สนทนาธรรมที่ฮานอย มายโจ ส.ค. - ก.ย. 2560 (4) สนทนาธรรม 3 วันสุดท้ายที่ฮานอย

 
kanchana.c
วันที่  6 ก.ย. 2560
หมายเลข  29156
อ่าน  2,140

สนทนาธรรม 3 วันสุดท้ายที่ฮานอย

คิดตามกิเลสของตนเองว่า 3 วันสุดท้ายที่โรงแรมทหารบก (Army Hotel) คงจะมีคนน้อย เพราะตัวเองคิดถึงบ้าน อยากกลับแล้ว แต่วันที่ 2 ก.ย. ซึ่งเป็นวันชาติของเวียดนาม มีคนมาฉลองวันชาติด้วยการฟังธรรมเต็มห้องประชุม แล้วก็ประกาศรายชื่อเจ้าภาพหลายท่านเลี้ยงอาหารกลางวันทั้งไทย ทั้งเวียดนามกว่า 100 คน

รวมทั้งผู้มอบของที่ระลึกให้ท่านอาจารย์และวิทยากรอีกหลายท่าน มีผู้ฟังบางคนเดินทางจากนอกเมืองกว่า 25 กม. ตั้งแต่ตีห้าเพื่อมาฟังธรรมตอนเก้าโมง พร้อมกับนำผลิตผลจากสวนที่บ้าน มีเมล่อน ฝรั่ง ส้มโอ มาหลายกล่องใหญ่เพื่อมอบให้คณะคนไทย แสดงว่าท่านเหล่านี้สะสมความเข้าใจว่า ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตามาแล้ว จึงมีศรัทธามานั่งฟังตั้งแต่เช้าถึงเย็น ดูไปแล้วคนเวียดนามจะสนใจฟังธรรมมากกว่าคนไทย เพราะเวลาจัดสนทนาธรรมนอกสถานที่จะมีคนท้องถิ่นมาฟังน้อยกว่าผู้ที่ติดตามไปจากมูลนิธิ ฯ

ไม่ว่าใครจะถามปัญหาอะไร ท่านอาจารย์และคณะวิทยากรก็จะนำมาสู่ สภาพธรรมที่กำลังปรากฏเดี๋ยวนี้ว่า เป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวตนอย่างไร เพื่อให้เข้าใจขั้นปริยัติเพิ่มขึ้นว่า เห็นเป็นเห็น เป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย ไม่ใช่ตัวตน สัตว์ บุคคล คิดเป็นคิด เป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัยเช่นกัน ไม่ใช่ตัวตน สัตว์ บุคคล เป็นธรรมคนละอย่าง แต่เพราะ "ความไม่รู้" จึงปรากฏรวมกันเป็นโลก เป็นสัตว์ บุคคล ตัวตน เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เที่ยง ซึ่งไม่มีใครสามารถรู้ความจริงนี้เองได้ จนกว่าจะได้ฟังธรรมจากพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งกว่าพระองค์จะตรัสรู้ความจริงนี้ได้ ก็ต้องทรงบำเพ็ญบารมีทุกประการยาวนานถึง 4 อสงไขยแสนกัป หลังจากนั้นทรงพระมหากรุณายิ่งใหญ่แสดงธรรมอีก 45 พรรษา ตลอดพระชนม์ชีพจนถึงเวลาใกล้ปรินิพพานก็ทรงแสดงธรรมเพื่อให้ผู้มีศรัทธาได้สะสมความเข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริงว่า เป็นธรรมะ ไม่ใช่เรา เป็นอนัตตา

บางคนถามถึงความตาย ท่านอาจารย์ถามว่ามีใครกลัวตายบ้าง มีหลายคนยกมือ ท่านอาจารย์ถามต่อว่า กลัวพรุ่งนี้ไหม กลัววันนี้ไหม กลัวขณะนี้ไหม ไม่มีใครกลัวขณะนี้ ความตายก็คือขณะหนึ่งซึ่งไม่ต่างจากขณะนี้เลย เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่สั้นแสนสั้นแล้วก็ดับไปทันที ไม่กลับมาอีก บางขณะทำกิจเห็น บางขณะทำกิจคิด บางขณะดำรงภพชาติ บางขณะทำกิจสิ้นสุดความเป็นบุคคลนี้ คือ ตาย อย่างที่ทุกคนกลัว แล้วก็มีจิตขณะต่อไปทำกิจเกิดเป็นบุคคลใหม่ แล้วจิตเกิดดับสืบต่อเห็น ได้ยิน คิดนึก เหมือนในชาตินี้ต่อไปเรื่อยๆ ไม่มีอะไรน่ากลัวเลย ที่กลัวเพราะไม่รู้ความจริงตามที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้และทรงแสดงแล้ว

บางคนเคยเห็นผี ยืนยันว่าเห็นจริงๆ แล้วถามว่าที่เห็นนั้นเป็นอะไร ท่านอาจารย์ถามว่าเห็นอะไร ถ้าเรียนปริยัติมาบ้างแล้ว ก็ตอบได้ว่า เห็นสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้ ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใด ไม่ใช่ตัวตน สัตว์ บุคคล เป็น "สิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้" เท่านั้นเอง ที่ "เห็นเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด" เพราะ "ความคิด" ที่เกิดจาก "ความทรงจำ" หลังจากเห็นแล้ว

แล้วมีคำถามเกี่ยวกับพระโพธิสัตว์ของมหายาน ท่านอาจารย์บอกว่า พระธรรมที่สืบต่อมาจากพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ เถรวาท ความจริงที่มั่นคงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ทั้งพระวินัย พระสูตร พระอภิธรรม ถ้าใครมีความมั่นคงในคำสอน ผู้นั้นเป็นเถรวาท

มีผู้ไปปฏิบัติที่สำนักปฏิบัติในพม่าหลายคนบอกว่า สอนว่าธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตาเหมือนกัน ไปฟังคำบรรยายแล้วให้ดูจิตของตน แล้ววันสุดท้ายก็มาเล่าประสบการณ์ในการเพ่งจิตของแต่ละคน ท่านอาจารย์ถามว่า ถ้าเหมือนกันแล้วทำไมต้องไป เธอตอบว่าเพราะท่านอาจารย์มาเวียดนามปีละ 2 ครั้ง เวลาที่ไม่มีท่านอาจารย์จึงต้องไปฟังท่านอื่น (เหมือนสหายของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีเลย เวลาที่พระพุทธเจ้าไม่ประทับที่พระเชตวันก็ไปหาพวกเดียรถีย์ เพราะยังไม่มีศรัทธามั่นคงในคำสอน) ท่านอาจารย์บอกว่า ไปสำนักปฏิบัติเหมือนถูกสะกดจิต ทำตามคำบอก ให้นั่ง ให้ยืน ให้เดิน ให้ทำเหมือนๆ กัน ไม่ได้ฟังพระธรรมคำสอนโดยละเอียด แล้วจะเข้าใจความเป็นอนัตตาได้อย่างไร พระภิกษุที่มาฟังธรรมติดต่อกันหลายครั้งและถามปัญหาอภิธรรมลึกๆ กล่าวว่า เข้าใจแล้วว่า มีแต่การฟังและพิจารณาธรรมเท่านั้นที่ทำให้เข้าใจความจริงได้ ธรรมมีปรากฏให้ศึกษาตลอดเวลาไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนหรือเวลาใด ต่อไปจะไม่ไปสำนักปฏิบัติแล้ว มีเสียงผู้ฟังเวียดนามกล่าวสาธุพร้อมกัน 3 ครั้ง

วันสุดท้ายเป็นวันจันทร์ แต่เป็นวันหยุดชดเชยวันชาติที่ตรงกับวันเสาร์ มีคนมาฟังบางตากว่าคนอื่น คุณเซิน (Nguyen Truong Son) และครอบครัวเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันทั้งเวียดนามและไทยที่ห้องอาหารติดกับห้องประชุม

ตอนบ่ายมีสนทนาธรรมต่อ จบการสนทนาพระภิกษุที่มาด้วยอีกรูปหนึ่งกล่าวขอบคุณ ท่านอาจารย์และคณะวิทยากร พร้อมกับอวยพรให้สุขภาพแข็งแรงเพื่อจะได้มาแบ่งปันความเข้าใจธรรมที่เวียดนามอีกต่อไป พร้อมกับตั้งความปรารถนาขอให้ได้เกิดมาพร้อมท่านอาจารย์เพื่อจะได้ฟังธรรมในชาติต่อๆ ไป

หลังจบการบรรยาย สหายธรรมเวียดนามมอบของที่ระลึกท่านอาจารย์และคณะวิทยากร รวมทั้งคณะผู้ติดตามคนไทย และยังฝากให้ผู้มีอุปการะคุณที่เมืองไทยอีก 6 คน มีคุณวันชัย คุณนภา คุณเบญจมาศ คุณฟองจันทร์ คุณกุสุมาและคุณเมตตา เป็นหน่อไม้แห้งถุงใหญ่ ซอสพริก 1 ขวด เป็นของที่คุณแม่มาย (Tran Thanh Mai) ทำเอง และเม็ดมะม่วงหิมพานต์ 1 กล่อง

และเช่นเคย ท่านอาจารย์มอบเงินทั้งหมดที่มีผู้มีศรัทธาชาวเวียดนามมอบให้แก่ชมรมบ้านธัมมะเวียดนาม เพื่อใช้ในการเผยแพร่พระธรรม ซึ่งผลการทำงานหนักของทีมงาน ทำให้มีผู้สนใจฟังมากขึ้น

ทุกครั้งที่จัดสนทนาธรรม มีผู้ฟังธรรมออนไลน์ที่เมืองต่างๆ ทั้งดาลัท ญาจาง ไซ่ง่อน ส่งภาพขณะที่รวมตัวกันฟังถ่ายทอดสด ทั้งนี้เป็นผลงานของคุณยุพินและคุณมารศรี จึงถ่ายทอดได้ทั้งภาพและเสียง มีผู้ถามปัญหาออนไลน์หลายคน พร้อมกับจดหมายจากผู้ฟังที่มาร่วมฟังไม่ได้ เธอเล่าว่า มาจากครอบครัวยากจน ก่อนฟังธรรมมีปัญหาขัดแย้งภายในครอบครัวมากมาย แต่เมื่อฟังธรรมเข้าใจ ชีวิตก็ดีขึ้น เพราะเข้าใจปัญหาตามความความจริง

ขอขอบคุณท่านอาจารย์ คณะวิทยากร และผู้จัด มีเหตุปัจจัยให้เกิดปีติในกุศลแม้เพียงเล็กน้อยที่ร่วมเดินทางไปกับท่านอาจารย์ แต่เป็นขณะที่มีค่ายิ่งในสังสารวัฏฏ์ เพราะได้เข้าใจธรรมเพิ่มขึ้น และได้ช่วยแปลให้เพื่อนร่วมเดินทางที่สนใจได้เข้าใจการสนทนาธรรมด้วย และทางเวียดนามก็นัดหมายการสนทนาธรรมครั้งต่อๆ ไปถึงปี 2019

ระหว่างเดินมาส่งท่านอาจารย์ที่ห้อง ปรารภกับท่านว่า วันนี้ท่านพูดน้อยจัง (จำมาเล่าไม่ได้เลย) เกิดโลภะอยากฟังท่านพูดมากๆ ท่านเตือนว่า ขณะนั้นดับไปนานแล้ว ถ้าเข้าใจธรรมมากขึ้นก็จะอยู่ใกล้กับขณะปัจจุบันมากขึ้น กราบขอบพระคุณที่เตือนค่ะ เพราะจนบัดนี้ยังไม่เคยอยู่กับขณะปัจจุบันเลย ไม่อยู่กับอดีตด้วยความติดข้องก็อยู่กับอนาคตด้วยความวิตกกังวล แต่ทั้งหมดด้วยความไม่รู้ตามความเป็นจริงนั่นเอง ก็แสดงว่าความเข้าใจยังไม่มีกำลังมากพอที่จะขึ้นจากห้วงน้ำของอวิชชาและความติดข้องสู่เกาะ คือ สติปัฏฐาน ระลึกตรงลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏขณะนี้ตามความเป็นจริง ต้องฟังต่อไป พิจารณาต่อไปเท่านั้นเอง

จบแล้วค่ะ กลับมาเขียนต่อที่เมืองไทย ตามเหตุปัจจัยเพราะอุปกรณ์ไม่พร้อมหลายอย่าง ต้องขอขอบคุณคุณวันชัย ภู่งาม ที่ช่วยใส่ภาพประกอบ และช่างภาพก็เกิดสนุกกับการถ่ายเป็นคลิปวิดีโอ เธอบอกว่าทำให้จำได้ว่า ทำอะไร ที่ไหน กับใคร อย่างไร ดีกว่าภาพนิ่ง แต่ก็เพิ่มงานให้คุณวันชัยต้องตัดต่อคลิปก่อนลงประกอบเรื่อง ขอบคุณอย่างยิ่ง หวังว่ากุศลจิตจะเพิ่มขึ้นด้วยนะคะ

ขอเชิญชมคลิปวีดีโอที่ รศ.สงบ เชื้อทอง บันทึกบรรยากาศการสนทนาธรรมสั้นๆ ไว้ ได้ที่นี่ ...

ขอเชิญคลิกชมตอนที่ผ่านมาทั้งหมดได้ที่นี่ ...

สนทนาธรรมที่ฮานอย มายโจ ส.ค. - ก.ย. 2560 (1)

สนทนาธรรมที่ฮานอย มายโจ ส.ค. - ก.ย. 2560 (2)

สนทนาธรรมที่ฮานอย มายโจ ส.ค. - ก.ย. 2560 (3)

และเชิญท่านที่สนใจคลิกชมบันทึกการถ่ายทอดสดการสนทนาธรรมที่ฮานอยครั้งนี้ในแต่ละวันได้ที่นี่ ...

หรือสามารถชมบันทึกการถ่ายทอดสดทั้งหมดในครั้งนี้และครั้งที่ผ่านๆ มาได้จากลิงค์นี้ ...

https://www.youtube.com/channel/UC0th6bYVYT-MlovZPSqMUKQ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
ประสาน
วันที่ 7 ก.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
j.jim
วันที่ 7 ก.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
missaran
วันที่ 7 ก.ย. 2560

กราบอนุโมทนา สาธุๆ ๆ เจ้าค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 7 ก.ย. 2560

ขออนุโมทนาครับ สาธุ สาธุ สาธุ ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
chvj
วันที่ 9 ก.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
wirat.k
วันที่ 9 ก.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
wannee.s
วันที่ 11 ก.ย. 2560

อนุโมทนาในกุศลจิตทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 12 ก.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
chatchai.k
วันที่ 26 ก.พ. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ