมื่อไหร่ ก็แทนคุณเมื่อนั้น แต่ถ้าไปบวชแล้วไม่ได้เข้าใจธรรม ไม่ได้แทนคุณอะไรเลย เป็นโทษกับตนเองด้วย

~ ทรยศต่อพระสัมาสัมพุทธเจ้า รู้ว่าพระองค์ตรัสอย่างนี้ สอนอย่างนี้ แต่ไม่ทำตาม

~
พระบางรูปบอกว่า ถนอมน้ำใจของคฤหัสถ์ ก็รับ (เงิน) ไว้ แล้วจะส่งต่อให้คนอื่น อย่างนี้ ไม่เคารพความจริง ในพระธรรม ในคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บวชเป็นโทษ ไม่ได้เป็นบุญเลย ใช้คำว่าบวชเป็นโทษ เพราะไม่ได้เข้าใจธรรม

~ บวชแล้วไม่ได้เรียนธรรมเลย แล้วก็รับเงินรับทอง นั่นไม่ใช่ภิกษุเลย นั่นเป็นการทำลายพระพุทธศาสนา เป็นโทษกับตนเองอย่างมาก จากโลกนี้ไปก็คือ (ไปเกิดใน) อบายภูมิ เพราะทำให้คนอื่นเขาเข้าใจผิดว่าเราเป็นภิกษุในพระธรรมวินัย

~ มีอัธยาศัยที่จะศึกษาพระธรรม เป็นคฤหัสถ์ก็ศึกษาได้ แล้วไปบวชทำไม?

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๘๔

... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
peem
วันที่ 5 ก.พ. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
j.jim
วันที่ 5 ก.พ. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
Boonyavee
วันที่ 5 ก.พ. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
thilda
วันที่ 5 ก.พ. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
kukeart
วันที่ 6 ก.พ. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
siraya
วันที่ 6 ก.พ. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Noparat
วันที่ 6 ก.พ. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
เมตตา
วันที่ 7 ก.พ. 2560

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
jaturong
วันที่ 7 ก.พ. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
ปาริชาตะ
วันที่ 7 ก.พ. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 8 ก.พ. 2560

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
rrebs10576
วันที่ 8 ก.พ. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
chatchai.k
วันที่ 12 เม.ย. 2564

ขออนุโมทนาครับ 

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
มังกรทอง
วันที่ 16 ต.ค. 2564

น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ