ชีวิตตกต่ำ

 
อัญชิสา
วันที่  23 ก.ย. 2560
หมายเลข  29202
อ่าน  1,514

จะเปลี่ยนคู่เวร ที่อยู่ด้วยกันให้เป็นคู่บุญอย่างไรคะ ชวนเข้าวัดก็ไม่ไป กินเแต่เหล้า แต่เขาทำงานดูแลครอบครัวนะคะ มีปากเสียงกันแทบทุกวัน ชีวิตไม่มีความสุขเลย เคยตัดใจจะเลิกให้เด็ดขาดก็ทำไม่ได้ เราต้องพึ่งพาเขา เป็นแค่แม่บ้านคะ ชีวิตทุกวันมีแต่ความเครียด ทะเลาะกล่าวว่าถ้อยคำรุนแรงใส่กัน ยิ่งอยู่ยิ่งมีแต่เรื่องแย่ๆ กราบเรียนถามอาจาร์ยคะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 24 ก.ย. 2560

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ต้องไม่ลืมความเป็นอนัตตาของสภาพธรรม เพราะไม่มีใครบังคับใครเป็นไปไปตามที่ต้องการได้ แต่ละคนที่ยังมีกิเลส ก็ยังมีปัญหาด้วยกันทั้งนั้น มากบ้าง น้อยบ้าง ตามการสะสมของแต่ละบุคคล ถ้านึกถึงประโยชน์จริงๆ มีความอดทน เมตตาให้อภัยซึ่งกันและกัน และทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด ปัญหาก็คงจะน้อยลงได้บ้าง พร้อมทั้งสะสมที่พึ่ง คือ ความดี และปัญญาที่เข้าใจถูกเห็นถูกจากการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย เพราะชีวิตทุกชีวิต เกิดมาแล้ว ก็ต้องละจากโลกนี้ไปด้วยกันทั้งนั้น แม้ว่ารักกันมากเพียงใด หรือ โกรธกันมากเพียงใด ก็ต้องตายจากกันอยู่ดี เพราะฉะนั้น ก็ทำในสิ่งที่ดีงาม เป็นประโยชน์ ครับ
...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
อัญชิสา
วันที่ 25 ก.ย. 2560

แล้วถ้าเราเป็นฆาราวาส ผู้ครองเรือนอยู่ล่ะคะ มีวิธีปฎิบัติ อย่างไร ที่จะทำให้ทั้งทางโลกทางธรรมควบคู่ไปกันได้ ทางโลกตอนนี้ก็ทุกข์ใจกับความเป็นอยู่อย่างมาก ทาน ศีล ภาวนา อย่างที่เราปฎิบัติอยู่ตลอดนี่ถูกต้องไหมคะ

กราบเรียนถามอาจารย์ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
worrasak
วันที่ 25 ก.ย. 2560

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
khampan.a
วันที่ 25 ก.ย. 2560

อ้างอิงจาก ความคิดเห็นที่ 3 โดย อัญชิสา

-พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้อย่างครบถ้วน แม้แต่การครองเรือน การมีชีวิตคู่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ทรงแสดงไว้ ว่าผู้ที่เป็นสามีพึงปฏิบัติตนอย่างไร ผู้ที่เป็นภรรยาจะพึงปฏิบัติอย่างไร ซึ่งจะเป็นการประคับประคองให้ชีวิตดำเนินไปอย่างถูกต้อง ไม่เป็นเหตุนำมาซึ่งความเดือดร้อน (ตามที่ปรากฏในความคิดเห็นที่ ๑) ถ้าทั้งฝ่ายชาย และ ฝ่ายหญิง ต่างก็เป็นคนดีทั้งคู่ น้อมประพฤติในสิ่งที่ถูกต้องดีงาม ก็เป็นการอยู่ร่วมกันของคนดีทั้งคู่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ว่าเป็นชาย เทวดาอยู่ร่วมกับหญิงเทวดา ซึ่งเป็นผู้ที่ไม่ตายไปจากคุณความดี ดังข้อความจากปฐมสังวาสสูตร

ขอเชิญคลิกอ่านข้อความจากพระไตรปิฎกเพิ่มเติมได้ที่นี่ ครับ

การอยู่ร่วมกันเป็นสามีภรรยา [ปฐมสังวาสสูตร]

สิ่งที่ควรพิจารณาเป็นอย่างยิ่ง ชีวิตแต่ละภพในแต่ละชาตินั้น สั้นแสนสั้น ไม่ได้ยั่งยืนนาน ในที่สุดแล้วทุกคนจะก็จะจากโลกนี้ไป ทอดทิ้งกันและกัน ด้วยความตายที่เกิดขึ้น ดังนั้น สิ่งที่จะเป็นที่พึ่งที่แท้จริงในชีวิต คือ กุศลธรรม ความดีทั้งหลายทั้งปวง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ ปัญญา ความเข้าใจถูกเห็นถูก อันเกิดจากการฟังพระธรรมศึกษาพระธรรม สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ และปัญญานี้เอง จะเป็นแสงสว่างของชีวิตนำทางให้แต่ละชีวิตดำเนินไปในทางที่ถูกต้องดีงาม เป็นกุศลธรรม (ไม่ว่าจะเป็นใคร อยู่ในฐานะใดก็ตาม) ถอยออกห่างจากอกุศลธรรม มากยิ่งขึ้น ครับ

-พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมตามอัธยาศัยของผู้ฟัง ในบางแห่งทรงแสดงกับคฤหัสถ์ แสดงกุศล ๓ ระดับ ทาน (การสละวัตถุสิ่งของเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น) ศีล (การงดเว้นจากทุจริตกรรมประการต่างๆ แล้วน้อมประพฤติในสิ่งที่ดีงาม) ภาวนา (การอบรมเจริญความสงบของจิตและการอบรมเจริญปัญญา) แต่ถ้าแสดงกับบรรพชิต ส่วนใหญ่ไม่กล่าวถึงกุศลขั้นทาน เพราะท่านออกบวช สละวัตถุกามแล้ว จึงทรงแสดงกุศลที่ยิ่งขึ้นไป ศีล สมาธิ ปัญญา ซึ่งก็คือไตรสิกขา ไม่พ้นไปจากหนทางแห่งการอบรมเจริญปัญญาเลย แต่ก็ไม่ได้จำกัดเฉพาะเพศหนึ่งเพศใดโดยเฉพาะ เพราะเหตุว่า ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่ดำเนินตามหนทางอันประเสริฐ คือ หนทางแห่งการอบรมเจริญปัญญา ประโยชน์ย่อมเกิดมีแก่ผู้นั้น ตั้งแต่ขั้นต้น จนถึงสามารถดับกิเลสได้ ตามลำดับ

การศึกษาอบรมเจริญปัญญา ควรเป็นไปตามลำดับ ที่ขาดไม่ได้เลยนั้น คือการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ และเมื่อมีความเข้าใจถูกเห็นถูกแล้ว ก็จะอุปการะเกื้อกูลให้คุณความดีประการต่างๆ เจริญขึ้นด้วย ครับ

...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 26 ก.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
abhirak
วันที่ 26 ก.ย. 2560

เมื่อเรียนรู้พระธรรมก็ไม่ใช่ฟังเฉยๆ ครับ ควรไตร่ตรองสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันไปด้วยว่า แต่ละหนึ่งก็เป็นแต่ละหนึ่ง ธรรมะไม่สาธารณะแก่ผู้ใดจำคำนี้ของท่านอาจารย์ฯ ได้มั๊ยครับ ไม่ต้องไปเคี่ยวเข็ญหรือคาดหวังให้ใครๆ มาเป็นไปได้อย่างที่กิเลสเรานึกครับ ไม่ทะเลาะด้วยเพราะเข้าใจดีว่าทุกสิ่งเกิดจากเหตุที่สั่งสมมา คำหยาบคายเมื่อพูดใส่กันบ่อยๆ ก็เท่ากับการสั่งสมของผู้ที่พูดเองนะครับ เราเรียนพระธรรมเราควรเพิ่มพูนปัญญาที่เป็นความเห็นถูกเห็นตรงไปพร้อมๆ กับการศึกษาสภาพธรรมะที่เกิดขึ้นทั้งดีและร้ายครับ

เมื่อเรามีวาสนาที่จะฟัง และได้ฟังพระธรรมที่แสนจะล้ำค่าเช่นนี้แล้ว ก็อย่าท้อใจเลยครับ ใครจะไม่ดีก็เป็นเรื่องที่เขาสั่งสมของเขาเอง เราสั่งสมทางที่ถูกที่ดีของเราไปเรื่อยๆ เถอะครับ ใช้ชีวิตร่วมกันได้มองให้ออกว่าเป็นโอกาสทองที่เราได้อบรมปัญญาภายใต้เหตุการณ์ที่แสนจะท้าทายความรู้ความเข้าใจของเราเอง

ยังไงก็ขออนุโมทนาในกุศลต่างๆ ด้วยนะครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
tinq305
วันที่ 28 ก.ย. 2560

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
wannee.s
วันที่ 28 ก.ย. 2560

เปลี่ยนคนอื่นเปลี่ยนยาก นอกจากเราเองต้องอบรมปัญญา เพราะถ้าเรามีปัญญาเราจะไม่ทุกข์ และรู้ว่าทุกอย่างต้องมีเหตุปัจจัยจึงเกิด และไม่ลืมว่าทุกขณะเป็นผลของกรรม ไม่ว่าเราจะได้ยินเสียงดีหรือไม่ดีค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
thilda
วันที่ 30 ก.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
ชัยวัฒน์
วันที่ 3 ต.ค. 2560

เพราะไม่รู้ เขาไม่รู้ เราไม่รู้ จึงอยู่อย่างนี้ เมื่อเรารู้ เขารู้ จะผ่อนคลายได้ในระดับหนึ่ง เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
chatchai.k
วันที่ 16 ก.พ. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ