ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๓๑๗
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๓๑๗
~ ชาวพุทธต้องเป็นผู้มีความเข้าใจที่ถูกต้องตามความเป็นจริง เป็นผู้ที่มีปัญญา มีปัญญาของตนเองเป็นที่พึ่ง อาศัยปัญญาของคนอื่นได้ไหม ขอยืมมาหน่อยนึง ได้ไหม ไม่ได้เลย
~ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะทำให้เกิดความเข้าใจซึ่งเป็นปัญญาของแต่ละคนที่ได้ฟัง นั่นคือคุณ ที่ไม่สามารถที่จะมีอะไรเปรียบได้เลย จากความไม่รู้มานานในสังสารวัฏฏ์ เริ่มที่จะมีความเข้าใจที่ถูกต้องในแต่ละคำ, คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ลึกซึ้งอย่างยิ่งลุ่มลึก ตามลำดับ เพราะฉะนั้น การฟัง ต้องเข้าใจ ไตร่ตรอง ทีละคำจนกระทั่งเป็นความเข้าใจที่มั่นคง
~ พระธรรมเท่านั้นที่จะทำให้เกิดปัญญา (ความเห็นที่ถูกต้อง) และปัญญา เท่านั้น ที่เป็นแสงสว่างนำทางให้ประพฤติปฏิบัติทั้งกาย วาจาที่เป็นธรรมที่ดี
~ ผู้ที่เป็นมิตรกับทุกคน มีความรู้สึกสนิทสนมด้วยความจริงใจ ก็ย่อมจะเป็นผู้มีกรุณา เวลาที่บุคคลทั้งหลายประสบความทุกข์เดือดร้อน แล้วย่อมเป็นผู้มีมุทิตา เวลาที่บุคคล อื่นประสบกับความสุขความเจริญ และความสำเร็จ และถ้าไม่สามารถที่จะเกื้อกูลได้ หรือแม้ว่าจะได้ทำประโยชน์เกื้อกูลแล้วก็ไม่สำเร็จ บุคคลนั้นก็ยังเป็นผู้ไม่ขุ่นเคือง เพราะรู้ว่าแล้วแต่เหตุปัจจัย หรือกรรมของบุคคลนั้น ก็สามารถที่จะอบรมเจริญอุเบกขา (ไม่ตกไปทางฝ่ายอกุศล)
~ เมตตาเพิ่มขึ้นหรือเปล่า อภัยได้ไหม เรื่องที่ไม่น่าอภัยมีเยอะ แต่อภัยได้ไหม แล้วจะอภัยหรือไม่อภัย ยังดื้อไม่อภัย หรือรู้ว่า ดื้อไปทำไม โทษอยู่ที่ไหน ไม่ใช่อยู่ที่คนที่เราไม่อภัย แต่อยู่ที่ความไม่อภัยของตนเอง
~ การกระทำกุศล การเจริญกุศล ต้องเป็นผู้ที่มีฉันทะ ความยินดี ความพอใจ ในการเจริญกุศล เพราะว่าบางท่านอาจจะไม่ได้พิจารณาจิตใจโดยละเอียดจริงๆ ก็กลับเป็นผู้อยากได้กุศล หรือว่าต้องการกุศลมากๆ แทนที่จะเจริญกุศล เพื่อขัดเกลาความต้องการซึ่งเป็นอกุศล เคยพิจารณาไหมว่า เวลาทำกุศล อยากได้ผลของกุศลหรือว่าเพื่ออะไร?
~ ธรรมเป็นเรื่องตรง และเป็นเรื่องอุปการะทุกชีวิตที่สามารถเจริญขึ้นในกุศลธรรม ด้วยปัญญา ความเห็นที่ถูกต้อง แต่ถ้าเข้าใจไม่ถูกต้องเพราะไม่รู้ ก็ทำทุกอย่างด้วยความไม่รู้ เพราะด้วยความไม่รู้จึงเป็นโลภะบ้าง เป็นโทสะบ้าง เป็นอกุศลประเภทต่างๆ บ้าง
~ บางคนอาจจะมีการกระทำทางกาย หรือคำพูดทางวาจา ซึ่งอาจจะดูน่าเลื่อมใส แต่ว่าใจ จริงของบุคคลนั้น ใครจะรู้ว่า มีความหวัง มีโลภะ มีความละโมบ มีความปรารถนา มี ความต้องการอะไรหรือเปล่า แต่ผู้ที่อบรมเจริญปัญญาต้องเห็นโทษอย่างละเอียดของอกุศล แล้วก็ควรที่จะขัดเกลา เพราะถ้ายังเป็นผู้ที่ไม่อิ่มในโลภะ ในความต้องการ ก็ไม่มีวันที่จะหมดโลภะ แต่ถ้าเป็นผู้ที่ไม่อิ่มในกุศลธรรม เพื่อที่จะขัดเกลากิเลสจริงๆ วันหนึ่งก็สามารถที่จะดับกิเลสได้เป็นสมุจเฉท (ถอนขึ้นได้เด็ดขาด)
~ วันหนึ่งๆ จะเห็นได้ว่า ต้องอบรมเจริญกุศลต่อไปอีกๆ จนกว่ากุศลจะเพิ่มขึ้นๆ จริงๆ และในวันหนึ่งๆ ทุกคนซึ่งเป็นผู้ตรง ก็จะรู้ได้ว่า กุศลเกิดมากหรือน้อยเทียบกั
~ การศึกษาธรรมต้องเป็นเรื่
~ ถ้าได้ศึกษาเรื่
~ พาลที่ร้ายกาจที่สุดคือความเห็นผิด เพราะเหตุว่าคำพูดทุกคำเป็นคำเท็จ ไม่ใช่คำจริง
~ อาจหาญที่จะรู้ว่าอะไรถูกอะไรผิดแล้วทิ้งส่วนที่ผิดทันที เพราะเหตุว่าถ้าไม่ทิ้งทันทีโอกาสที่จะเสพคุ้น (กับสิ่งที่ผิด) ย่อมเพิ่มขึ้นแล้วก็ยิ่งละลำบากมากขึ้น
~ ใครจะเป็นอย่างไร มีความคิดเห็นอย่างไรกระทำทุจริตแค่ไหนระดับไหน ใจของเราไม่ขุ่นข้อง แต่ถ้าใจเราขุ่นข้อง ขณะนั้นก็เป็นพาลอีกเหมือนกัน เรานั่นแหละที่เป็นพาล
~ บัณฑิตที่แท้จริงที่ประเสริฐที่สุดคือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และสาวกทั้งหลายผู้ศึกษาธรรมด้วยความตรง ด้วยความจริงใจ ก็เป็นผู้ที่เป็นบัณฑิต ควรแก่การคบ เพราะเหตุว่านำมาซึ่งประโยชน์
~ ต้องเข้าใจ ว่าอะไรถูกอะไรผิดแล้วกล้าที่จะทำสิ่งที่ถูก ถ้าเป็นสิ่งที่ถูกแล้วกลัวอะไร เพราะถูกต้อง แต่ถ้าผิดก็รีบแก้ไขเสีย เลิกเสีย เปลี่ยนเสีย หันกลับมาเป็นผู้ที่ตื่น ศึกษาธรรม เข้าใจธรรม แล้วก็รักษาพระศาสนาได้ โดยการที่เข้าใจทั้งพระธรรมและพระวินัย
~ อกุศล ก็ทำกิจของอกุศล กุศลก็ทำกิจของกุศล แลกกันไม่ได้เลย ปรองดองกันก็ไม่ได้ เวลาอกุศลเกิดจะให้มีกุศลมาร่วมด้วยทำกิจการงานในขณะนั้นด้วย ก็เป็นไปไม่ได้
~ เดี๋ยวนี้ กำลังนั่งฟังพระธรรม แน่แท้ว่า ถ้าพิจารณาไตร่ตรอง ก็เข้าใจ
~ ยิ่งฟังก็ยิ่งเข้าใจขึ้น ไม่ต้องสงสัยเลย วันหนึ่งต้องเข้าใจความจริงได้ เพราะความเข้าใจถูกเห็นถูกที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้น
~ อาศัยพระธรรมเป็นที่พึ่ง ทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะทำให้มีความเข้าใจในลักษณะของสิ่งที่มีจริงยิ่งขึ้นได้ คิดเองไม่ได้
~ สิ่งที่มีค่า แต่ไปให้กับคนที่ไม่เห็นค่า ย่อมไม่มีค่าสำหรับผู้นั้น
~ กรรมฐาน (ที่ตั้งแห่งปัญญา) ไม่พ้นจากขณะนี้เลย ทุกอย่างที่อยู่รอบตัว เป็นที่ตั้งของการเจริญขึ้นของปัญญา เมื่อเข้าใจ แต่ถ้าไม่มีความเข้าใจ ทุกอย่างที่อยู่รอบตัวก็เป็นที่ตั้งของความติดข้อง
~ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เกื้อกูลให้เกิดปัญญาทุกคำ
~ คนอื่นเขาไม่ดี เรื่องอะไรที่เราจะต้องไปไม่ดีตามเขา
~ ปัญญา เป็นแสงสว่าง นำทางชีวิตไปสู่คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง.
ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๓๑๖
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
การศึกษาพระธรรมต้องเป็นผู้ละเอียด ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ การศึกษาพระธรรมต้องเป็นผู้ละเอียด และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณครับ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และท่านอาจารย์คำปัน อักษรวิลัย
กราบนอบน้อมพระรัตนตรัยด้วยเศียรเกล้า
ชาตินี้ หรือชาติไหนก็ตาม ถ้าไม่ได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ชาตินั้นก็มืดสนิท ความมืดปิดบังจนมิด ถึงกับว่า ไม่รู้ตัวว่าอยู่ในความมืด
กราบเท้าบูชาพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง และกราบขอบพระคุณอาจารย์วิทยากรทุกท่าน
กราบขอบพระคุณยินดีในกุศลอาจารย์คำปั่น อักษรวิลัย ด้วยค่ะ