จินตสูตร ... วันเสาร์ที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส
พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ
ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ
สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ
•••..... ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย .....•••
สนทนาธรรมที่มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา (มศพ.)
พระสูตร ที่จะนำมาสนทนาที่มูลนิธิฯ
วันเสาร์ที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐
คือ จินตสูตร จาก [เล่มที่ 34] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ ๗
[เล่มที่ 34] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ ๗
จินตสูตร (ว่าด้วยลักษณะแตกต่างระหว่างบัณฑิตกับคนพาล)
[๔๔๒] ดูกร ภิกษุทั้งหลาย นี่ลักษณะ นิมิต อปทาน (ความประพฤติ) ของคนพาลมี ๓ อย่าง ๓ อย่างคืออะไรบ้าง
คือ คนพาลในโลกนี้ ย่อมเป็นผู้คิดอารมณ์ชั่วโดยปกติ พูดคำชั่วโดยปกติ และทำการชั่วโดยปกติ ก็ถ้าคนพาลจักไม่เป็นผู้คิดอารมณ์ชั่วโดยปกติ พูดคำชั่วโดยปกติ และทำการชั่ว โดยปกติแล้วไซร้ คนฉลาดทั้งหลายจะพึงรู้จักเขาได้อย่างไรว่า อสัตบุรุษผู้นี้เป็นคนพาล ก็เพราะเหตุที่คนพาลย่อมเป็นผู้คิดอารมณ์ชั่วโดยปกติ พูดคำชั่วโดยปกติ และทำการชั่วโดยปกตินั่นแล คนฉลาดทั้งหลายจึงรู้จักเขาได้ว่า อสัตบุรุษผู้นี้ เป็นคนพาล นี่แล ภิกษุทั้งหลาย ลักษณะ นิมิต อปทาน ๓ อย่างของคนพาล
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี่ลักษณะ นิมิต อปทาน ของบัณฑิต มี ๓ อย่าง ๓ อย่างคืออะไรบ้าง
คือ บัณฑิตในโลกนี้ ย่อมเป็นผู้คิดอารมณ์ดีโดยปกติ พูดคำดีโดยปกติ และทำการดีโดยปกติ ก็ถ้าบัณฑิตจักไม่เป็นผู้คิดอารมณ์ดีโดยปกติ พูดคำดีโดยปกติ และทำการดีโดยปกติแล้วไซร้ คนฉลาดทั้งหลายจะพึงรู้จักเขาได้อย่างไรว่า สัตบุรุษผู้นี้เป็นบัณฑิต ก็เพราะเหตุที่บัณฑิตย่อมเป็นผู้คิดอารมณ์ดีโดยปกติ พูดคำดีโดยปกติ และทำการดีโดยปกตินั่นแล คนฉลาดทั้งหลายจึงรู้จักเขาได้ว่า สัตบุรุษผู้นี้เป็นบัณฑิต นี่แล ภิกษุทั้งหลาย ลักษณะ นิมิต อปทาน ๓ อย่างของบัณฑิต
เพราะเหตุนั้น เธอทั้งหลาย พึงศึกษาในข้อนี้อย่างนี้ว่า บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการเหล่าใด พึงทราบได้ว่าเป็นคนพาล เราทั้งหลายจักละเสียซึ่งธรรม ๓ ประการนั้น บุคคลประกอบด้วยธรรม ๓ ประการเหล่าใด พึงทราบได้ว่าเป็นบัณฑิต เราทั้งหลายจักถือเอาธรรม ๓ ประการนั้นประพฤติ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แล
จบจินตสูตรที่ ๓
อรรถกถาจินตสูตร
พึงทราบวินิจฉัยในจินตสูตรที่ ๓ ดังต่อไปนี้:-
บทว่า พาลลกฺขณานิ ได้แก่ที่ชื่อว่า พาลลักษณะ (ลักษณะของคนพาล) เพราะเป็นเครื่องให้คนทั้งหลายกำหนด คือ รู้ได้ว่าผู้นี้เป็นคนพาล ลักษณะเหล่านั้นแล เป็นเหตุให้หมายรู้คนพาลนั้น เพราะเหตุนั้น จึงชื่อว่าเครื่องหมายของคนพาล บทว่า พาลาปทานานิ ได้แก่ ความประพฤติของคนพาล บทว่า ทฺจฺจินฺติตจินฺตี ความว่า คนพาล เมื่อคิด ย่อมคิดแต่เรื่องที่ไม่ดี ด้วยอำนาจ อภิชฌา พยาบาทและมิจฉาทิฏฐิ บทว่า ทุพฺภาสิตภาสี ความว่า คนพาลแม้เมื่อจะพูด ก็ย่อมพูดแต่คำพูดที่ไม่ดี แยกประเภทเป็นมุสาวาทเป็นต้น บทว่า ทุกฺกฏกมฺมารี ความว่า คนพาลแม้เมื่อทำ ย่อมทำแต่สิ่งที่ไม่ดี ด้วยอำนาจปาณาติบาตเป็นต้น. บทว่า ปณฺฑิตลกฺขณานิ เป็นต้น พึงทราบตามทำนองลักษณะที่กล่าวแล้วนั่นแล.
ส่วนบททั้งหลายมีบทว่า สุจินฺติตจินฺตี เป็นต้น ในพระสูตรนี้ พึงประกอบด้วยอำนาจแห่งสุจริตทั้งหลาย มี มโนสุจริต เป็นต้น
จบอรรถกถาจินตสูตรที่ ๓.
...ขอความเจริญมั่นคงในกุศลธรรมจงมีแด่ทุกท่าน...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
⌂ข้อความโดยสรุป⌂
จินตสูตร
(ว่าด้วยลักษณะแตกต่างระหว่างบัณฑิตกับคนพาล)
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงความแตกต่างระหว่างบัณฑิต กับ คนพาล ว่า
คนพาล มักคิดชั่ว พูดชั่ว และ ทำชั่ว ส่วนบัณฑิต มักคิดดี พูดดี และทำดี.
ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ
พาล กับ มิใช่พาล
คนพาล
บัณฑิต
การคบบัณฑิต เป็นมงคลอุดม
...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...